สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าการสู้รบในยูเครนตะวันออก สมรภูมิหลักของสงครามยูเครน-รัสเซียในขณะนี้ โดยเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ข้อมูลข่าวกรองจียูอาร์ยูเครนยืนยันว่า กองทัพรัสเซียขยายแผนการทำสงครามต่อไปอีก 120 วัน ซึ่งจะทำให้สงครามยืดเยื้อไปจนถึงเดือน ต.ค.ปีนี้ พร้อมจะมีการปรับแผนการบุกเพิ่มเติม ขึ้นอยู่กับความสำเร็จในภูมิภาคดอนบาส หรือจังหวัดโดเนตสก์และลูฮานสก์ในยูเครนตะวันออก
ทั้งนี้ หน่วยข่าวกรองยูเครนยังอ้างว่า การรบที่กำลังดำเนินไปอย่างดุเดือดทั่วยูเครน กองทัพรัสเซียได้ใช้หน่วยรบทางยุทธวิธีแล้วอย่างน้อย 103 กองพัน พร้อมยังมีกำลังพลสำรองอยู่หลังแนวรบอย่างน้อยอีก 40 กองพัน แต่เชื่อว่ากำลังสำรองดังกล่าวเป็นกองพันผสมจากหน่วยต่างๆที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักในช่วงต้นสงคราม โดยเฉพาะหน่วยรบจากแนวรบกรุงเคียฟ
ขณะที่กองทัพยูเครนเรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มแรงกดดันชาติตะวันตกในเรื่องการจัดส่งกระสุนและอาวุธยุทโธปกรณ์ที่สามารถต่อกรกับหน่วยปืนใหญ่รัสเซีย ที่มีสัดส่วนการครอบครองต่างกันถึง 1 ต่อ 15 กระบอก โดยเฉพาะความจำเป็นเร่งด่วนที่ยูเครนจำเป็นต้องมีปืนใหญ่หรือรถยิงจรวดระยะไกล ไปจนถึงระบบต่อต้านอากาศ หลังจากชัดเจนว่า สงครามยืดเยื้อจะทำให้ยูเครนเสียเปรียบขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากรัสเซียมีทรัพยากรมากกว่า
วันเดียวกัน เกิดไฟลุกไหม้ขนานใหญ่ในพื้นที่โรงงานเคมีอาซอต หนึ่งในที่มั่นของหน่วยรบยูเครน ในเมืองเซเวโรโดเนตสก์ ซึ่งเกิดจากน้ำมันหลายสิบตันรั่วไหล หลังเครื่องจักรในโรงงานได้รับความเสียหายจากปืนใหญ่รัสเซีย เบื้องต้นยังไม่ชัดเจนว่าเพลิงลุกลามมากน้อยเพียงใด ทางการยูเครนระบุเพียงว่า ในพื้นที่โรงงานมีพลเรือนหนีภัยสงครามพักพิงอยู่ มีรายงานด้วยว่า กองทัพรัสเซียยังคงรุกคืบได้เล็กน้อยในพื้นที่ตะวันออกของเมืองบาคห์มุต เมืองเส้นทางส่งเสบียงหล่อเลี้ยงเมืองเซเวโรโดเนตสก์
ส่วนกรณีนางเออร์ซูลา ฟอน เด ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ทำเซอร์ไพรส์เยือนกรุงเคียฟเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ทางการสหภาพยุโรปจะประเมินว่ายูเครนสมควรได้รับสถานะผู้สมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปหรือไม่ ในการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปวันที่ 23-24 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ ขณะที่นางเออร์ซูลายังย้ำว่า ยูเครนต้องปฏิรูปมากกว่านี้ อย่างการทำระบบราชการให้ทันสมัย และการปราบปรามคอร์รัปชัน.