‘พล.อ.ประยุทธ์’ ไล่ ส.ส.ผู้ทรงเกียรติไปอ่านไส้ในเอกสารงบฯ บ่นอภิปรายกี่ครั้งบรรยากาศเหมือนเดิม เหมือนถูกฝังชิพไว้ โยน ปชช.ตัดสินข้อกล่าวหาฝ่ายค้านรุนแรงหรือไม่ ฮึ่มผมไม่โกรธ ‘เพื่อไทย’ ชี้ ‘บิ๊กตู่’ ติดบ่วงกรรมก่อไว้ไม่รู้จักหารายได้-รู้จักแต่ใช้เงิน
เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุม สภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 วงเงิน 3.18 ล้านล้านบาท ในวาระที่ 1 ระหว่างวันที่ 31 พ.ค.-2 มิ.ย
ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงฝ่ายค้านช่วงหนึ่งว่า เรื่องรายได้เงินนอกงบประมาณอะไรต่างๆ ที่พูดถึงนั้น กรุณาอ่านเอกสารสำนักงบประมาณรัฐสภาด้วย ว่ามีเท่าไหร่และใช้ไปเท่าไหร่ กรุณาอ่านข้างใน อ่านให้ครบอ่านดูซะบ้าง ขณะที่งบฯ พัฒนาด้านการเกษตรที่ส.ส.ผู้ทรงเกียรติระบุว่า ส่วนใหญ่เป็นงบฯ อดีต และไม่ใช่ในอนาคตนั้น ขอเรียนว่าตั้งแต่ปี 54 เป็นต้นมา โครงการจำนำข้าวขาดทุนกว่า 9 แสนล้านบาท รัฐบาลนี้ตั้งงบชำระหนี้ไปแล้วกว่า 7 แสนล้านบาท คงเหลือเงินต้นและดอกเบี้ยอีก 3 แสนล้านบาท แล้วของใครทำไว้ ซึ่งไม่อยากพูด ไม่อยากย้อนกลับ แต่พูดให้ฟัง เพราะประชาชนฟังอยู่ทางบ้านหาว่ารัฐบาลไม่สนใจ ถ้าไม่สนใจ คงไม่ได้ดูแลแบบนี้ ย้อนกลับไปดูพฤติกรรมตัวเองบ้าง
“ชี้แจงไปหลายครั้งแล้ว ก็กลับมาเหมือนเดิมทุกอย่างทุกประการ บรรยากาศที่เหมือนเดิม ไม่ว่าจะอภิปรายอะไรก็เหมือนเดิม เพราะว่าถูกฝังชิพไว้หมดแล้ว ผมไม่อยากจะไปตอบรุนแรงอะไรกับท่าน พยายามอย่างยิ่งยวดในการที่จะไม่ใช้ อารมณ์ อดทน หลายเรื่องที่พูดไม่ใช่ข้อเท็จจริง ข้าราชการเขาทำงานดูแลเขาหรือไม่ ก็ดูแล ประชาชนก็ดูแล” นายกฯ กล่าว
ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตามในเมื่อทุกคนเป็น ส.ส ซึ่ง ส.ส.คือตัวแทนของประชาชน ไม่ใช่แต่ร้องทุกข์เอาเรื่องเดือดร้อนอย่างเดียว แต่ต้องเอาสิ่งที่รัฐบาลทำไปให้เขารู้ด้วยเข้าถึงการบริการของภาครัฐ หากเข้าไม่ถึงก็อยู่กันอย่างนี้ อยู่อย่างนี้จริงๆ ตนจำเป็นต้องพูดตอนนี้ อื่นๆ รับได้หมด ตอนฟังทุกเรื่อง บางอันก็ซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ก็ไม่โกรธท่าน ก่อนที่จะย้ำว่าขอให้ไปอ่านเล่มรายจ่ายงบประมาณ ไม่ใช่ไปอ่านแต่เล่มที่จะหาเรื่องตน เรื่องโจมตีรัฐบาลอย่างเดียว อ่านที่เป็นประโยชน์เสียบ้าง
ทั้งนี้ภายหลังชี้แจงในสภา จากนั้นเวลา 15.25 น. นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางออกจากสภา เพื่อไปร่วมประชุมสามัญคณะกรรมการมูลนิธิสถาบันโรคไตรภูมิราชนครินทร์ประจำปี 2565 ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 วันแรก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่มีอะไร” เมื่อถามย้ำว่าข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านรุนแรงเกินไปหรือไม่ นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน
เมื่อถามอีกว่า ในวันนี้ชี้แจงได้ดีแล้วใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ได้ชี้แจงเท่าไหร่เลย และให้รอฟังรัฐมนตรีชี้แจง นายกฯ ก็พูดแต่หลักการกว้างๆ
เมื่อถามว่าเมื่อ ในห้องประชุมนายกรัฐมนตรี ตอกกลับฝ่ายค้านไปหลายครั้ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “นายกฯชี้แจง จะไปตอกกลับเขาทำไมล่ะ”
สำหรับบรรยากาศในห้องประชุมสภา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่พรรคเพื่อไทย (พท.) ลุกขึ้นอภิปรายว่า ฝ่ายค้านอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรปากเปียกปากแฉะ แต่ท่านไม่ฟัง ท่านติดบ่วงกรรมที่ตัวเองเป็นคนก่อ ไม่รู้จักหารายได้ รู้จักแต่ใช้เงิน ทั้งนี้ นายกฯ ไม่ได้รู้สึกรู้สากับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ท่านได้ก่อไว้ ถือเป็นสิ่งที่เป็นอันตรายพังพินาศทางเศรษฐกิจ เพราะเป็นรัฐบาลที่ตอบสนองต่อปัญหาช้า ไม่เคยทัน ล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า ซึ่งหลังจากที่ตนได้วิเคราะห์ร่าง พ.ร.บ.งบปี 66 แล้ว วิเคราะห์ได้ว่าไม่ตอบโจทย์ประเทศและของโลก และผิดฝาผิดตัว รวมถึงติดกับดัก ตั้งงบประมาณน้อยกว่า 2 ปีก่อน และเป็น พ.ร.บ.งบปี 66 ที่หลอกลวง
“รัฐบาลให้ความมั่นคงทางทหารด้วยกันให้งบกระทรวงกลาโหม 2 ล้านล้านล้านบาทในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา และประเคนงบประมาณให้กับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างมหาศาลเพื่อคงสถานะของตนเองในฐานะที่มีตำแหน่งเป็นนายกฯ เท่านั้นเอง สิ่งที่พรรค พท.คาดหวังว่าจะได้เห็นในร่าง พ.ร.บ.งบปี 66 จะต้องเน้นประชาชนมากกว่าภาคราชการ” นายจุลพันธ์ กล่าว.