เข้าเดือนที่ 18 ของสงครามยูเครนแล้ว การต่อสู้ระหว่างยูเครนและรัสเซียยังคงดำเนินต่อไปอย่างดุเดือด
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสงครามจะยังไม่ได้ขยายวงออกไปนอกพรมแดนยูเครน แต่ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาความตึงเครียดได้ขยายขอบเขตไปยังพรมแดนเบลารุส-โปแลนด์ หลังปรากฏความเคลื่อนไหวของกลุ่มนักรบรับจ้างแวกเนอร์บนดินแดนเบลารุส
โปแลนด์ คือหนึ่งในชาติสมาชิกนาโตและชาติพันธมิตรใกล้ชิดของยูเครน โปแลนด์แสดงท่าทีสนับสนุนยูเครนและต่อต้านรัสเซียอย่างแข็งขันมาตลอดนับตั้งแต่รัสเซียเริ่มทำสงครามรุกรานยูเครน ล่าสุดเมื่อวานนี้ (15 ส.ค.) โปแลนด์ได้จัดขบวนพาเหรดกองทัพครั้งที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น
บรรยากาศพาเหรดของกองทัพโปแลนด์ที่จัดขึ้นที่บริเวณริมแม่น้ำวิสทูลา ใจกลางกรุงวอร์ซอ เมืองหลวงของประเทศโปแลนด์ กองทัพโปแลนด์นำอาวุธยุทโธปกรณ์หลากหลายชนิดมาร่วมจัดแสดงในขบวนพาเหรด มีทหารโปแลนด์และชาติพันธมิตรนาโตราว 2,000 นายร่วมเดินขบวน รวมถึงอันด์แชย์ ดูดา ประธานาธิบดีโปแลนด์ก็เข้าร่วมขบวนพาเหรดเช่นกัน
ทั่วบริเวณพิธีประดับไปด้วยธงชาติสีขาวแดงของโปแลนด์ กระทรวงกลาโหมโปแลนด์ระบุว่า อาวุธยุทโธปกรณ์ที่นำมาร่วมในขบวนประกอบไปด้วยอาวุธสัญชาติโปแลนด์และอาวุธสัญชาติอื่นๆ รวม 200 ชิ้น และเครื่องบินรบ เฮลิคอปเตอร์ 92 ลำ
ที่น่าสนใจคือ อาวุธจากคลังของกองทัพโปแลนด์ที่นำมาจัดแสดงไม่ได้มีแค่อาวุธโปแลนด์อย่างปืนใหญ่อัตตาจร “คราบ” (Krab) เท่านั้น แต่ยังมีอาวุธทันสมัยสัญชาติอื่นๆ เช่น อับบรามส์ รถถังประจัญบานสัญชาติสหรัฐฯ ไฮมาร์ส ระบบยิงขีปนาวุธหลายลำกล้องสัญชาติสหรัฐฯ รถถัง K2 และปืนใหญ่อัตตาจร K9 ของเกาหลีใต้ และระบบแบตเตอรีของระบบป้องกันภัยทางอากาศแพทริออต
สาเหตุที่เมื่อวานนี้โปแลนด์จัดขบวนพาเหรด เนื่องจากวันที่ 15 สิงหาคมของทุกปีเป็นวันกองทัพโปแลนด์ ซึ่งตรงกับวันที่โปแลนด์ได้รับชัยชนะใน “ยุทธการวอร์ซอ” หรือ Battle of Warsaw เมื่อปี ค.ศ.1920 จึงประกาศให้เป็นวันแห่งการรำลึกและเฉลิมฉลอง อีกชื่อหนึ่งของยุทธการนี้คือ “ปาฏิหาริย์แห่งวิสทูลา” เพราะกองทัพโปแลนด์สามารถพลิกกลับมาได้เปรียบกองทัพโซเวียตจนกลายเป็นจุดเปลี่ยนของสงครามโปแลนด์-โซเวียต
ชัยชนะที่เด็ดขาดของกองทัพโปแลนด์เหนือสหภาพโซเวียตในยุทธการวอร์ซอ ส่งผลให้สหภาพโซเวียตยอมแพ้และยุติสงครามในที่สุดและหยุดการขยายพรมแดนของสหภาพโซเวียตไปทางตะวันตกไว้
อย่างไรก็ตาม การเฉลิมฉลองวันกองทัพโปแลนด์ในปีนี้ต่างออกไปจากปีก่อนๆ เพราะขบวนพาเหรดยิ่งใหญ่เป็นพิเศษและคาดว่าน่าจะใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง สาเหตุที่ขบวนพาเหรดกองทัพโปแลนด์ยิ่งใหญ่กว่าปกติเพราะต้องการแสดงแสนยานุภาพทางการทหารด้วย มาริอุช บลัชตัก รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมโปแลนด์ระบุว่า โปแลนด์มีกองทัพที่แข็งแกร่งและพร้อมที่จะปกป้องประเทศและพรมแดนอย่างไม่ลังเล
งานขบวนพาเหรดดำเนินไปท่ามกลางประชาชนจำนวนมากที่มาร่วมชมการแสดงแสนยานุภาพของกองทัพในแง่หนึ่ง การจัดแสดงขบวนพาเหรดครั้งนี้คือการส่งสัญญาณต่อประชาชนว่ารัฐบาลโปแลนด์แข็งแกร่งพอที่จะปกป้องประชาชน
ประชาชนชาวโปแลนด์ รายหนึ่งที่มาร่วมชมขบวนพาเหรดกล่าวว่าเขารู้สึกปลอดภัยเมื่อเห็นว่ากองทัพโปแลนด์ทันสมัยและเข้มแข็งพอที่จะป้องกันตนเอง
อีกสัญญาณหนึ่งที่ขบวนพาเหรดส่งออกมาสู่ผู้รับชมคือ ไม่ว่าใครก็ตามที่หมายมั่นจะโจมตีหรือรุกรานโปแลนด์จะต้องคิดให้ดี เพราะโปแลนด์แข็งแกร่งและมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับนาโต นี่คือความเห็นของประชาชนชาวโปแลนด์อีกรายที่เข้าร่วมงานขบวนพาเหรด
งานพาเหรดอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้ยังจัดขึ้นหลังช่วงเวลาที่โปแลนด์ต้องเผชิญต่อความตึงเครียดบริเวณชายแดนโปแลนด์-เบลารุสในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังกลุ่มนักรบรับจ้างแวกเนอร์เคลื่อนไหวใกล้ชายแดนโปแลนด์ อีกทั้งกองทัพเบลารุสยังเริ่มซ้อมรบบริเวณใกล้พรมแดนโปแลนด์และลิทัวเนียอีกด้วย เบสารุสคือพันธมิตรเบอร์ต้นๆ ของรัสเซีย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทางการโปแลนด์จึงได้ตัดสินใจส่งกำลังพล 10,000 นายไปประจำการบริเวณชายแดนระหว่างโปแลนด์และเบลารุส
แสนยานุภาพทางการทหารของขบวนพาเหรดยังสะท้อนอีกว่า โปแลนด์ได้กลายเป็นหนึ่งในขุมกำลังทางการทหารหลักในบรรดาพันธมิตรนาโตและเป็นพันธมิตรที่สนับสนุนยูเครนอย่างเหนียวแน่นหลังสงครามปะทุขึ้น คำถามคือ ทำไมโปแลนด์ถึงมีท่าทีเช่นนี้
แสนยานุภาพทางการทหารของขบวนพาเหรดยังสะท้อนอีกว่า โปแลนด์ได้กลายเป็นหนึ่งในขุมกำลังทางการทหารหลักในบรรดาพันธมิตรนาโตและเป็นพันธมิตรที่สนับสนุนยูเครนอย่างเหนียวแน่นหลังสงครามปะทุขึ้น
คำถามคือ โปแลนด์มีบทบาทในสงครามยูเครนอย่างไรและทำไมโปแลนด์ถึงมีท่าทีเช่นนี้ โปแลนด์ไม่ใช่แค่ประเทศเพื่อนบ้านของยูเครนเท่านั้น แต่ยังเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นนับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากทำสงครามรุกรานยูเครนเมื่อหนึ่งปีครึ่งที่แล้วอีกด้วย
ในทางความมั่นคง โปแลนด์ตัดสินใจเพิ่มสัดส่วนงบประมาณทางการทหารอย่างรวดเร็ว โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 4 ต่อจีดีพี จากเดิมที่มีสัดส่วนต่ำกว่าร้อยละ 2 ในปี 2014 ซึ่งต่ำกว่าที่นาโตกำหนดไว้ว่า ชาติสมาชิกจะต้องลงงบประมาณด้านความมั่นคงด้วยสัดส่วนที่ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 2 ของจีดีพีโดยมากกว่าร้อยละ 50 ของการลงทุนด้านความมั่นคงของโปแลนด์มุ่งไปที่การวิจัยและพัฒนาอาวุธ โปแลนด์ยังเป็นพันธมิตรรายใหญ่ที่ส่งความช่วยเหลือทางการทหารให้แก่ยูเครน ไม่ว่าจะเป็นกระสุนจำนวนมหาศาล รถถังหลายร้อยคัน ปืนใหญ่ หรือเครื่องบินรบสิบกว่าลำ
นอกจากอาวุธยุทโธปกรณ์แล้ว โปแลนด์ยังเป็นทางผ่านที่ชาติพันธมิตรตะวันตกขนส่งอาวุธต่างๆ เข้าไปทางภาคตะวันตกของยูเครนและเมื่ออาวุธได้รับความเสียหาย โปแลนด์คือพื้นที่ที่ยูเครนจะส่งอาวุธต่างๆ ไปซ่อม เพื่อนำกลับมาใช้รบต่อ อีกทั้งการฝึกทหารยูเครนส่วนมากก็เกิดขึ้นบนแผ่นดินโปแลนด์
ขณะเดียวกัน โปแลนด์ยังเป็นหนึ่งในประเทศที่รับผู้ลี้ภัยชาวยูเครนมมากที่สุด โดยข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติระบุว่า มีชาวยูเครนที่ลี้ภัยสงครามเข้ามาอาศัยอยู่ในโปแลนด์ราว 1.6 ล้านคน
ในบรรดาชาติตะวันตก โปแลนด์คือหนึ่งในประเทศสมาชิกที่มีท่าทีแข็งกร้าวต่อรัสเซียมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะหลังรัสเซียผนวกคาบสมุทรไครเมียและมักเรียกร้องให้นาโตขยายพรมแดนออกไปทางตะวันออก เพราะมองว่ารัสเซียคือภัยคุกคามและหลังสงครามในยูเครนเปิดฉาก โปแลนด์ก็ได้กลายเป็นหัวหอกในการต่อต้านรัสเซียในสงคราม
ทำไมโปแลนด์จึงมองว่ารัสเซียเป็นภัยคุกคาม หนึ่งในสาเหตุที่โปแลนด์มองว่ารัสเซียอาจกลายเป็นภัยคุกคามได้คือเหตุผลทางภูมิศาสตร์ เพราะทางทิศเหนือของโปแลนด์มีพรมแดนติดกับแคว้นคาลินินกราด ซึ่งเป็นดินแดนของรัสเซียที่แยกออกมาจากแผ่นดินใหญ่ทางการโปแลนด์เองเคยออกมาแสดงท่าทีหวั่นเกรงว่า รัสเซียอาจขยายการรุกรานและการโจมตีด้วยการใช้พื้นที่ในคาลินินกราดเป็นจุดยุทธศาสตร์
ส่วนอีกสาเหตุเป็นเหตุผลทางประวัติศาสตร์ นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองตรงกับที่ประธานาธิบดีโปแลนด์เคยออกมาให้สัมภาษณ์ต่อหนังสือพิมพ์ วอชิงตัน โพสต์ ว่าตลอดประวัติศาสตร์หลายร้อยปีของโปแลนด์คือการต่อสู้กับรัสเซียหรืออดีตสหภาพโซเวียตที่พยายามใช้อำนาจครอบงำโปแลนด์ ไม่ว่าจะเป็นในศตวรรษที่ 18 ที่พยายามแบ่งดินแดนและลบโปแลนด์ออกจากแผนที่ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่สหภาพโซเวียตยึดครองดินแดนบางส่วนของโปแลนด์ หรือตลอดช่วงสงครามเย็น
ขณะเดียวกัน เมื่อวานนี้แคว้นลวิฟและแคว้นโวลิน ทางตะวันตกของยูเครนที่มีพรมแดนติดกับโปแลนด์ได้รับความเสียหายจากการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เริ่มสงครามมาล่าสุดรัสเซียได้ออกมายอมรับแล้วว่าเป็นผู้ยิงขีปนาวุธ โดยอ้างว่ามุ่งโจมตีเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมทางการทหารการโจมตีทางอากาศระหว่างทั้งสองฝ่ายยังดุเดือด ล่าสุดมีรายงานว่ารัสเซียส่งโดรนไปโจมตีท่าเรือเรนี ซึ่งเป็นคลังเก็บธัญพืชของยูเครนบริเวณแม่น้ำดานูบอีกครั้ง
ภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นที่คลังเก็บธัญพืชของท่าเรือเรนี ท่าเรือบริเวณแม่น้ำดานูบ ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในท่าเรือหลักในการขนส่งธัญพืชของยูเครน หลังรัสเซียถอนตัวออกจากข้อตกลงว่าด้วยการขนส่งธัญพืชผ่านทะเลดำ การโจมตีส่งผลให้คลังเก็บธัญพืชเสียหายจนธัญพืชกระจัดกระจายเต็มพื้นโอเลฮ์ คีเปอร์ ผู้ว่าการแคว้นโอเดสซาระบุผ่านเทเลแกรมว่า การโจมตีของรัสเซียมุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานท่าเรือและคลังเก็บธัญพืชนอกจากคลังเก็บธัญพืชแล้ว ยังมีรถแทรกเตอร์จำนวนหนึ่งที่ได้รับความเสียหายด้วย
อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้นี่คือส่วนหนึ่งของการโจมตีที่เกิดขึ้นในยูเครนเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา โดยกองทัพอากาศยูเครนระบุว่าสามารถสกัดโดรนชาเฮดที่ร่อนมายังบริเวณแคว้นโอเดสซาและมิโคลายิฟได้ทั้งหมด 13 ลำ
ท่าเรือเรนีเคยตกเป็นเป้าการโจมตีของรัสเซียพร้อมกับท่าเรืออิซมาอิลมาก่อนหน้านี้แล้วเมื่อปลายเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา
การโจมตีด้วยโดรนยังเกิดขึ้นที่รัสเซียด้วยเช่นกัน กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่าสามารถสกัดโดรนจากยูเครนได้ 3 ลำ ห่างจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงมอสโกราว 200 กิโลเมตร เมื่อเวลา 05.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น