พระบาทสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เอลิซาเบธ ที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร สวรรคต เมื่อเวลา 00.32 น. วันศุกร์ (9 ก.ย.) ตามเวลาไทย ณ พระราชวังบัลมอรอล ในสกอตแลนด์ สิริพระชนมพรรษา 96 พรรษา
ด้านเจ้าฟ้าชายชาร์ลส พระราชโอรส ทรงเลื่อนสถานะขึ้นมาเป็นพระมหากษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักร โดยใช้พระนามาภิไธย “พระเจ้าชาร์ลส ที่ 3” ขณะที่นางคามิลลา ปาร์เกอร์ โบวล์ส พระชายาในเจ้าฟ้าชายชาร์ลส ก็เลื่อนสถานะขึ้นมาเป็นพระราชินี
สำนักพระราชวังบักกิงแฮม ออกแถลงการณ์ตามหลังการเสด็จสวรรคตว่า
“พระบาทสมเด็จพระราชินีนาถสวรรคตโดยสงบ ณ พระราชวังบัลมอรอล บ่ายนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (พระองค์ใหม่) และสมเด็จพระราชินีจะประทับที่พระราชวังบัลมอรอลค่ำนี้ และจะเสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงลอนดอนวันพรุ่งนี้”
พระบาทสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เอลิซาเบธ ที่ 2 ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองสิริราชสมบัติยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหราชอาณาจักร ด้วยระยะเวลา 70 ปี 214 วัน โดยทรงก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ตั้งแต่มีพระชนมพรรษา 25 พรรษาเท่านั้น หลังจากการสวรรคตของพระราชบิดา (พ่อ) ซึ่งก็คือ พระบาทสมเด็จพระราชาธิบดี จอร์จ ที่ 6 เมื่อปี 2495
นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระบรมราชินีนาถแห่งสหราชอาณาจักร พระองค์นี้ ยังทรงเป็นประมุขของประเทศอื่นอีก 14 ประเทศ ไม่รวมสหราชอาณาจักร ได้แก่
- กรีเนดา
- แคนาดา
- จาเมกา
- เซนต์คิตส์และเนวิส
- เซนต์ลูเชีย
- เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์
- ตูวาลู
- นิวซีแลนด์
- บาฮามาส
- เบลีซ
- ปาปัวนิวกินี
- หมู่เกาะโซโลมอน
- ออสเตรเลีย
- แอนทีกาและบาร์บิวดา
ข่าวการเสด็จสู่สวรรคาลัยนี้ เกิดขึ้นตามหลังการประกาศจากสำนักพระราชวังแห่งสหราชอาณาจักร เมื่อเวลา 18.00 น. วันพฤหัสบดี (8 ส.ค.) ตามเวลาไทย ที่ระบุว่า คณะแพทย์ที่ถวายการรักษาแด่พระบาทสมเด็จบรมราชินีนาถกังวลถึงพระพลานามัย และถวายคำแนะนำให้อยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิด แต่ยังทรง “รู้สึกสบายดี”
ด้านสำนักข่าวในสหราชอาณาจักรหลายแห่ง รายงานในขณะนั้นว่า พบเห็นเจ้าชายวิลเลียม และเจ้าชายแฮร์รี พระนัดดา (หลาน) เสด็จอย่างเร่งด่วนไปยังเข้าเฝ้าเพื่ออยู่เคียงข้างพระบาทสมเด็จพระบรมราชินีนาถ การเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจบ่งชี้ได้ว่าพระนัดดาทั้ง 2 และพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์อื่น ทรงกังวลอย่างมากต่อพระพลานามัยของพระบาทสมเด็จพระบรมราชินีนาถ