กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุวันที่ 3 พ.ค. ว่า การส่งมอบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานชนิดยิงประทับบ่าสติงเกอร์ (Stinger) จากสหรัฐฯ อาจล่าช้ากว่ากำหนด เนื่องจากผลกระทบจากสงครามในยูเครน แต่รัฐบาลก็เน้นย้ำให้วอชิงตันส่งมอบอาวุธให้แก่ไต้หวันตามเวลาที่ตกลงกันไว้
ขีปนาวุธสติงเกอร์ซึ่งผลิตโดยบริษัท เรย์ธีออน เทคโนโลยีส์ ช่วยให้กองกำลังเคียฟสามารถยิงสกัดกั้นเครื่องบินของฝ่ายรัสเซียได้อย่างมีประสิทธิภาพ และกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในยูเครน ทำให้ขณะนี้กำลังการผลิตของสหรัฐฯ เริ่มไม่เพียงพอ
สหรัฐฯ อนุมัติจำหน่ายขีปนาวุธสติงเกอร์จำนวน 250 ท่อยิงให้แก่ไต้หวันในปี 2019 โดยคาดว่าจะส่งมอบครบถ้วนภายในปี 2026 ตามรายงานของสื่อไต้หวัน
ชู เหวินอู๋ (Chu Wen-wu) รองผู้อำนวยการสำนักงานแผนงานทางทหารของกองทัพไต้หวัน ยอมรับว่าสหรัฐฯ อาจจะ “ชะลอ” การส่งมอบอาวุธเหล่านี้
“สถานการณ์ระหว่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้มีความเสี่ยงที่การส่งมอบขีปนาวุธสติงเกอร์ในปีนี้จะล่าช้ากว่าที่กำหนด” ชู ระบุในงานแถลงข่าว “กองทัพจะดำเนินการตามแผนจัดซื้อ และจะย้ำเตือนให้กองทัพสหรัฐฯ ปฏิบัติตามสัญญาที่ตกลงกันไว้”
ซุน หลี่ฟาง (Sun Li-fang) โฆษกกระทรวงกลาโหมไต้หวัน เอ่ยเสริมว่า การจัดซื้อรถถังเอบรามส์จากบริษัท เจเนอรัล ไดนามิกส์ คอร์ป ยังคงเป็นไปตาม “ปกติ” โดยรัฐบาลไต้หวันมีแผนสั่งซื้อรถถังรุ่นนี้ทั้งหมด 108 คัน และคาดว่าจะได้รับมอบภายในปี 2027
กองทัพอากาศไต้หวันก็อยู่ระหว่างประสานกับทางการสหรัฐฯ เพื่อให้มั่นใจว่าฝูงบินขับไล่ F-16 รุ่นใหม่จะส่งมอบตรงตามกำหนดเวลาภายในปี 2026
นับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์ที่กระทรวงกลาโหมไต้หวันออกมาเตือนถึงความล่าช้าในการส่งมอบอาวุธจากสหรัฐฯ โดยเมื่อวันจันทร์ (2) ทางกระทรวงยอมรับว่ากำลังพิจารณา “ตัวเลือกอื่นๆ” หลังวอชิงตันแจ้งมาว่า ปืนใหญ่ฮาวอิตเซอร์ (Howitzer) ที่รวมอยู่ในแพ็กเกจจำหน่ายอาวุธมูลค่า 750 ล้านดอลลาร์ อาจจะส่งมอบได้ช้ากว่าที่ตกลงกันไว้ในปี 2023 เนื่องจากสายการผลิต “แน่น” มากในตอนนี้
รัฐบาลจีนยืนยันว่าไต้หวันคือดินแดนในอธิปไตยของตน และไม่ปฏิเสธการใช้กำลังทหารนำเกาะประชาธิปไตยแห่งนี้กลับมาอยู่ภายใต้การปกครอง ซึ่งทำให้ไทเปต้องเร่งเสริมศักยภาพป้องกันตนเองก่อนที่ปักกิ่งจะเปิดฉากรุกราน หนึ่งในนั้นก็คือการจัดซื้อระบบอาวุธที่มีประสิทธิภาพโจมตีแม่นยำ เช่น ขีปนาวุธชนิดต่างๆ
ที่มา: รอยเตอร์