เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2564 ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญ 3 คดี คดีแรกจับกุมนางวลิตดา นาคสวน อายุ 35 ปี และนางเพ็ญนภา ภัทรเจริญ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 4,000,000 เม็ด รถกระบะสี่ประตู นิสสัน รุ่นนาวารา สีเทา ทะเบียน ขข 1612 ขอนแก่น รถเก๋งโตโยต้า วีออส สีขาว ทะเบียน 1กอ 3936 กรุงเทพมหานคร และโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง กล่าวหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 64 เจ้าหน้าที่จับกุมนายบุดดา สมแพงกับพวกรวม 3 คน พร้อมยาบ้ากว่า 3 แสนเม็ด ขยายผลทราบว่ามีกลุ่มบุคคลในเครือข่ายนักค้ายาเสพติดที่เกี่ยวข้องคือนางวลิตดา นาคสวน กับพวกมีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้าน จ.หนองคายไปส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง นางวลิตดากับพวกใช้รถกระบะนิสสัน และรถเก๋งโตโยต้าลักลอบลำเลียงยาเสพติด กระทั่งคืนวันที่ 24 ส.ค. ต่อเนื่องวันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมา พบรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้าขับมุ่งหน้า อ.สังคม จ. หนองคาย ระหว่างทางพบรถกระบะนิสสันขับติดตามกันไปผ่านจ.อุดรธานี เข้า จ.เลย สกัดจับรถกระบะนิสสัน มีนางวลิตดา เป็นคนขับพร้อมยาบ้า 4,000,000 เม็ดบริเวณริมถนนหมายเลข 21 สายด่านภูเรือ-ด่านซ้าย เขตพื้นที่บ้านศาลาน้อยหมู่ 25 ต.โปง อ. ด่านซ้าย จ.เลย และสกัดจับรถเก๋งโตโยต้า มีนางเพ็ญนภา เป็นคนขับบริเวณจุดตรวจจุดสกัดโป่งชีม ต.โป่ง อ.ด่านซ้าย จ.เลย และจะขยายผลผู้ร่วมขบวนการ พร้อมทั้งนำผู้ต้องหาและของกลางส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดีต่อไป
คดีที่สองเมื่อคืนวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา จับกุมนายทวีศักดิ์ วงศ์อุดม อายุ 33 ปี พร้อมของกลางกัญชา น้ำหนัก 800 กก. รถกระบะฟอร์ด สีดำ ทะเบียน 2 ฒอ 1077 กรุงเทพมหานคร แจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2564 เจ้าหน้าที่จับกุมนายอริย์ธัช สุขสบาย พร้อมยาบ้ากว่า 5 แสนเม็ด และยาไอซ์กว่า 20 กิโลกรัมได้ที่ อ.สีคิ้ว จ. นครราชสีมา ขยายผลทราบว่ากลุ่มผู้ลำเลียงยาเสพติดของเครือข่ายมีความเคลื่อนไหวจากพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่พื้นที่ตอนใน ต่อมาพบกลุ่มเป้าหมายเดินทางไปยังพื้นที่ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ขึ้นไปยังพื้นที่ อ.ปากคาด จ.บึงกาฬ เชื่อว่าไปดำเนินการเกี่ยวกับการลำเลียงยาเสพติด ติดตามมาอย่างต่อเนื่อง ถึงพื้นที่ อ.เมือง จ.สระบุรี พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร จ.สระบุรี จับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การว่า เดินทางไปรับยาเสพติตครั้งนี้มาจาก อ.ปากคาด จ.บึงกาฬ ส่งปลายทางที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ยอมรับทำมาแล้ว 2 ครั้ง เมื่อต้นเดือน ส.ค. ที่ผ่านมาและครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ได้ค่าจ้างขนลำเลียงยาเสพติดครั้งนี้ 300,000 บาท นำส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
คดีสุดท้ายจับกุมนายญาณธนิก มณีญาณิน อายุ 54 ปี พร้อมเฮโรอีน 10 กิโลกรัม ที่ซุกซ่อนมาภายในแชสซีและใต้ช่องเก็บของป้ายกระบะของรถมิตซูบิชิ สตราด้า สีเทาดำ ทะเบียน 3 ฒฌ 1909 กรุงเทพมหานคร แจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เฮโรอีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
จับกุมได้บนถนนวัชรพล แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. เมื่อช่วงค่ำวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่มีข้อมูลว่าจะมีกลุ่มลำเลียงยาเสพติดกลุ่มซ่อนใต้กระบะมาจากพื้นที่ภาคเหนือ จึงติดตามข้อมูลจนกระทั่งพบรถเป้าหมายจึงติดตามมาในพื้นที่กรุงเทพฯ ย่านวัชรพล จึงเข้าตรวจค้นรถกระบะต้องสงสัยพบว่ารถคันดังกล่าวไม่มีหลังคา อีกทั้งจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติดพบลักษณะน่าสงสัยคือบริเวณช่วงล่างแหนบแชสซีมีการดัดแปลงยกสูงผิดปกติ จึงแจ้งผู้ต้องหาขอเข้าตรวจค้น โดยนำไปผ่าตรวจดูที่อู่รถแห่งหนึ่งในบริเวณใกล้เคียง และเมื่อยกกระบะท้ายขึ้นพบว่ามีการทำช่องตู้เซฟซ่อนไว้ด้านใต้ พร้อมของกลางยาเสพติดเฮโรอีนจำนวน 10 กิโลกรัม
ทั้งนี้จากข้อมูลการตรวจสอบการจับกุมที่ผ่านมาพบว่าการขนส่งมีลักษณะดังกล่าวมีบ่อยครั้ง โดยพบครั้งแรกในเดือนมกราคมปี 2563 ที่จังหวัดอ่างทองครั้ง ต่อมาเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน โดยบรรทุกยาบ้า 2 ล้านเม็ดเหมือนกัน จากนั้นในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เปลี่ยนแปลงจำนวนและประเภทยาเสพติดเป็นยาบ้า 2 แสนเม็ด ไอซ์ 52 กิโลกรัม นำผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดี
ด้าน พล.ต.อ.มนู เปิดเผยว่าคดีที่ 3 ตำรวจสืบทราบแล้วว่าผู้ที่เป็นเจ้าของยาเสพติดจำนวนดังกล่าวคือใคร รวมถึงหัวหน้าเครือข่ายที่ใช้รูปแบบการซุกซ่อนขนส่งดังกล่าว ตอนนี้จะเตรียมขยายผลเพื่อดำเนินการเข้าจับกุมตามขั้นตอนต่อไป