ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ฯ จับตา “โอมิครอน” สายพันธุ์ย่อย BA.4.6 พบเติบโต แพร่ระบาดรวดเร็ว กว่า BA.4/BA.5 และ BA.2.75 แต่ยังไม่พบในไทย
วันที่ 8 สิงหาคม 2565 เฟซบุ๊กเพจ “Center for Medical Genomics” ของ ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ โอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.4.6 โดยระบุว่า ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี เริ่มติดตามโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4.6 ที่พบระบาดในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีการเติบโต แพร่ระบาด (relative growth advantage) สูงกว่า BA.4/BA.5 และ BA.2.75 โดยสายพันธุ์ย่อยนี้ ยังไม่พบในประเทศไทย
US CDC ปรับให้โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4.6 เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล (variant of concern) เนื่องจากมีการระบาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
จากข้อมูลของ CDC พบว่า BA.4.6 คิดเป็น 4.1% ของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกา (30 กรกฎาคม 2565) พบผู้ติดเชื้อจำนวนมากในรัฐไอโอวา แคนซัส มิสซูรี และเนบราสกา
โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4.6 คล้ายคลึง BA.4 เพียงแต่มีการกลายพันธุ์ที่หนามต่างไปจากโอมิครอนอื่น 1 ตำแหน่ง (Spike R346T mutation) ยังไม่มีข้อมูลด้านการหลบภูมิคุ้มกัน หรือการดื้อต่อวัคซีนเจเนอเรชันแรก และเจเนอเรชันสองที่จะมีให้ได้ฉีดกันปลายปีนี้ รวมทั้งยังไม่มีรายงานความรุนแรงของโรคที่แตกต่างไปจากโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยอื่นอย่างมีนัยสำคัญ
มีการถอดรหัสพันธุกรรม BA.4.6 ทั้งจีโนม และอัปโหลดขึ้นพบฐานข้อมูล GISAID โลกแล้วทั้งสิ้น 5681 ตัวอย่างภายในสามเดือนที่ผ่านมา
โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2.75 จากอินเดีย แม้จะมีการกลายพันธุ์บริเวณหนามไปมากที่สุดถึง 8 ตำแหน่ง เมื่อเทียบกับโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยอื่น แต่การระบาดในอินเดียและทั่วโลกกลับลดลงอย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4.6 ในสหรัฐอเมริกามีการเติบโต แพร่ระบาดเหนือกว่าทั้ง BA.5 และ BA.2.75
โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4.6 มีความได้เปรียบในการเติบโต แพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่า BA.5 ทั่วโลกประมาณ 15% และ BA.5 ในเอเชียประมาณ 28%
โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4.6 มีความได้เปรียบในการเติบโต แพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่า BA.2.75 ทั่วโลกประมาณ 12% และ BA.2.75 ในเอเชียประมาณ 53%
ที่มาจาก เฟซบุ๊กเพจ Center for Medical Genomics