สรุปเช้าถึงเย็น อภิปรายไม่ไว้วางใจ 11 รัฐมนตรี วันที่ 2 ประท้วงวุ่นช่วงอภิปราย “บิ๊กป้อม” เจ้าตัวลุกแจงโยน “บิ๊กตู่” ปฏิวัติคนเดียว ไม่ใช่ 3 ป. ด้าน ส.ส.เพื่อไทย แฉ “ชัยวุฒิ” ปมชู้สาว
วันที่ 20 ก.ค. 2565 การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เข้าสู่วันที่ 2 จากกรอบการอภิปราย 4 วัน ระหว่างวันที่ 19-22 ก.ค. 2565 ก่อนที่จะลงมติในวันที่ 23 ก.ค. 2565 สำหรับรายชื่อรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายมีทั้งสิ้น 11 คน ดังนี้
1. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
2. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
3. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
4. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
5. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
6. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
7. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
8. นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
9. นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
10. นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
11. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
“ประเสริฐ” งัดหลักฐานทุจริตถุงมือยางภาค 2 “จุรินทร์-นายกฯ” ปล่อยฟอกเงิน 2 พันล้าน
สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นวันที่ 2 เมื่อเวลา 08.39 น. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย เริ่มต้นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ถึงเรื่องทุจริตถุงมือยาง ภาค 2 พฤติการณ์ของนายจุรินทร์ คือไม่อายัดเงินให้ทันเวลา ทำให้กลุ่มผู้กระทำความผิด และผู้ทุจริต ฟอกเงิน 2,000 ล้าน กระจายเงินไปตามบัญชีต่างๆ จนไม่สามารถติดตามเงินมาได้ ถือว่านายจุรินทร์ และนายกฯ ปล่อยให้ผู้ทุจริตกินหรูอยู่สบาย
นายประเสริฐ ระบุด้วยว่า มีหลักฐานเป็นใบเสร็จการโอนเงิน พร้อมเชื่อว่า เงินจำนวนดังกล่าวต้องตกอยู่ในมือผู้มีอิทธิพลทางการเมือง และจะนำหลักฐานมอบให้ประธาน เพื่อนำไปมอบให้ นายจุรินทร์ และนายกฯ ขอให้สำนัก
งานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนและดำเนินคดีฝ่ายการเมือง อีกทั้งจะนำข้อมูลใหม่ พร้อมเส้นทางการเงินกลุ่มทุจริตไปยื่น ป.ป.ช. อีกครั้ง
“จุรินทร์” สวนฝ่ายค้าน ไม่จริง ไม่ได้ละเลย คดีทุจริตถุงมือยาง 2 พันล้าน
ต่อมาเวลา 09.18 น. นายจุรินทร์ ชี้แจงว่า การทุจริตองค์การคลังสินค้า (อคส.) ต้องดำเนินการทวงเงินคืนทุจริตถุงมือยาง 2,000 ล้าน พร้อมดอกเบี้ย ที่บอกว่าไม่กล้าจัดการประธานบอร์ดนั้น ไม่จริง ส่วนเงินก้อนที่ 2 อคส. เงินทุจริตจำนำข้าวกว่า 5,000 ล้านบาท ยังไม่จบ ไม่เห็นทวงบ้าง และเงินก้อนที่ 3 ทุจริตมันสำปะหลังคู่จำนำข้าวที่พวกท่านเป็นรัฐบาลนั่นแหละ 33,000 ล้านบาท ส่วนกรณีทุจริตถุงมือยางเกิดขึ้นจากอดีต ผอ.อคส. ไปทำสัญญาจัดซื้อถุงมือยางกว่าแสนล้านบาทกับ 7 บริษัท นั่นคือที่มาที่ไป
เมื่อมีการรายงานว่าเงินหายจากบัญชี 2,000 ล้านบาท วันเดียวกันนั้นนายกฯ สั่งย้ายทันที จะบอกว่านายกฯ และตนละเลยปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ แล้วก็ให้ไปตรวจสอบเส้นทางการเงิน แจ้งความ และ ป.ป.ช. จากนั้น ป.ป.ช. มีมติอายัดบัญชี 2,000 ล้านบาท และดำเนินการตามกฎหมาย จนสามารถชี้มูลความผิด 3 ราย และหลังการดำเนินการแล้ว อคส. มีความโปร่งใสมากขึ้น ได้คะแนนมากขึ้น ทั้งในปี 2563 ปี 2564 ซึ่ง ป.ป.ช. เป็นผู้ประเมิน ไม่ใช่ตนเอง โดยนายประเสริฐ ลุกขึ้นมาใช้สิทธิ์พาดพิงตอบโต้ โดยกล่าวหาว่าเล่าความเท็จ นายจุรินทร์ จึงตอบโต้ว่า ถ้าท่านฟังผมพูดมาแล้วยังไม่เห็นว่าเรื่องที่ท่านกล่าวหาไม่มีความคืบหน้า ผมว่าท่าน “หูดับ” แล้วล่ะครับ ส่วนจะส่ง ป.ป.ช. ก็ไม่มีปัญหาเลย จะได้ช่วยกันตรวจสอบการทุจริต
ปลุกผี สปก. “ก้าวไกล” แฉ “นิพนธ์” ออกโฉนดที่ดินเอื้อเครือข่าย “ประชาธิปัตย์”
เวลา 09.50 น. นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ประเด็นโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน ซึ่ง นายนิพนธ์ อ้างว่าจะมาช่วยแก้ปัญหาความล่าช้าในการออกโฉนดและกระจายการถือครองที่ดินให้ประชาชนและเกษตรกร กลายเป็นโครงการที่ออกโฉนดที่ดินผืนงาม เพื่อให้นายทุนเครือข่ายของตัวเองแสวงหาประโยชน์ คล้ายกับนโยบายปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก.4-01 ในปี 2537 รวมถึงเรื่องเกาะนุ้ยนอก พร้อมกับเปิดคลิปเสียงแฉว่ามีนอมินีถือที่ดินแทนอดีตนายก อบจ.พังงา ที่อาจเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พังงา พรรคประชาธิปัตย์ สมัยหน้าด้วย
“นิพนธ์” ยัน ไม่ได้ขายชาติ ต่างชาติถือครองที่ดิน ก.ม.เก่า ลั่น ไม่ได้ละเลย
ทางด้าน นายนิพนธ์ ชี้แจงเรื่องเกาะนุ้ยนอก ว่า อยู่ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกระบี่ เขาสรุปมาให้ทราบ จึงแจ้งไปว่า ให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ทั้งวินัย อาญา กับผู้กระทำความผิด เป็นที่มาของการตั้งคณะกรรมการมาสอบเจ้าหน้าที่ เป็นการยืนยันว่าไม่ได้ละเลย กรรมการมีมติเพิกถอนโฉนดที่ดิน ใช้เวลาเพียง 80 วันสอบสวนเรื่องนี้ และบัดนี้มีมติให้ข้าราชการ 4 รายออกจากราชการ ตอนนี้รอผลเท่านั้น ขอให้สบายใจได้ และสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้ออกโฉนดที่ดินในที่ของรัฐ ยืนยันไม่รู้จักกับผู้ได้รับประโยชน์ หากดำเนินการออกโฉนดถูกต้องก็มีสิทธิ์ได้รับประโยชน์
ส่วนเรื่องที่ดินป่าสงวน จ.ราชบุรี เร็ว แล้วกรณีที่ดินเขากระโดง ช้า ถ้าพื้นที่ไหนเป็นของรัฐ ออกโฉนดไม่ได้แน่นอน ขณะที่นโยบายให้ต่างชาติถือครองที่ดินในไทยนั้น ที่แก้ไขคือ จากลงทุน 5 ปี เหลือลงทุน 3 ปี เท่านั้น รัฐบาลแก้กฎหมายแค่นี้ เพื่อให้เกิดการลงทุนมากขึ้น นี่คือสิ่งที่กระทรวงมหาดไทยแก้มีแค่เวลาลงทุน ไม่มีการขายชาติใดๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นนโยบายต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ
“ศักดิ์สยาม” ปัดเกี่ยว หจก.บุรีเจริญ ตั้งแต่ปี 61 รับซื้อขายหุ้นจริง แต่ทำตามกฎหมาย (คลิป)
จากนั้นเวลา 11.42 น. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงเรื่องที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีข้อพิพาทมาอย่างยาวนาน ระหว่างประชาชน และหน่วยงานรัฐ กรมที่ดิน และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยืนยันไม่เคยแทรกแซงหรือมีการดำเนินการใดๆ พร้อมทั้งยังให้ รฟท. ทำงานยึดหลักธรรมาภิบาล ส่วนประเด็นบ้านพักในพื้นที่เขากระโดง ตนเองเป็นเพียงผู้อาศัย ตามที่เคยชี้แจงไปแล้ว
นอกจากนี้ ยังแจงเรื่องการขายหุ้นของ หจก.บุรีเจริญ ที่ฝ่ายค้านอ้างว่าเป็นนิติกรรมอำพราง อาจเป็นการซื้อขายปลอม มีนอมินีนั้น เรื่องนี้มีการซื้อกันจริง เป็นเพื่อนของตนเอง มีหลักฐานยืนยันการโอนเงินจากธนาคาร 3 ครั้ง รวม 119,500,000 บาท และยังมีหนังสือรับรองจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ที่มีการรับรองเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2561 ก่อนจะย้ำว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ หจก.บุรีเจริญ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ส่วนเงินที่ได้รับมาจากการขายหุ้น นำไปชำระหนี้สินส่วนตัวและหนี้สินทางธุรกิจ ขณะที่บริษัทดังกล่าวจะไปดำเนินการอย่างไรต่อก็เป็นเรื่องของบริษัท หากยังมีประเด็นสงสัยขอให้ไปสอบถามกับ หจก.บุรีเจริญ เอง และได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินกับ ป.ป.ช. ไปแล้ว ส่วนเรื่องฮั้วประมูลงานของกระทรวงคมนาคม ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องจริง และเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ โดยมี ส.ส.ฝ่ายค้านหลายคนที่ได้อภิปราย นายศักดิ์สยาม ไปก่อนหน้านี้ ลุกขึ้นประท้วง
“ยุทธพงศ์” ซัด “สันติ” ทุจริตท่อส่งน้ำอีอีซี หนี พ.ร.บ.ร่วมทุน เอื้อเอกชน
เวลา 12.39 น. นายุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจโดยกล่าวหา นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ทุจริตโครงการท่อส่งน้ำภาคตะวันออก หรือ ท่อส่งน้ำอีอีซี เชื่อได้ว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชน และได้บริษัทเอกชนไม่มีศักยภาพในการทำโครงการ เป็นการทำลายพี่น้องประชาชนทำให้ได้รับความเดือดร้อน อีกทั้ง กรมธนารักษ์เจ้าของโครงการ ยังปกปิดไม่ให้ข้อมูลโดยทั่วถึง ไม่เชิญบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการทำโครงการท่อส่งน้ำในประเทศเข้าร่วม ก่อนจะอภิปรายต่อไปว่า นายสันติ จัดฉากการประมูล อ้าง TOR ไม่สมบูรณ์ การคัดเลือกครั้งที่ 2 เหมือนเป็นการเขียนด้วยมือลบด้วยเท้า เอื้อประโยชน์บริษัทเอกชนหรือไม่
“ดร.สันติ สร้างความเสียหายโครงการ ไม่เปิดประมูลแข่งขัน หนี พ.ร.บร่วมทุน ได้บริษัทเอกชนไม่มีศักยภาพ ทำให้ค่าน้ำประปาแพง ทำให้พี่น้องประชาชนภาคตะวันออก เดือดร้อน ผมจึงไม่สามารถให้ ดร.สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง บริหารราชการแผ่นดินต่อไป เหตุเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชน”
เสียงหวอดังลั่นสภาฯ ช่วง “สันติ” แจงท่อส่งน้ำ EEC ก่อนโต้กลับ “ยุทธพงศ์”
นายสันติ ลุกขึ้นชี้แจงต่อในทันทีเมื่อเวลา 13.23 น. ว่า อีสท์วอเตอร์ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจแล้ว เป็นเอกชนโดยสมบูรณ์และอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ต้องมีการแข่งขันกันเป็นปกติ เนื่องจากมีเอกชนถือหุ้นมากกว่า 50% มีต่างชาติถือหุ้นด้วย ส่วนการประปาส่วนภูมิภาคถือหุ้นราว 40% โดยอีสท์วอเตอร์นั้นมีสัญญาท่อแรกกับกรมธนารักษ์ที่จะสิ้นสุดช่วงปลายปี 2566 หากไม่หาผู้มาเช่าบริหารจัดการน้ำ จะเกิดปัญหาในทางปฏิบัติ เพราะมีนิคมอุตสาหกรรมและโรงงานจำนวนมาก มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ และเป็นไปไม่ได้ที่บอกว่าไม่รักษาผลประโยชน์ของรัฐ ตลอด 30 ปี อีสท์วอเตอร์จ่ายให้รัฐเพียง 600 กว่าล้านบาท แต่การเสนอราคาครั้งนี้รัฐจะได้ 24,000 กว่าล้านบาท การกล่าวหาทำให้ข้าราชการกรมธนารักษ์เสียกำลังใจ เพราะตรวจสอบกฎหมายในทุกขั้นตอนแล้ว พร้อมชื่นชมการทำงานของกรมธนารักษ์ที่ยึดผลประโยชน์ชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง
ทางด้าน นายยุทธพงศ์ ใช้สิทธิ์พาดพิงว่า ใบเสร็จที่อภิปรายนั้นมัดตัว นายสันติ พร้อมย้ำคำถามทำไมไม่เปิดประมูลทั่วไป และประท้วงว่า การอภิปรายต้องอยู่ในประเด็น ตนเองใช้เวลาไป 40 นาที แต่ นายสันติ แจงไปแล้วเป็นชั่วโมง เหมือนอภิปรายไม่ไว้วางใจตนเองและอีสท์วอเตอร์ และทำไมเอื้อบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง โดยนายสันติ ถามกลับว่ารู้ข้อมูลมากกว่าตนได้อย่างไร แสดงว่าคงมีอะไรสักอย่าง มีใครไปรับงานมาจากอีสท์วอเตอร์หรือไม่ ไม่ทราบ แต่ตนต้องทำหน้าที่พิทักษ์ผลประโยชน์ของรัฐ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่นายสันติ แจงอยู่ เกิดเสียงคล้ายสัญญาณเตือนไฟไหม้ดังขึ้นไปทั่วรัฐสภา ก่อนที่ประธานจะแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและได้รับการชี้แจงว่า ระบบเตือนภัยเรื่องไฟผิดพลาด
“จุติ” แจง ตั้งใจสางหนี้ กคช.-“ณัฐชา” เหน็บ ได้แค่นี้ เก็บของพ้น พม.เถอะ
เวลา 14.40 น. ถึงคิว นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ชี้แจง หลังนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เอาไว้เมื่อคืนที่ผ่านมา ว่า กคช. ที่มีหนี้สินร่วม 35,419 ล้านบาท มีทรัพย์สิน 53,416 ล้านบาท มีภาระจากโครงการเอื้ออาทรที่ขาดทุนสะสมถึง 38,843 ล้านบาท ต้นทุนนี้ทำให้ กคช. มีภาระต้องจ่ายดอกเบี้ยประจำปีละกว่า 600 ล้านบาท ส่วนที่กล่าวหาว่าผู้บริหารของ กคช. ทำผิด ละเมิดหลักธรรมาภิบาล รวมถึงที่ระบุว่าตนตั้งผู้ปั่นหุ้นมาเป็นกรรมการ กคช. ขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง ขณะกรณีที่การกล่าวหาว่าแอบอ้างสถาบันเพื่อทำโครงการนี้ ยืนยันว่าไม่เคยมีคำสั่ง ทุกเรื่องที่ทำถวายสถาบันตั้งแต่เกิดและจะทำตนตาย และพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่เคยมีคดีล้มเจ้า
จากนั้น นายณัฐชา ลุกขึ้นโต้กลับการชี้แจงของนายจุติ ว่า 20 ชั่วโมงที่หายไปจากสภาฯ และท้าว่าอย่าหนีตั้งแต่เมื่อคืน แต่ข้อมูลที่มาชี้แจงนั้น คิดว่าเอาเวลาไปเก็บของออกจากกระทรวงจะดีกว่า ถ้าหายไปแล้ว ได้ข้อมูลมาตอบชี้แจงเพียงเท่านี้
สภาวุ่น ส.ส.ฝ่ายค้าน-รัฐบาลประท้วงกันเดือด ปมอภิปรายชู้สาว “ชัยวุฒิ”
เวลา 15.44 น. หลังการเข้าสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ก็เกิดการประท้วงในสภาฯ กันวุ่น เหตุจาก น.ส.ชนก จันทาทอง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย อภิปรายกล่าวหา นายชัยวุฒิ ถึงเรื่องชู้สาว ยกย่องผู้หญิงคนอื่นออกหน้าแทนภรรยาตนเอง ที่ดำรงตำแหน่ง ส.ส. ถือเป็นเรื่องที่ผิดประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2564 ที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นคนบัญญัติไว้ และยังทำผิดร้ายแรงต่อศีลธรรมอันดีงามของไทย โดย ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลหลายคนลุกขึ้นประท้วงถึงความไม่เหมาะสม ส่วนฝากฝ่ายค้านก็ประท้วงกลับว่าสามารถอภิปรายได้ จนประธานในที่ประชุมต้องเบรกและปิดไมค์
หนึ่งในนั้นคือ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกอภิปรายด้วยเสียงที่ดัง ประท้วง นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ที่ทำหน้าที่ประธานในการประชุมว่า “ท่านอย่าใช้วิธีนี้ มาปิดปากฝ่ายค้าน” ขณะที่ น.ส.ชนก ได้กล่าวในช่วงท้ายว่า รูปภาพและคลิปที่นำมาฉายในสภาฯ จะขอรับผิดชอบทางกฎหมายทุกประการ และพูดว่า “อันตัณหาราคะนั้นแสนสาหัส ถ้าใครตัดเสียได้ฉันให้ถอง อุตส่าห์เรียนวิชาหาเงินทอง ก็เพราะของสิ่งเดียวมันเกี่ยวกวน”
“ชัยวุฒิ” แจงปมชู้สาว ซัดมาตรฐานต่ำ “ชนก” ถามกลับถ้าบริสุทธิ์ใจ หย่าทำไม
ในเวลาต่อมา 16.23 น. นายชัยวุฒิ ขึ้นกล่าวขอบคุณเพื่อนสมาชิกที่ให้เกียรติและช่วยกันประท้วง ส่วนตัวไม่ได้ประสงค์ให้มีการปิดกั้น อยากให้พูดให้หมด รูปอะไรจะเปิดก็เปิดไป ของไม่จริง ไม่มีอะไร ไม่ได้กลัวอยู่แล้ว พร้อมระบุว่า
“ผมว่ามาตรฐานมันต่ำ มันมีเรื่องให้พูดตั้งเยอะ คือการพูดเรื่องที่มันต่ำเนี่ย คนพูดก็จะต่ำไปด้วย ภาพนี้จะติดตัวท่านไป ผมคิดว่าคนที่ให้ข้อมูลให้ท่านพูดเรื่องนี้ไม่ได้หวังดีกับท่านหรอก เพราะนอกจากเป็นภาพไม่ดีที่จะติดตัวเราไปแล้วเนี่ย มันจะมีคดีติดตัวด้วย คดีหมิ่นประมาท ไปฟังคนโน้นคนนี้ว่ามา มโนไปอย่างนู้นอย่างนี้ แล้วเอามาพูดในสภาฯ ข้อเท็จจริงไม่มี สุดท้ายไปสู้ในศาล ไม่ใช่ผมฟ้องนะ คนที่เขาเสียหายเขาฟ้อง ผมบอกเลยคนที่เอาเรื่องนี้ให้ท่านพูดไม่ได้หวังดีกับท่านแน่นอน เพราะทำให้ภาพท่านดูไม่ดี แล้วท่านจะมีคดีติดตัวด้วยแน่นอน แต่ก็โชคดีที่ท่านไม่ได้พูด”
ทุกคนที่รู้จักจะรู้ว่าเป็นคนอย่างไร ถ้าไม่รู้จักก็อย่ามาอภิปรายในเรื่องส่วนตัว ไปฟังคนนั้นคนนี้พูดมามันไม่ใช่ และคนที่ถูกพูดถึงทั้งหมด ก็เป็นเพื่อน เป็นคนรู้จักที่มาช่วยงาน อภิปรายเหมือนมีความผิด ทั้งที่ไม่มีความผิด ไม่มีข้อเท็จจริงอะไรเลย
“นาฬิกาหรู” เดือด! “ธีรัจชัย” ท้า “บิ๊กป้อม” ชายชาติทหารกล้าทำก็กล้ารับ
เข้าสู่การอภิปรายบุคคลที่หลายคนรอคอย เมื่อ เวลา 16.30 น. นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องแหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน และมีเพียง ป.ป.ช. เท่านั้นที่เชื่อว่าเป็นการยืมนาฬิกาเพื่อนจริง ทำให้ พล.อ.ประวิตร ไม่มีความผิด ขณะนั้น นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นประท้วงว่า เสียดสี ใส่ร้าย ป.ป.ช. ยืนยันแล้วก็ไม่ควรไปกล่าวถึง แต่ผู้อภิปรายก็ยังกล่าวถึง โดยขณะที่ นายธีรัจชัย พยายามอภิปรายต่อ ก็เจอ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ต่างลุกขึ้นมาประท้วงจนแทบจะอภิปรายต่อไม่จบ ก่อนจะทิ้งท้ายว่า
“สำหรับ พล.อ.ประวิตร ท่านเป็นชายชาติทหาร กล้าทำก็กล้ารับ ถ้านาฬิกา 20 เรือนเป็นของท่าน ก็รับไปเถอะครับ ท่านเข้าไปแทรกแซง ป.ป.ช. ใช่หรือไม่ครับ”
ฮาทั้งสภาฯ “บิ๊กป้อม” ถาม ส.ส.ก้าวไกลคงไม่มีเพื่อนดี โบ้ยไม่รู้ นายกฯ โน่นทำปฏิวัติ
หลังจบการอภิปรายของ นายธีรัจชัย แล้วนั้น พล.อ.ประวิตร ลุกขึ้นมาชี้แจงเป็นครั้งแรกเมื่อเวลา 17.53 น. เรื่องนาฬิกาหรู ว่า ข้อกล่าวหาของผู้อภิปรายในเรื่องนาฬิกาทั้งหมด ไม่สามารถตอบได้เพราะไม่อาจก้าวล่วงเรื่องของ ป.ป.ช. ยืนยันตนเองก็มีเพื่อนดีๆ ที่ให้ยืมอะไรได้ ส่วนในเรื่องที่จะตอบว่าอย่างโน้นอย่างนี้ ในเรื่อง ป.ป.ช. ไม่อาจก้าวล่วงไปได้ “ส่วนในเรื่องที่ผมจะมีเพื่อนดีสักคนนี่ ของคุณคงไม่เคยมีนะครับ ผมมีเพื่อนดี คือคบกันมาตั้งแต่ชั้นประถม เพราะฉะนั้นเรามีอะไร ลูกสาวเขาก็เหมือนลูกผมนั่นแหละนะครับ”
ก่อนจะเรียกเสียงหัวเราะในสภาฯ เมื่อ พล.อ.ประวิตร แจงเรื่องปฏิวัติรัฐประหารว่า “เรื่องของปฏิวัติ ผมก็ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องนี่ครับ คนปฏิวัติ ท่านนายกฯ นี่ คนที่เอา คุณอนุพงษ์ก็ไม่ได้เกี่ยวข้อง คุณก็เอาผมไปเกี่ยวข้อง เออ ผมยังไม่รู้เลยจะปฏิวัติเมื่อไหร่ 3 ป. 3 เปอ อะไร ฮะ พูดไปเรื่อย เอาเรื่องจริงเข้าว่าดีกว่าครับ นะครับ” ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ อมยิ้มกับคำตอบของ พล.อ.ประวิตร พร้อมยกมือรับด้วย
พล.อ.ประวิตร ยังแจงต่อเรื่องการปราบปรามยาเสพติดในเวลาต่อมา ว่า มีการป้องกันและปราบปราม มีการจับกุมทุกวัน ทั้งแนวชายแดน และทางเรือ รวมถึงอยากให้ไปร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เพื่อจะจับกุมให้ได้ ให้มากขึ้น ไม่ใช่มาพูดอย่างนี้ เพราะฉะนั้นคนทำงาน ผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ตามแนวชายแดนจะเสียกำลังใจ อีกทั้งใน 8 ปีที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยนิ่งเฉย พยายามคืนผู้ป่วยให้สามารถคืนสู่สังคมได้
“ประยุทธ์” รับ พยายามระงับอารมณ์ ตอกกลับฝ่ายค้าน นั่งร้านไม่มีหัว
กระทั่งเวลา 18.44 น. พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวในที่ประชุมถึงประเด็นยาเสพติด ว่า จำเป็นต้องชี้แจงเพราะถูกพาดพิง พยายามจะพูดให้สุภาพเรียบร้อย ย้ำว่าเรื่องยาเสพติดเป็นภารกิจสำคัญที่สุดของรัฐบาลนี้ เราดำเนินการทุกขั้นตอน รวมถึงฟื้นฟูสู่สังคม เพราะเขาก็คือประชาชนของเรา พร้อมฝากถึงผู้อภิปรายว่า ถ้ารู้ขนาดนั้นก็บอกมาว่าจะให้ไปจับตรงไหนเพิ่มเติม นอกจากที่เจ้าหน้าที่ทำอยู่ หรือไม่ก็ไปร่วมมือกับเขาก็ได้ จะมอบหมายดูแลให้เป็นกรณีพิเศษ ขอให้นึกถึงตำรวจ เจ้าหน้าที่ กี่แสนคนที่เขาอยู่ชายแดน เขาทำหน้าที่ทุกอย่าง ทั้งยาเสพติด ป้องกันสิ่งของผิดกฎหมาย ลักลอบข้ามแดน ถ้าเขาไม่ทำอะไรเลย คงไม่มีโอกาสมานั่งสบายๆ กันอยู่แบบนี้ นึกถึงประโยชน์เขาบ้าง นึกถึงลูกเขาบ้าง ท่านอาจจะไม่มีครอบครัวเป็นทหาร ไม่เป็นไร ถ้าไม่รักก็ช่างเขาเถอะ ไม่ว่า
“เมื่อกี้มันมีเรื่องที่เขียนอะไรกันออกมาเนี่ย จริงๆ ผมก็พยายามที่จะระงับอารมณ์ของผมเต็มที่อยู่แล้วนะ คือพูดจากันมา 3 วัน ท่านก็บอกว่าใช้เวลามากเกินไปรัฐบาล คือท่านก็จ้องแต่จะเล่นงานรัฐบาลเยอะๆ ไง และวันนี้รัฐบาลไม่มีโอกาสจะตอบแล้ว (ฝ่ายรัฐบาลใช้เวลาในส่วนที่แบ่งไว้หมดแล้ว) นั่นคือแท็กติกของท่าน ผมรู้ เพราะฉะนั้นผมก็จะใช้ให้น้อยที่สุด มันมีอยู่คำนึงผมติดค้างมาตั้งแต่วันแรกแล้ว ท่านกล่าวว่า ท่านจะทำลายนั่งร้านรัฐบาล สอง เด็ดหัว คำพูดนี้มันควรใช้ในสภาฯ หรือเปล่า หรือไปใช้ทางสื่อหรือเปล่า ผมไม่เข้าใจ เพราะวันนี้ท่านว่าผมมีนั่งร้าน ผมนั่งอยู่บนนั่งร้าน ผมเป็นหัว ท่านก็มีนั่งร้านของท่าน แต่ท่านไม่มีหัว หัวขาดไปแล้ว” ก่อนจบการชี้แจงในเวลา 18.47 น. และเดินออกจากห้องประชุม
“เลิศศักดิ์” ปูด สัญญาน้ำประปา อัปยศ “บิ๊กป๊อก” โต้ ไม่มีเรื่องนี้
เวลา 18.45 น. นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กรณีการประปาส่วนภูมิภาค ที่ขัดต่อนโยบายรัฐบาล หรือมติ ครม. ในส่วนของโครงการน้ำประปาปทุมธานี-รังสิต ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ บอร์ดชุดใหม่แก้ไขสัญญา พ.ร.บ.ร่วมทุน เปลี่ยนไปต่อสัญญาให้เอกชนรายเดิม มันคือสัญญาอัปยศ ล้มสัญญาที่ทำไว้กับคณะกรรมการชุดเก่า เพียงแค่บริษัทมีข้อเสนอใหม่ ต่อสัญญาให้เอกชน จากที่ระบุไว้เดิมว่าเมื่อหมดสัญญาแล้วให้การประปาส่วนภูมิภาคทำเอง
จากนั้นเวลา 19.35 น. พล.อ.อนุพงษ์ ชี้แจงว่า เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องที่เกิดก่อนเข้ามาเป็นรัฐมนตรี แต่ยืนยันไม่มีการเปลี่ยนแปลงแน่นอน การประปาส่วนภูมิภาคต้องมาทำเองเมื่อสิ้นสุดสัญญา โครงการนี้ไม่มีแน่ ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง เดินต่อไปที่ ครม. ก็ไม่มีทางเกิดขึ้น การประปาส่วนภูมิภาคเตรียมรับดำเนินการเรื่องนี้ ที่กล่าวอ้างมาทั้งหมดว่ารู้เห็นเป็นใจ ตนเองไม่เห็นชอบแน่นอน อย่ามากล่าวให้ร้าย
“กลับไปเรื่องบอร์ดนิดนึง ปลัดฉัตรชัย ไปเป็นบอร์ดไฟฟ้า ไม่มีใครมาเปลี่ยนอะไร และขอเรียนด้วยความเคารพ ท่านไปเอาอะไรมา ไม่มีเรื่องนี้แน่ ถึงส่งมาถึงผม ผมก็ไม่ให้ผ่าน”