นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) เปิดเผยภายหลังพิธีเปิดสำนักงานผู้แทนเอ็กซิมแบงก์ ณ นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ว่า การเปิดสาขาตัวแทนดังกล่าว เพื่อรองรับทัพนักลงทุนไทยที่จะเข้ามาลงทุนในเวียดนาม และได้ปรับกลยุทธ์การปล่อยสินเชื่อใหม่ ด้วยการปล่อยสินเชื่อให้กับนักลงทุนเวียดนาม ที่เป็นหุ้นส่วนนักลงทุนไทย ผ่านธนาคารของรัฐในเวียดนาม เพื่อความมั่นคง จากเดิมปล่อยสินเชื่อให้เฉพาะนักลงทุนไทยที่ไปลงทุนในต่างประเทศเท่านั้น
“การปรับกลยุทธ์การให้สินเชื่อเพื่อสร้างเครือข่ายในธุรกิจแบบเติบโตไปด้วยกัน ส่วนเหตุผลการเริ่มต้นที่เวียดนาม เพราะเวียดนามเป็นประเทศที่กำลังเจริญเติบโต ภูมิประเทศเชื่อมต่อประเทศจีน และมีความต้องการสินค้าไทย จึงเชื่อว่ารูปแบบนี้จะประสบความสำเร็จ และจะนำรูปแบบนี้ไปปรับใช้กับกลุ่มประเทศอินโดจีนอื่น ทั้ง กัมพูชา ลาว พม่า ซึ่งเอ็กซิมแบงก์ได้เปิดสาขาตัวแทนไปก่อนหน้านี้แล้ว”
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีเอกชนไทยสนใจเข้ามาเจรจากับเอ็กซิมแบงก์เพื่อขอสนับสนุนการเงินหรือสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำราว 200 ราย ส่วนใหญ่เป็นเอสเอ็มอี ซึ่งเอ็กซิมแบงก์จะพิจารณาปล่อยสินเชื่อช่วยเอสเอ็มอีในเวียดนาม 5 ล้านบาทเพื่อเสริมสภาพคล่อง ส่วนเอกชนเวียดนามที่เป็นพันธมิตรกับนักลงทุนไทย และนำเข้าสินค้าจากไทยราว 2,000 ราย หากสนใจสินเชื่อก็ต้องติดต่อธนาคารของรัฐในเวียดนามที่เอ็กซิมแบงก์ได้ปล่อยสินเชื่อให้
สำหรับการปล่อยสินเชื่อให้ธนาคารของรัฐในเวียดนามนั้น เอ็กซิมแบงก์ปล่อยสินเชื่อในวงเงิน 100 ล้านเหรียญฯ ดอกเบี้ย 3.5% ถือว่าเป็นอัตราที่ผ่อนปรนมาก เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในระบบของเวียดนามอยู่ที่ 12% แต่มีเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อ คือ เอกชนเวียดนามจะต้องซื้อสินค้าไทยคิดเป็น 50% ของมูลค่าสินเชื่อ ดังนั้น เชื่อว่าจะจูงใจให้เอกชนเวียดนามมายื่นขอสินเชื่อจากธนาคารรัฐเวียดนาม
ทั้งนี้ เวียดนามเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ 2 ของไทยในอาเซียน การส่งออกของไทยไปเวียดนามเน้นการตอบสนองความต้องการวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางให้แก่ภาคอุตสาหกรรมของเวียดนาม สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปเวียดนาม ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และน้ำมันสำเร็จรูป ขณะที่การลงทุนของไทยในเวียดนามกระจายอยู่ในหลากหลายธุรกิจ อาทิ พลังงาน นิคมอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูป เกษตรและประมง ธนาคาร ก่อสร้าง ค้าส่ง ค้าปลีก โรงแรม ร้านอาหาร คลินิกเสริมความงาม ขนส่ง โลจิสติกส์ และธุรกิจโฆษณา โดยไทยเป็นนักลงทุนรายใหญ่อันดับ 8 ในเวียดนาม.