ผวา! ค้นพบข้อมูลจากกล่องดำเผยเครื่องบิน “ไชน่า อีสเทิร์นฯ” โหม่งโลก เกิดจากเหตุจงใจ-ไม่ใช่อุบัติเหตุ

การค้นพบชวนผวา หลังข้อมูลจากกล่องดำเผยเครื่องบิน “ไชน่า อีสเทิร์นฯ” ที่โหม่งโลกในหุบเขาประเทศจีนเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา เกิดจากเหตุจงใจ ไม่ใช่อุบัติเหตุหรือปัญหาเทคนิค

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานวานนี้ 17 พ.ค. เกี่ยวกับ ผลการตรวจสอบกล่องดำ ของ เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 สายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส ที่ตกในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงของจีนเมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา พบว่าการที่เครื่องบินตกในลักษณะ “ปักหัว” ลงสู่พื้นนั้น เป็นการจงใจของผู้ที่อยู่ในห้องนักบิน

เครื่องบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ MU5735 ได้ตกลงในหุบเขาใกล้กับเมืองอู๋โจว โดยเครื่องบินเดินทางออกจากเมืองคุนหมิงเมื่อเวลา 13.11 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันที่ 21 มี.ค. และมีกำหนดเดินทางถึงเมืองกวางโจวภายในเวลา 2 ชั่วโมง แต่ไม่มีใครบนเครื่องบินลำนี้ (จำนวน 132 คน) ไปถึงจุดหมายเนื่องจากเครื่องบินได้ประสบเหตุตกลงเสียก่อน

เครื่องบินของไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ MU5735 ตกลงในหุบเขาใกล้กับเมืองอู๋โจวเมื่อเดือนมีนาคม 2565

การค้นพบที่ชวนผวาและยังเป็นปริศนา

หลังจากนั้น หน่วยงานด้านการบินของจีนสามารถกู้กล่องดำจากที่เกิดเหตุได้ และได้ส่งหลักฐานดังกล่าวให้ทีมนักวิเคราะห์ของสหรัฐเนื่องจากเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 เป็นเครื่องบินที่ผลิตโดยบริษัทอเมริกัน

ล่าสุดเจ้าหน้าที่สหรัฐระบุว่า ผลการตรวจสอบกล่องดำชี้ให้เห็นว่า มีคนบางคนในห้องนักบิน ซึ่งอาจจะเป็นนักบินเองหรือใครบางคนบนเครื่องบิน ได้เข้าควบคุมกลไกของเครื่องบินและบังคับเครื่องบินปักหัวลงเป็นแนวดิ่งสู่พื้นดิน จนเป็นเหตุให้ผู้โดยสารทั้งหมด 132 คนบนเครื่องเสียชีวิต และนับเป็นอุบัติเหตุด้านการบินครั้งรุนแรงที่สุดของจีนในรอบ 28 ปี

ผลการตรวจสอบกล่องดำยังระบุด้วยว่า นักบินไม่ได้ตอบสนองเสียงเรียกจากหอบังคับการบินที่ส่งสัญญาณเรียกหลายครั้ง จนกระทั่งเครื่องบินตกในลักษณะดิ่งลงสู่พื้นในที่สุด

ที่ผ่านมานั้น ทีมผู้ตรวจสอบได้พยายามพิสูจน์ว่า การตกในลักษณะที่ผิดปกติของเครื่องบินลำนี้เป็นความตั้งใจของนักบินหรือไม่ เพราะนับจนถึงขณะนี้ยังไม่พบว่าเครื่องบินลำดังกล่าวมีปัญหาทางเทคนิค

เครื่องบินตกในลักษณะปักหัวดิ่งลง

ข้อมูลจาก Flightradar24 ระบุว่า เที่ยวบิน MU5735 ของสายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส บินที่ระดับความสูง 29,000 ฟุต (8,839.2 เมตร) และอยู่ห่างประมาณ 100 ไมล์ (160.93 กิโลเมตร) จากจุดหมายปลายทาง ซึ่งเป็นจุดที่นักบินจะเริ่มลดเพดานบินเพื่อเตรียมลงจอด แต่แทนที่จะค่อย ๆ ปรับลดเพดานบินลงประมาณ 1,000 ฟุตต่อนาที เครื่องบินกลับปักหัวลง และจากนั้นก็เริ่มดิ่งลงด้วยความเร็วกว่า 30,000 ฟุต (9,144 เมตร) ต่อนาทีภายในเวลาไม่กี่วินาที ซึ่งผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่วิเคราะห์ว่าเป็นสถานการณ์ที่ผิดปกติ

ทั้งนี้ ราคาหุ้นโบอิ้งดีดตัวขึ้นแข็งแกร่งถึง 6.2% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วงเช้านี้ หลังจากมีการเปิดเผยผลการตรวจสอบกล่องดำ และหากการตรวจสอบดังกล่าวถูกต้อง ก็หมายความว่าบริษัทโบอิ้งไม่ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์เครื่องบินตกในครั้งนี้