ทลายเครือข่าย “นายฮ้อยทมิฬ” กวาดล้างยาบ้า 7 ล้านเม็ด มูลค่า 12 ล้านบาท ไอซ์ 120 กก.

บช.ปส ผนึก ป.ป.ส.จับกุมผู้ค้ายารายสำคัญ 2 คดี ทลายเครือข่ายนายฮ้อยทมิฬ กวาดล้างยาบ้า 7 ล้านเม็ด มูลค่า 12 ล้านบาท อีกคดี จับยึดยาบ้า 5 ล้านเม็ด ไอซ์ 120 กก. พร้อมขยายผลต่อเนื่องสาวถึงผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 ก.ค. ที่ ลานจอดรถ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. พล.ต.ต.บรรพต มุ่งชอบกลาง ผบก.ปส.3 นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส สำนักงาน ป.ป.ส. และคณะทำงานกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ร่วมกันแถลงข่าวจับผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 2 คดี ผู้ต้องหา 3 ราย ของกลางยาบ้า 7 ล้านเม็ด และตรวจยึดทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 12 ล้านบาท

พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผบ.ตร. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ขส.บช.ปส. ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญ ผู้ต้องหา 2 คน ได้แก่ 1.น.ส.ศรัญญา ฟักน่วมอายุ 35 ปี ที่อยู่ 22 ซอยนนทบุรี 8 แยก 4/1 ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี และ2.นายโชคพิพัฒน์ ฉันทร์วิเชียร อายุ 35 ปี ที่อยู่ 148/2 ต.สวนใหญ่ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี พร้อมยึดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบเบื้องต้น1.รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่น Alphard SC สีขาว ทะเบียน (ป้ายแดง) ณ-0273 กทม. 2.มาสด้า รุ่น RX 7 สีน้ำเงินทะเบียน ฆค 3216 กทม. 3.Lamborghini รุ่น URUS สีฟ้า ทะเบียน (ป้ายแดง) ณ-5124 4.ฮอนด้า รุ่นแจ๊ส ทะเบียน3กถ-7353 กทม. 5.PORCHE รุ่น 911 จีที2 อาร์เอส สีขาว ทะเบียน ญง 7 กทม. 6.มิตซูบิชิ รุ่นแสนเซอร์ สีเทาทะเบียน กอ-6934 นนทบุรี 7.นิสสัน รุ่นสกายไลน์ อาร์32 ทะเบียน ฐค 32 กทม. 8.นาฬิกาข้อมือระบุตัวอักษรภาษาอังกฤษ paneria 9.นาฬิกาข้อมือระบุชื่อภาษาอังกฤษ “patek philippe geneve” 10.นาฬิกาข้อมือระบุชื่อภาษาอังกฤษ richard mille จํานวน 1 เรือน 11.บ้านเลขที่ 99/121 หมู่บ้านลัดดารมย์ ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์ ต.อ้อมเกร็ดอ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พร้อมที่ดิน จำนวน 1 หลัง และ 12.อาวุธปืน ขนาด 9 มม. ยี่ห้อ อินฟินิตี้ แม็กกาซีน 3 อัน พร้อมกล่องใส่อาวุธปืน 1 กระบอก

สำหรับนางสาวศรัญญา หรือส้ม ฟักท่วม ผู้ถูกจับที่ 1 สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทําความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและได้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดที่ได้สมคบกัน, ร่วมกันจําหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้าและไอซ์) โดยการมีไว้เพื่อจําหน่ายอันเป็นการกระทําเพื่อการค้า, เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชนโดยเป็นการกระทำที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชน ตามหมายจับศาลอาญาที่ 414/2565 ลงวันที่ 6 กรกฎาคม 2565 ส่วนนายโชคพิพัฒน์ หรือโอ๊ค ฉันทร์วิเชียร ผู้ถูกจับที่ 2 ช่วยผู้อื่นหลบหนีการจับกุมซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดอันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ สถานที่จับกุม บริเวณทางลงยกระดับคู่ขนานลอยฟ้าขาออกจุดลงตลิ่งชันถนนบรมราชชนนี แขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร

ส่วนพฤติการณ์แห่งคดี สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.60 ตำรวจ บก.สส.บช.น. ได้จับกุมตัวผู้ต้องหาค้ายาเสพติด 2 ราย พร้อมของกลางยาบ้า 5 ล้านเม็ด ไอซ์ 120 กิโลกรัม ส่งตัวมาดำเนินคดีที่ บช.ปส. จากนั้นทีม วิเคราะห์ของกองบังคับการข่าวกรองยาเสพติด (บก.ขส.) ใช้ระบบฐานข้อมูล Big Data และสืบสวน ขยายผลจนทราบว่า น.ส.ศรัญญามีเครือข่ายเชื่อมโยงกับขบวนการค้ายาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน สามารถติดต่อนำยาเสพติดเข้ามาประเทศไทยได้ครั้งมากๆ ทั้งยาบ้า ไอซ์ คีตามีน ส่วนนายโชคพิพัฒน์ (แฟนของ น.ส.ศรัญญา) เพิ่งพ้นโทษในคดียาเสพติดมาเมื่อปี 2563 มีพฤติการณ์ในการติดต่อกับเครือข่ายยาเสพ ติดในพื้นที่ ทำหน้าที่ทั้งสั่งนำเข้ายาเสพติด และกระจายของไปให้ลูกค้าในเครือข่ายเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จึงนำพยานหลักฐานไปสู่การขอศาลออกหมายจับ น.ส.ศรัญญาหัวหน้าแก๊งค้ายาเสพติด SN77 ในข้อหาผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหาสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่ 2คนขึ้นไป เพื่อ

กระทําความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้า และยาไอซ์) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป จนกระทั่งวันที่ 8 ก.ค.65 ที่ผ่านมา บก.ขส. บช.ปส. ร่วมกับ ขกท.ศปก.นสศ. และสำนักงาน ป.ป.ส. ได้จับกุมม น.ส.ศรัญญา พร้อมตรวจยึดของกลางดังกล่าว

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้จับกุม นายโชคพิพัฒน์ ฉันทร์วิเชียร อายุ 35 ปี แฟนหนุ่มของ น.ส.ศรัญญา โดยแจ้งข้อหาช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษโดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้น หรือโดยช่วยผู้นั้นด้วย ประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม โดยสามารถจับได้ที่บริเวณทางพิเศษบรมราชนนี ถนนบรมราชชนนี แขวงและเขต ตลิ่งชัน กรุงเทพฯ อีกด้วย

ส่วนคดีที่ 2 โดยเมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.3 ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญ เป็นผู้ต้องหา 3 ราย ได้แก่ 1.นายสมภพ ชุมศรีนอก อายุ 42 ปี ที่อยู่ 40/2 ม.9 ต.แพรกศรีราชา อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท 2.นายพันธ์เทพ เปี่ยมศิริ อายุ 29 ปี ที่อยู่ 47 ม.1 ต.โพงามอ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท และ 3.นายสมโภชน์ รุ่งสังข์ อายุ 37 ปี ที่อยู่ 85/2 ม.16 ต.แพรกศรีราชา อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาทพร้อมของกลางและทรัพย์สินที่ยึดไว้ตรวจสอบเบื้องต้น จำนวน 14 รายการ มูลค่าประมาณ 12,000,000 บาทประกอบด้วย 1.ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวนประมาณ 7 ล้านเม็ด 2.รถยนต์กระบะ (ตู้ทึบ) ยี่ห้อ เชฟโรเลต สีขาว ทะเบียน บล-5235 สระบุรี 3.รถบรรทุกสิบล้อ ยี่ห้อ อีซูซุ สีน้ำเงิน ทะเบียน 70-3076 ชัยนาท 4.รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ มิตซูบิชิ สีเทา ทะเบียน 3 ฒฎ-4184 กทม. 5.โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง 6.บ้านพร้อมที่ดิน เลขที่ 85/2 ม.16 ต.แพรกศรีราชา อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท 7.บ้านพร้อมที่ดิน เลขที่47 ม.1 ต.โพงาม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท 8.โฉนดที่ดิน เลขที่ 15611 อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท 9.รถยนต์บรรทุกสิบล้อ สีฟ้า ทะเบียน 70-5833 เพชรบุรี 10.รถยนต์บรรทุกสิบล้อ สีขาว ทะเบียน 93-4534 กทม. 11.รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ สีฟ้า ทะเบียน กฉ-1265 ชัยนาท 12.รถยนต์กระบะยี่ห้อ เชฟโรเลต สีเทา ทะเบียน บต-3529 ชัยนาท 13.รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ นิสสัน สีเทา ทะเบียน บท-292 เลย และ14.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า สีแดง ทะเบียน 5 กภ-5255 กทม

ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ถูกข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในความครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป ส่วนสถานที่ตรวจยึดยาเสพติดของกลางได้ที่ บริเวณถนนหน้าบ้านเลขที่ 20 หมู่ 10 ต.บ้านหีบ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา และจับกุมผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่40/2 ต.แพรกศรีราชา อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท จับกุมผู้ต้องหาที่ 3 ได้ที่บ้านเลขที่ 85/2 ม.16 ต.แพรกศรีราชาอ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท เมื่อวันที่ 11 ก.ค.65 เวลาประมาณ 18.30-19.30 น

พฤติการณ์แห่งคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.3 บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ทำการสืบสวนทราบว่ามีกลุ่มผู้ค้าและลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากชายแดนพื้นที่ภาคเหนือ จากพื้นที่ จ.เชียงราย ส่งต่อให้กับกลุ่มเครือข่ายในพื้นที่ภาคกลาง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและได้รับคำสั่งให้ดำเนินการสืบสวนสกัดกั้น จับกุม กลุ่มบุคคลดังกล่าว จนกระทั่งเมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา สามารถทําการตรวจยึดยาเสพติดของกลางยาบ้า จํานวน 35 กระสอบ ประมาณ 7 ล้านเม็ด ได้ที่บริเวณถนนหน้าบ้านเลขที่ 20 หมู่ 10 ต.บ้านหีบ อ.อุทัยจ.พระนครศรีอยุธยา จากนั้นจึงได้จัดทำบันทึกการจับกุมและนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวนและตรวจสอบทรัพย์สิน บก.ปส.3 บช.ปส.ดำเนินคดีตามกฎหมาย และสืบสวนสอบสวนขยายผลออกหมายจับบุคคลในเครือข่ายและยึดทรัพย์ที่เกี่ยวเนื่องต่อไป

พล.ต.อ.รอย กล่าวอีกว่า จะขยายผลสอบสวนเพิ่มเติมถึงผู้เกี่ยวข้องทุกคน จะสาวถึงทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ในรอบปีงบประมาณนี้ สามารถยึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดได้กว่า 5,000 ล้านบาทแล้ว

ขณะที่ นายมานะ ศิริพิยาวัฒน์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า เมื่อได้ตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 รายมาแล้ว จะขยายผลต่อไปโดยมอบหมายให้สำนักงาน ป.ป.ส. เข้าไปสืบสวนในเรื่องของทรัพย์สินตามประมวล กม.ยาเสพติดฉบับใหม่ ใช้มาตรการยึดทรัพย์สินตามมูลค่า ตรวจสอบว่าถ้าทำความผิดจริงและที่ผ่านมามีรายได้จากยาเสพติด จะดำเนินการขอให้ศาลมีคำสั่งยึดทรัพย์สิน