รัสเซียกล่าวหาสหรัฐฯซ้ำกำลังทดลองเชื้อ “ไวรัสโคโรนา” ที่ได้จากค้างคาวในยูเครน และมีแผนจะวิจัยเชื้อโรคในนกและสัตว์เลื้อยคลานเพิ่มอีกในยูเครน เพื่อทำเป็นอาวุธชีวภาพ
อิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย แถลงทางโทรทัศน์รัสเซียล่าสุดว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซีย ได้รับเอกสารข้อมูลรายละเอียดว่า สหรัฐฯ กำลังทดลองตัวอย่างเชื้อ “ไวรัสโคโรนา” ในยูเครน เพื่อพัฒนาให้เป็นอาวุธชีวภาพเพื่อใช้ในทางการทหาร ทั้งนี้ โควิด-19 เป็นเชื้อไวรัสโคโรนาประเภทหนึ่ง
โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ระบุต่อไปว่า ขณะนี้ห้องปฏิบัติการวิจัยด้านชีววิทยาหลายแห่งที่ตั้งขึ้นในยูเครนด้วยเงินทุนสนับสนุนจากเพนทากอน หรือกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กำลังทดลองตัวอย่างเชื้อไวรัสโคโรนา ที่ได้มาจากค้างคาว
นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังมีแผนจะวิจัยเชื้อโรคที่อยู่ในนก และสัตว์เลื้อยคลานอีกด้วย จุดประสงค์เพื่อจัดตั้งกลไกการแพร่กระจายเชื้อโรคที่เป็นอันตรายร้ายแรงถึงชีวิตเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซียไม่ได้แสดงหลักฐานใด ๆ ที่ยืนยันคำกล่าวหาของเขา
นักการทูตในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UN คาดว่า คณะมนตรีความมั่นคงจะพบหารือกันในวันนี้ (11 มีนาคม) ตามคำขอของรัสเซีย เพื่อหารือข้อกล่าวหาของรัสเซียต่อสหรัฐฯ ดังกล่าว หลัง ดมิทรี โพลิอันสกี รองผู้แทนถาวรรัสเซียคนที่ 1 ประจำ UN ได้ขอให้คณะมนตรีความมั่นคงเรียกประชุมเพื่อหารือเรื่องนี้ หลังจากที่ทางรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาของรัสเซียครั้งแรกว่า สหรัฐฯ มีห้องแล็บอาวุธเคมีชีวภาพในยูเครน
คำกล่าวหาของรัสเซียล่าสุด นับเป็นการกล่าวหาสหรัฐฯ ซ้ำอีกครั้งเกี่ยวกับการแอบพัฒนาอาวุธชีวภาพในยูเครน และสหรัฐฯ ได้ออกมาปฏิเสธไปแล้ว
ก่อนหน้านี้ เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวของสหรัฐฯ ปฏิเสธข้อกล่าวหาของรัสเซียว่าไม่เป็นความจริง ที่กล่าวหาสหรัฐฯ มีห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับอาวุธชีวภาพและอาวุธเคมีในยูเครน ยืนยันว่า สหรัฐฯ ปฏิบัติตามและอยู่ภายใต้อนุสัญญาอาวุธเคมีและอนุสัญญาอาวุธชีวภาพ โดยสหรัฐฯ ไม่เคยพัฒนาหรือครอบครองอาวุธเคมีหรืออาวุธชีวภาพใด ๆ