ระเบิดลูกที่สองบึมสนั่นรางรถไฟสะเดา ห่างจุด วางระเบิดรถไฟราว 250 เมตร เจ้าหน้าที่รถไฟที่เข้าไปกู้ซากถูกระเบิดฉีกร่างเละสยอง 3 ศพ เจ็บเล็กน้อย 4 คน พบหลุมระเบิดขนาดกว้าง 40 ซม. ลึก 40 ซม. อยู่ข้างรางรถไฟ เป็นจุดที่เคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์ออกไปแล้ว คาดเป็นระเบิดชนิดเหยียบ หรือกับระเบิด ฝังไว้ก่อนหน้าหวังเอาชีวิตเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปตรวจสอบเหตุวางระเบิดรถไฟ ด้านแม่ทัพภาค 4 ปรับแผนรักษาความปลอดภัยพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ให้ครอบคลุมเมืองสำคัญด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สถานที่ราชการ และคุมเข้มเทศกาลปีใหม่
ระเบิดลูกสองบึมสนั่นคร่าชีวิตเจ้าหน้าที่การรถไฟ 3 ศพ เจ็บ 4 คนรายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 06.24 น. วันที่ 6 ธ.ค. ร.ต.อ.รัตน์ชนะ แสงแก้ว รอง สว. (สอบสวน) สภ.คลองแงะ ได้รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดบริเวณรางรถไฟระหว่างสถานีคลองแงะ-ปาดัง เบซาร์ บ้านท่าโพธิ์ ต.ท่าโพธิ์ อ.สะเดา จ.สงขลา ห่างจุดคนร้ายวางระเบิดถล่มขบวนรถสินค้าบรรทุกยางพาราที่ 707 จนรถตกราง เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา ประมาณ 250 เมตร มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย พร้อมด้วย พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผบก.ภ.จ.สงขลา พ.ต.อ.ชาติชาย ชนะสิทธิ์ ผกก.สภ.คลองแงะ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) ภาค 9 เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 นำกำลังและเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพท่าโพธิ์และหน่วยกู้ชีพเทิดธรรมรุดไปสอบสวน
เจ้าหน้าที่ได้กันเขตปลอดภัยห่างจุดเกิดเหตุประมาณ 200 เมตร เพื่อให้เจ้าหน้าที่อีโอดีเข้าเคลียร์พื้นที่เพื่อความปลอดภัยก่อน พนักงานสอบสวน รวมทั้งเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แต่รออยู่นอกเขตปลอดภัย ขณะที่พนักงานรถไฟ 4 คนที่ได้รับบาดเจ็บทยอยเดินออกจากจุดเกิดเหตุ ประกอบด้วยนายนพดล ปานมา หัวหน้าช่างแขวงสารวัตรรถจักรทุ่งสง นายดีเด่น คงสม หัวหน้าช่างแขวงสารวัตรรถจักรหาดใหญ่ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย นายฉัตรชัย นิตรจลานนท์ และนายธีรพงศ์ หนูคง ลูกจ้างแขวงรถจักรหาดใหญ่ ผู้เสียชีวิต 3 คน ชื่อนายภูมิพันธ์ เพชรสุข ผู้ช่วยสารวัตรแขวงรถจักรหาดใหญ่ นายยิ่งศักดิ์ ชุมตรี และนายนวฤทธิ์ สุวรรณชาตรี ทั้งคู่เป็นลูกจ้างแขวงรถจักรหาดใหญ่ถูกแรงอัดและสะเก็ดระเบิดร่างแหลกเละกระเด็นตกลงไปอยู่ในพงหญ้าข้างทางรถไฟ 1 ในนั้นศีรษะขาดกระเด็น
รายงานแจ้งว่า ขณะเกิดเหตุพนักงาน 7 คนกำลังเดินไปเพื่อจะเก็บกู้โบกี้รถไฟที่ตกจากรางผู้เสียชีวิตทั้ง 3 คนเดินนำหน้าไป อีก 4 คนเดินตามหลัง ยังไม่ถึงโบกี้ก็ได้เกิดเหตุระเบิดทำให้ร่างทั้ง 3 คนกระเด็นไปคนละทิศทาง ส่วนที่เหลือหนีออกจากจุดเกิดเหตุและเจ้าหน้าที่ได้ปิดกั้นเส้นทางห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้จุดเกิดเหตุเด็ดขาด เหตุที่เกิดขึ้นสร้างความตื่นตระหนกให้กับชาวบ้านละแวกใกล้เคียงเป็นอย่างมาก ชาวบ้านเล่าว่า ได้ยินเสียงระเบิดดังเหมือนกับตอนที่ระเบิดรถไฟ ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่เร่งกู้ซากรถไฟอย่างต่อเนื่องทั้งวันทั้งคืนมาได้ 2 วันแล้ว
ต่อมาเวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองนำโดย นายเจษฎา จิตรัตน์ ผวจ.สงขลา พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผบก.ภ.จ.สงขลา นายภานุมาศ พรหมโชติ วิศวกรกำกับการกองบำรุงทางเขตหาดใหญ่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาถึงที่เกิดเหตุ เข้าร่วมประชุมในเต็นท์กองอำนวยการ ตั้งข้างรางรถไฟห่างจุดเกิดเหตุราว 500 เมตร เพื่อประมวลและสรุปเหตุการณ์ วางแผนเข้าตรวจที่เกิดเหตุ และเคลื่อนย้ายศพผู้เสียชีวิตออกจากจุดเกิดเหตุ จากนั้นได้ร่วมกันแถลงสรุปเหตุการณ์ระเบิดลูกสองและแนวทางป้องกันเหตุหลังจากนี้
นายเจษฎา จิตรัตน์ ผวจ.สงขลา กล่าวว่า จุดที่เกิดระเบิดซ้ำลูกสองอยู่ห่างจากจุดเดิมออกไปราว 250 เมตร คนร้ายน่าจะวางแผนมาแล้วเพื่อไม่ให้ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดที่เข้าไปเก็บกู้และเคลียร์พื้นที่ระเบิดลูกแรกตรวจพบ มีการเปิดพื้นที่ให้เจ้าหน้าที่รถไฟเข้าไปกู้ซากรถไฟและซ่อมแซมรางตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีกำหนดให้แล้วเสร็จเปิดทางในวันที่ 9 ธ.ค. เหตุระเบิดลูกสองนี้มีเจ้าหน้าที่รถไฟเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 3 ราย และบาดเจ็บอีก 4 ราย และปลอดภัยแล้ว
ผวจ.สงขลากล่าวต่อว่า พรุ่งนี้จะประชุมฝ่ายความมั่นคงทุกหน่วยเพื่อวางแผนดูแลความปลอดภัยพื้นที่ จ.สงขลาทั้งหมด รวมถึงจะขยายพื้นที่ด้านความมั่นคงมายัง อ.สะเดา เพราะที่ผ่านมาอยู่นอกเขตพื้นที่สีแดง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของสงขลา นอกจากนี้ได้ประสานไปยังสถานกงสุลมาเลเซียประจำ จ.สงขลา เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงของเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นและแนวทางการยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวมาเลเซียได้รับทราบ
พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า รูปแบบของการก่อเหตุระเบิดเหมือนกับการก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังจากนี้จำเป็นต้องเฝ้าระวังพื้นที่ อ.สะเดาเพิ่มขึ้น อาศัยภาคประชาชน ผู้นำท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันเหตุร่วมกับเจ้าหน้าที่ด้วย
ส่วน พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผบก.ภ.จ.สงขลา กล่าวว่า เหตุระเบิดลูกสองไม่ใช่ความบกพร่องของชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด มาจากหลายปัจจัย ทั้งสภาพพื้นที่ เกิดเหตุรวมทั้งฝนที่ตกลงมาอาจทำให้การทำงานของ เครื่องมือบกพร่อง และการเข้าเคลียร์พื้นที่ระเบิดลูกแรก ก็มีการกำหนดจุดพื้นที่ปลอดภัยในระยะ 100-200 เมตร เอาไว้แล้ว พร้อมย้ำว่า ระเบิดลูกที่สองหวังผล ทำร้ายเจ้าหน้าที่อย่างชัดเจน แต่เกิดขึ้นได้อย่างไรนั้น ต้องตรวจสอบก่อน
ด้านนายภานุมาศ พรหมโชติ วิศวกรกำกับการกองบำรุงทางเขตหาดใหญ่ เปิดเผยว่า การเข้าไป กู้ซากรถไฟและซ่อมรางนั้น เจ้าหน้าที่เข้าไปหลังจากชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดตรวจสอบพื้นที่เรียบร้อยแล้วและได้รับอนุญาตให้เข้าไป ไม่ได้เข้าไปโดยพลการ มีเจ้าหน้าที่รถไฟสองหน่วยที่เข้าไปจุดเกิดเหตุคือ หน่วยซ่อมบำรุงทางและหน่วยยกรถและทำกันทั้งวัน ทั้งคืน และสามารถยกโบกี้รถไฟที่ตกรางออกมาได้แล้ว 6 คัน และเตรียมเข้าไปซ่อมแซมราง ตอนเกิดเหตุ ระเบิดลูกสองเมื่อเช้านี้มีเจ้าหน้าที่รถไฟ 7 นาย เดินออกมาเอาเครื่องมือใกล้กับที่ตั้งของศูนย์อำนวยการและขากลับเข้าไประหว่างทางเกิดระเบิดขึ้น
ต่อมาหลังจากเจ้าหน้าที่ชุดอีโอดีของทหาร ฉก.อโณทัย ชุดอีโอดี ตชด.43 และชุดอีโอดีภาค 9 เคลียร์พื้นที่จุดเกิดเหตุเมื่อราวบ่ายสองโมง พนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่ ศพฐ.9 แพทย์ รพ.สะเดา และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมชันสูตรศพ และตรวจที่เกิดเหตุ พบหลุมระเบิดขนาดกว้างประมาณ 40 ซม. ลึกประมาณ 40 ซม. อยู่ข้างรางรถไฟ ห่างจุดระเบิดลูกแรกไปทาง ปาดังเบซาร์ ประมาณ 250 เมตร เป็นจุดที่เคลื่อนตู้บรรทุกสินค้าตกรางออกไปแล้ว สันนิษฐานว่าขณะที่ผู้ตายเดินจับกุมเพื่อเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ นายยิ่งศักดิ์ ผู้ตาย เดินนำหน้าเหยียบกับระเบิด หรือระเบิด แบบเหยียบ ทำให้ระเบิดทำงานตูมสนั่น เป็นเหตุให้ ผู้ตายอีก 2 คน เดินประกบด้านข้างเสียชีวิตไปด้วย เจ้าหน้าที่ได้ส่งศพไปชันสูตรที่ รพ.สะเดา ก่อนมอบให้ญาตินำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดโคกสมานคุณ อ.หาดใหญ่ ส่วนคนเจ็บนอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.สะเดา
พล.ท.ศานติ ศกุลตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผย ภายหลังลงพื้นที่เกิดเหตุว่า เหตุการณ์ระเบิดซ้ำครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากคนร้ายได้ลอบวางระเบิดไว้ก่อนหน้านี้ เป็นชุดเดียวกันกับเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ไม่ได้เป็นการวางระเบิดลูกใหม่ เพราะได้สั่งให้หน่วยงาน ด้านความมั่นคงในพื้นที่ภาคใต้เฝ้าระวัง และตรวจเข้ม ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกันนี้ได้ปรับแผนคุมเข้มมาตรการ รักษาความปลอดภัยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ และ 4 อำเภอ ในพื้นที่ จ.สงขลา ทุกฝ่ายต้องวางมาตรการ คุมเข้มเพิ่ม โดยเฉพาะเมืองใหญ่ ที่เป็นพื้นที่หลักของ การท่องเที่ยว พื้นที่สำคัญทางด้านเศรษฐกิจ สถานที่ ราชการ ที่มีความล่อแหลมในการก่อเหตุ เพื่อป้องกันคนร้ายปฏิบัติการก่อเหตุรุนแรงในช่วงเทศกาลปีใหม่ และเทศกาลสำคัญทางศาสนา
ขณะเดียวกัน นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวถึงเหตุระเบิดบริเวณ สทล.ที่ 955/4-8 ระหว่างสถานีคลองแงะ-ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 4 ราย ว่าการรถไฟฯ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อพนักงานรวมถึงครอบครัวผู้ปฏิบัติหน้าที่ในเหตุครั้งนี้ การรถไฟฯ พร้อมให้ความช่วยเหลือ เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มกำลังตามระเบียบของการรถไฟฯ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ครอบครัวผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เบื้องต้นตนได้มอบเงินช่วยเหลือเป็นการส่วนตัวให้แก่เจ้าหน้าที่ และครอบครัวผู้ปฏิบัติหน้าที่ พร้อมทั้งสั่งการให้กองพนักงานสัมพันธ์และสวัสดิการ ฝ่ายทรัพยากรบุคคล และฝ่ายการช่างโยธา ติดต่อให้ความช่วยเหลือกับครอบครัวเป็นการเร่งด่วน
นอกจากนี้ การรถไฟฯได้ประสานขอความร่วมมือกับหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง ในการเข้าเร่งตรวจสอบพื้นที่เพื่อหาสาเหตุจากการเกิดเหตุครั้งนี้ ตลอดจนเพิ่มความเข้มงวดการดูแลรักษาความปลอดภัย ต่อพนักงานผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ตลอดจนประชาชนผู้โดยสารที่เข้ามาใช้บริการเพื่อให้เกิดความปลอดภัยและความเชื่อมั่นสูงสุดในการเดินทาง