วันที่ 7 กันยายน ที่ผ่านมา รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (National Unity Government: NUG) หรือรัฐบาลเงาเมียนมา ที่จัดตั้งขึ้นโดยฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยในเมียนมาอย่างคณะกรรมการผู้แทนสมัชชาแห่งสหภาพ (CRPH) ประกาศสงครามกับกองทัพเมียนมา หลังกองทัพก่อรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ละชี ละ รักษาการประธานาธิบดีเมียนมา เรียกร้องให้ประชาชนลุกฮือต่อต้านระบอบเผด็จการทหารที่นำโดย พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐประหารในทุกๆ พื้นที่ทั่วประเทศ พร้อมประกาศให้เมียนมาอยู่ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน
โดยการประกาศสงครามดังกล่าวมีขึ้นเพื่อโค่นล้มระบอบเผด็จการทหาร ยกระดับมาตรการกดดันทางด้านอาวุธต่อกองทัพขึ้นไปอีกระดับ ซึ่งคาดว่าจะปลุกกระแสลุกฮือต่อต้านกองทัพขึ้นทั่วประเทศ อีกทั้งการประกาศนี้ยังเกิดขึ้นก่อนหน้าที่สหประชาชาติจะประชุมสมัชชาใหม่ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น หากสถานการณ์ลุกลามบานปลายและทวีความตึงเครียดขึ้น มีแนวโน้มที่เมียนมาจะกลายเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่สมัชชาใหญ่จะร่วมประชุมหารือกัน
แต่อย่างไรก็ตาม การประกาศสงครามดังกล่าวก็ไม่ได้ระบุระยะเวลาเริ่มต้นอย่างชัดเจน และถึงแม้จะมีกลุ่มกองกำลังบางส่วนที่พร้อมต่อสู้เคียงข้างประชาชนชาวเมียนมาที่เรียกร้องประชาธิปไตย แต่กองทัพเมียนมาก็ยังคงมีจำนวนคนและอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งในขณะนี้ทูตพิเศษของอาเซียนมีความพยายามเรียกร้องให้หยุดยิงชั่วคราวเป็นระยะเวลา 4 เดือน เพื่อส่งความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมให้กับชาวเมียนมาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากทั้งวิกฤตทางการเมืองและวิกฤตโควิด
สมาคมช่วยเหลือนักโทษทางการเมืองของเมียนมา (AAPP) รายงานหลังมีผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐประหารถูกประหัตประหารจนเสียชีวิตแล้ว 1,049 ราย ยังคงถูกจับกุมกลายเป็นนักโทษทางการเมืองแล้วอย่างน้อย 6,257 ราย ออกหมายจับอีก 1,984 ราย หลังเมียนมาตกอยู่ภายใต้เงาของเผด็จการทหารมานานกว่า 8 เดือน