เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซีย ยืนยันว่า พวกเขาจะไม่หยุดปฏิบัติการทางทหารในยูเครน ถึงแม้ว่าเคียฟจะประกาศล้มเลิกความหวังที่จะเป็นสมาชิกนาโตก็ตาม
สำนักข่าว รอยเตอร์ส รายงานว่า นายดีมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย ที่ตอนนี้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสื่อฝรั่งเศสเมื่อวันศุกร์ที่ 26 ส.ค. 2565 ว่า รัสเซียเตรียมจัดการเจรจากับประธานาธิบดี โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในเงื่อนไขบางประการ
“การล้มเลิกการเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์กรสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือของพวกเขาตอนนี้ เป็นเรื่องสำคัญมาก แต่ไม่เพียงพอแล้วที่จะใช้สร้างสันติภาพ” เมดเวเดฟบอกกับสถานีโทรทัศน์ LCI และยืนยันว่า รัสเซียจะดำเนินปฏิบัติการทางทหารต่อไป จนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย
เมดเวเดฟไม่เจาะจงว่าเป้าหมายดังกล่าวคืออะไร แต่ปูตินเคยพูดว่า ปฏิบัติการทางทหารในยูเครนมีเป้าหมายเพื่อกำจัดนาซีในยูเครน ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่รัฐบาลเคียฟกับชาติตะวันตกประณามว่า เป็นข้ออ้างที่ไม่มีมูล
ทั้งนี้ รัสเซียกับยูเครนจัดการเจรจามาแล้วหลายรอบหลังจากการรุกรานเกิดเริ่มขึ้นเมื่อ 24 ก.พ. แต่แทบไม่มีความคืบหน้า และมีโอกาสน้อยที่จะเจรจากันต่อ “การเจรจาจะขึ้นอยู่กับว่า สถานการณ์ดำเนินไปอย่างไร ก่อนหน้านี้เราพร้อมที่จะพบเซเลนสกี” นายเมดเวเดฟกล่าว
อดีตนายกรัฐมนตรีรัสเซีย ยังกล่าวถึงอาวุธของสหรัฐฯ ที่ส่งให้แก่ยูเครน เช่น ระบบยิงจรวดหลายลำกล้อง HIMARS ว่ายังไม่เป็นภัยคุกคามมากนัก แต่มันอาจเปลี่ยนไปหากสหรัฐฯ ส่งอาวุธที่ยิงเป้าหมายได้ไกลกว่านี้ไปให้เคียฟ
“มันหมายความว่า หากมิสไซล์เหล่านี้ยิงได้ 70 กม.ก็เรื่องหนึ่ง แต่เมื่อมันบินได้ไกล 300-400 กม.ก็กลายเป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้ว ทีนี้มันอาจคุกคามดินแดนของสหพันธรัฐรัสเซียโดยตรง”