ตำรวจสอบสวนกลาง เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ 4 พฤติกรรม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่อาละวาดหนัก หากพบให้ตั้งสติ ที่สำคัญห้ามโอนเงินโดยเด็ดขาด
เฟซบุ๊ก ตำรวจสอบสวนกลาง โพสต์เตือน 4 พฤติกรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อให้ประชาชนรู้เท่าทัน และไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ที่จะมีพฤติกรรมโทรศัพท์หลอกลวงให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ และยอมโอนเงินให้ ที่ผ่านมามีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งมิจฉาชีพเหล่านี้ จากสถิติในปี 2564 มีผู้เสียหายจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เข้าแจ้งความกว่า 1,600 ราย มูลค่าความเสียหายสูงกว่า 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ สำหรับ 4 สัญญาณ ที่บ่งชี้ว่า กำลังตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งปัจจุบันมีการแฝงตัวมาในหลายรูปแบบ คือ
1. มิจฉาชีพ จะอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงาน หรือบริษัทที่เรารู้จัก เพื่อสะดวกต่อการหลอกลวง ไม่ต้องอธิบายหน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยงานหรือบริษัทให้วุ่นวาย โดยมักจะอ้างเป็น ตำรวจ พนักงานธนาคาร พนักงานบริษัทขนส่งสินค้า
2. มิจฉาชีพจะอ้างว่าเรากำลังมีปัญหา หรือไม่ก็จะมีข้อเสนอน่าสนใจมาให้พิจารณา เพื่อให้เราตกใจ หรือเกิดความโลภ โดยมีข้ออ้างยอดฮิต เช่น
– คุณส่งพัสดุผิดกฎหมายไปยังต่างประเทศและกำลังจะถูกดำเนินคดี
– บัญชีธนาคารของคุณพัวพันกับธุรกิจผิดกฎหมาย
– คุณกำลังเป็นหนี้กับหน่วยงานรัฐต้องชำระโดยด่วน
– บัญชีธนาคารของคุณกำลังมีปัญหา ต้องให้ข้อมูลส่วนตัวรวมถึงรหัสผ่านเพื่อรักษาเงินในบัญชี
– คุณได้รับเงินรางวัลแต่ต้องจ่ายเงินส่วนหนึ่งก่อนเพื่อรับเงินรางวัลนั้น
3. มิจฉาชีพมักจะกดดันให้เราทำอะไรบางอย่างทันที เพื่อไม่ให้เรามีโอกาสได้คิดทบทวน หรือปรึกษาคนใกล้ตัว
4. มิจฉาชีพจะให้คุณจ่ายเงินโดยวิธีใดวิธีหนึ่งเท่านั้น เช่น มิจฉาชีพจะให้โอนเงินเข้าบัญชีส่วนบุคคล ทั้งๆ ที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงาน หรือบริษัท
อย่างไรก็ตาม หากคู่สนทนาทางโทรศัพท์ที่ท่านกำลังพูดคุยอยู่ เข้าข่าย 4 สัญญาณนี้ แสดงว่ากำลังตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขอให้ตั้งสติ อย่าตัดสินใจโดยทันที ให้ปรึกษาคนรอบข้างที่ไว้ใจ และที่สำคัญห้ามโอนเงินโดยเด็ดขาด
หากพบเบาะแสการกระทำความผิดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สามารถแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบ หรือสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.
ขอบคุณ เฟซบุ๊ก ตำรวจสอบสวนกลาง