กระแสกัญชาฟีเวอร์ยังแรงไม่หยุด ล่าสุด เกิดเหตุกระทบกระทั่งกัน ถึงขั้นชกต่อยกันดุเดือด เหตุเพราะไม่ได้ซื้อต้นกัญชาตามที่ตั้งใจไว้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 มิ.ย.) ที่จุดจำหน่ายต้นกล้ากัญชาพันธ์แม่โจ้ 03 หน้ามหาวิทยาลัยแม่โจ้ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ขณะที่เจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยได้นำต้นกัญชาจากศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ออกมาวางจำหน่าย มีประชาชนที่จองคิวสั่งซื้อไว้ล่วงหน้า พากันมารับต้นกัญชา และบางส่วนเดินทางมาจองคิวที่จุดขายจนทำให้คิววันนี้เต็มอย่างรวดเร็ว
คิวที่ถูกจองเต็ม ทำให้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 50 ปี เกิดอาการหงุดหงิด บอกว่าตั้งใจเดินทางมาจากอำเภอสารภี แต่มาถึงกลับคิวเต็ม ซึ่งชายดังกล่าวยังไม่ยอมกลับ แต่ได้ยืนต่อว่าเจ้าหน้าที่ด้วยอารมณ์หงุดหงิด โดยบ่นว่าเป็นเพราะการบริหารจัดการไม่ดี ทำให้ประชาชนเสียโอกาส และบอกด้วยว่าต้นกัญชาทั้งหมดจากการค้นคว้าวิจัยมาจากเงินภาษีประชาชน
สถานการณ์เริ่มบานปลาย เจ้าหน้าที่พยายามบอกให้ใจเย็นและขอให้มาจองคิวใหม่ แต่ชายคนนี้ก็ยังไม่ยอมสงบสติอารมณ์และยังคงพูดจาประชดประชันเจ้าหน้าที่ จนในที่สุดเกิดการท้าทายระหว่างชายคนนี้กับเจ้าหน้าที่ ก่อนจะระเบิดอารมณ์กรูเข้าชกต่อยกันที่หลังรถขนต้นกัญชา ท่ามกลางความตกใจของประชาชนที่พากันมารับต้นกัญชา
ระหว่างนั้นได้มีชายที่ไปรับต้นกัญชาเข้าไปห้ามปรามจนทำให้ถูกลูกหลง โดนชกหน้าและเท้าฉีกจนเลือดสาด เจ้าหน้าที่กู้ภัยแม่โจ้ได้เข้ามาปฐมพยาบาล ส่วนคู่กรณีถูกแยกออกไปจากที่เกิดเหตุทันที ถือเป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุชกต่อยกันที่มีสาเหตุมาจากการซื้อต้นกัญชา
ผู้สื่อข่าวสอบถามกลุ่มเจ้าหน้าที่ ทราบว่า ทางมหาวิทยาลัยนำต้นกล้ากัญชาพันธ์แม่โจ้ 03 มาจำหน่ายให้กับประชาชนที่สนใจ ตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีคนสนใจเข้ามาซื้อจนหมดเกลี้ยงทุกวัน
ทำให้ช่วงหลังต้องใช้ระบบจองคิว โดยในแต่ละวันจะเปิดรับ 80 คิว ซื้อได้คนละไม่เกิน 5 ต้น รวมทั้งหมด 400 ต้นต่อวัน ซึ่งแต่ละวันมีเข้ามาจองคิวในช่วงเช้าจนคิวเต็มทุกวัน ทำให้บางคนผิดหวัง
ดร.สุดเขต สกุลทอง ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ บอกว่า ทางมหาวิทยาลัยเปิดขายต้นกล้าพันธุ์กัญชาสายพันธุ์แม่โจ้ 03 ในราคาต้นละ 30 บาท เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่าย สำหรับนำไปใช้ประโยชน์ในครัวเรือนและดูแลสุขภาพ
โดยผู้ที่สนใจสามารถติดต่อซื้อ หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ซึ่งปรากฏว่าผลตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างมาก ทำให้ขายหมด 5 หมื่นต้นในเวลารวดเร็ว และทำให้จนปริมาณต้นกล้าไม่เพียงพอกับความต้องการ และต้องเริ่มจำกัดการซื้อได้รายละไม่เกิน 5 ต้น เพื่อเร่งทำการเพาะต้นกล้าให้เพียงพอต่อความต้องการ
ดร.สุดเขต บอกว่า ช่วงนี้ไม่ใช่ฤดูการขยายพันธ์ตามธรรมชาติทำให้ต้องใช้เทคโนโลยีมาช่วย ทำให้ต้องใช้เวลา 18-20 วัน ถึงจะได้ต้นกล้าที่แข็งแรงออกมาจำหน่าย
ส่วนความต้องการของผู้ที่สนใจจนทำให้กระทบกระทั่งกัน ก่อนหน้านี้ทางมหาวิทยาลัยได้เปิดให้จองคิวล่วงหน้าผ่านทางคิวอาร์โค้ดในเพจศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ซึ่งในเพจจะมีรายละเอียดแจ้งไว้
แต่ยอมรับยังมีประชาชนบางส่วนที่ยังไม่ทราบ เข้าใจไปว่าสามารถวอล์กอินเข้ามาซื้อได้เลย ทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันขึ้น จึงฝากประชาสัมพันธ์การสแกนคิวอาร์โค้ดล่วงหน้าเพื่อความสะดวก จะได้ไม่ต้องเดินทางมาเสียเวลา เพราะบางคนก็เดินทางมาไกล