ไขข้อข้องใจ ยาฟาวิพิราเวียร์หาซื้อได้ที่ไหน ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 สามารถหาซื้อมารับประทานเองได้หรือไม่ ที่นี่มีคำตอบ
สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในไทยยังน่าเป็นห่วงจากตัวเลขของผู้ป่วยติดเชื้อที่ยังคงพุ่งสูง ส่งผลให้คนไทยจำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะกลุ่มที่มีอาการไม่รุนแรง หรือ กลุ่มที่ไม่มีอาการ โดยการหาซื้อยาฟาวิพิราเวียร์ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเชื้อไวรัส SARS CoV2 มารับประทานเองซึ่งไม่สามารถทำได้ นอกจากจะไม่หายจากโรคโควิดแล้วยังเพิ่มความเสี่ยงให้กับตัวเองมากขึ้นด้วย พาไปหาคำตอบของเรื่องนี้กัน
ข้อมูลจาก คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้อธิบายให้ความรู้เกี่ยวกับ ยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) เอาไว้ว่า ยาฟาวิพิราเวียร์ เป็นยาต้านไวรัสที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัส SARS CoV2 ที่ก่อให้เกิดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19
ปัจจุบันถือเป็นยาหลักในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ตามแนวทางการดูแลรักษาโควิด-19 โดยกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการลดปริมาณไวรัสได้ดี และจากการวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลังของผู้ป่วยติดเชื้อโควิดในไทย พบว่า การรักษาด้วยยาฟาวิพิราเวียร์ เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะรุนแรงของโควิด-19
สำหรับในประเทศไทย ยาฟาวิพิราเวียร์ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในผู้ป่วยโควิด-19 เป็นกรณีพิเศษ โดยองค์การเภสัชกรรมได้ทำการวิจัยและพัฒนากระบวนการสังเคราะห์วัตถุดิบยาฟาวิฟิราเวียร์ ในระดับห้องปฏิบัติการได้เรียบร้อยแล้ว
ยาฟาวิพิราเวียร์จะออกฤทธิ์ 2 แบบ คือ ยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัสและทำให้เชื้อไวรัสกลายพันธุ์ คือ เข้าไปยับยั้งเอนไซม์ RNA-dependent RNA polymerase,RdRP ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่มีในไวรัสเท่านั้น เมื่อยาเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนเป็นสาร Active Form = favipiravir-ribofuranosyl-5′-triphosphate (RTP) ให้ไวรัสกลายพันธุ์จนภูมิต้านทานในร่างกายมนุษย์สามารถเข้าไปกำจัดไวรัสจนหมด หรือเหลือปริมาณน้อยจนไม่สามารถก่อโรคในร่างกายได้อีก
ยาฟาวิพิราเวียร์ ถูกจัดเป็นยาควบคุมพิเศษ การใช้ยาชนิดนี้ต้องได้รับการประเมินอาการและจ่ายยาจากแพทย์ หรือ บุคคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น ยังไม่สามารถซื้อรับประทานได้เองจากร้านขายยาทั่วไป ดังนั้น เมื่อผู้ป่วยตรวจพบเชื้อไวรัสโควิดควรติดต่อที่โทร. 1330 เพื่อลงทะเบียนเข้าสู่ระบบการรักษา จากนั้นคอยหมั่นตรวจสอบตัวเองว่า มีอาการของโรค ต่าง ๆ หรือไม่ อาทิ มีไข้ ไอ เจ็บคอ และหายใจเหนื่อยหอบ
ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดไม่ควรซื้อยาฟาวิพิราเวียร์ที่ขายในแหล่งต่าง ๆ เช่น จากร้านค้าออนไลน์มารับประทานเอง เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงรุนแรงจากการใช้ยา หรืออาจได้รับยาปลอม ยาไม่มีมาตรฐานที่ทำให้การรักษาไม่มีประสิทธิภาพ และผู้ที่ไม่ติดเชื้อยังไม่ต้องรับประทานยาฟาวิพิราเวียร์ เนื่องจากยาไม่มีฤทธิ์ป้องกันการติดเชื้อ
รวมถึงผู้ที่ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการก็ไม่ต้องใช้ยาฟาวิพิราเวียร์เช่นกัน เนื่องจากส่วนมากผู้ป่วยสามารถหายได้เอง ไม่ต้องได้รับผลข้างเคียงจากยา และไม่แนะนำให้ใช้ยาฟ้าทะลายโจรร่วมกับยาฟาวิพิราเวียร์ เนื่องจากเพิ่มโอกาสในการเป็นพิษต่อตับ
วิธีการรับประทานยาฟาวิพิราเวียร์
ผู้ใหญ่อายุ 15 ปีขึ้นไป ที่น้ำหนักน้อยกว่า 90 กิโลกรัม
- วันที่ 1: รับประทานครั้งละ 9 เม็ด (1,800 มิลลิกรัม) วันละ 2 ครั้ง
- วันที่ 2-5: รับประทานครั้งละ 4 เม็ด (800 มิลลิกรัม) วันละ 2 ครั้ง
ผู้ใหญ่อายุ 15 ปีขึ้นไป ที่น้ำหนักมากกว่ากว่า 90 กิโลกรัม
- วันที่ 1: รับประทานครั้งละ 12 เม็ด (2,400 มิลลิกรัม) วันละ 2 ครั้ง
- วันที่ 2-5: รับประทานครั้งละ 5 เม็ด (1,000 มิลลิกรัม) วันละ 2 ครั้ง
เด็กอายุน้อยกว่า 15 ปี
- รับประทานยาตามน้ำหนักตัว
ข้อควรระวังในการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์
- ห้ามใช้ยาในสตรีมีครรภ์ เนื่องจากอาจทำให้ทารกในครรภ์ มีอวัยวะที่พิการได้
- หญิงให้นมบุตรควรงดการให้นม ในระหว่างการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์
- ระมัดระวังการใช้ยาในผู้ป่วยโรคเกาท์ เนื่องจากยาอาจเพิ่มระดับกรดยูริกในกระแสเลือด เมื่อใช้ร่วมกับยา pyrazinamide
- ระมัดระวังการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ในผู้ป่วยเบาหวานที่รับประทานยาลดน้ำตาล repaglinide หรือ pioglitazone เนื่องจากอาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ