เว็บ กกต.ถูกมือดีเเฮ็กสะพัดเอกสารหลุดสูตรคำนวณ ส.ส. 400 เขต “สมชัย” สะกิดย้ำ กกต. จับตา “ลุงตู่” เปิดตัวร่วม รทสช. ขัดกฎเหล็ก 180 วัน จี้ส่งคนเก็บข้อมูล ขู่เพิกเฉยยื่นศาลฎีกาฟันผิด ม.157 “ชลน่าน” ตอกนายกฯข้ออ้าง ทำไม่เสร็จ แค่หวังจะอยู่ต่อ “สมคิด” สอนมารยาทผู้นำต้องให้เกียรติคนอื่น “สุทิน” โวไม่กระทบแผนแลนด์สไลด์ รทสช.จัดโปรแกรม “บิ๊กตู่” Mission “รวมใจ รวมไทยสร้างชาติ” “พิธา” หยันไม่ให้ราคา เปิดตัว “หมิว-สิริลภัส” ลงเขตบางกะปิ ปชป.เคาะ 90 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อีสาน “จุรินทร์” ฟุ้งทีม กทม.แกร่งสู้ได้ทุกพรรค
พฤติกรรมการเดินสายลงพื้นที่ต่างจังหวัดถี่ยิบของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ท่ามกลางกระแสการเตรียมเปิดตัวร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ทำให้ถูกมองว่าเป็นการอาศัยช่องว่างกฎหมายหาเสียงล่วงหน้า และมีผู้ออกมากระตุกเตือนไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้จับตาและตรวจสอบ
เมื่อวันที่ 7 ม.ค. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์นโยบายพรรคเสรีรวมไทย และอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า อย่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หากมีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง 1.ผู้ดำรงตำแหน่งการเมืองเอาเวลาราชการไปใช้ประโยชน์หาเสียงเลือกตั้ง เช่น ออกจากที่ทำงานก่อน 16.30 น. เพื่อไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคแบบเอิกเกริก หวังผลทางหาเสียง ผิดประกาศ กกต. เรื่องแนวทางปฏิบัติและข้อควรระวังในช่วง 180 วัน 2.ใช้ทรัพยากรรัฐ สนับสนุนการหาเสียงของตน เช่น ใช้รถหลวง น้ำมันหลวง ตำรวจนำ ขอเปิดเส้นทางจราจรพิเศษ การรักษาความปลอดภัยที่มากเกินความจำเป็น เป็นการใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ กระทำการที่เป็นคุณแก่ผู้สมัคร พรรคการเมือง ผิดประกาศ กกต. เรื่องแนวทางปฏิบัติและข้อควรระวังในช่วง 180 วัน
ขู่เพิกเฉยยื่นศาลฎีกาฟันผิด 157
นายสมชัยระบุว่า 3.มีการจ่ายค่าพาหนะ จัดเลี้ยงอาหาร เครื่องดื่ม แก่ประชาชนผู้มาฟังการปราศรัย โดยบุคคลดังกล่าวไม่ใช่สมาชิกพรรค ไม่ใช่ผู้ช่วยหาเสียง ไม่ใช่การจัดประชุมสมาชิก ถือเป็นการแจกเงิน ให้ทรัพย์สินอันอาจคำนวณเป็นเงินแก่ผู้มีสิทธิออกเสียง เพื่อลงคะแนนให้แก่ตนหรือพรรค 4.กกต.เมื่อทราบแล้ว ควรส่งเจ้าหน้าที่ไปเก็บข้อมูล นับแต่เวลาออกจากทำเนียบฯ เส้นทาง วิธีเดินทาง การจัดประชุม ค่าใช้จ่ายที่ใช้ แอบสัมภาษณ์ผู้มาร่วมงานถึงการได้รับประโยชน์ บันทึกภาพการประชุม และการจัดเลี้ยง หากทราบแล้วไม่ดำเนินการใดๆ ถือว่า กกต. เลขาธิการ กกต. และ ผอ.กกต.กทม. ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และผิดจริยธรรม ยื่น ป.ป.ช. เพื่อส่งศาลฎีกาพิพากษาถอดถอนได้
“ชลน่าน” ตอกนายกฯอย่าโบ้ย
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เตรียมสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) วันที่ 9 ม.ค.ว่า ถ้าประชาชนต้องการออกจากระบอบประยุทธ์ ย่อมแสวงหาโอกาสจากพรรคเพื่อไทย ที่สำคัญเป็นคู่แข่งขันที่ชัดเจนแบ่งฟากเลย ถ้าไม่แลนด์สไลด์ชนะระบอบประยุทธ์ไม่ได้ เราได้ ส.ส. 230 เสียงก็จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ มองว่าเป็นมุมที่น่าจะเป็นผลบวกกับการรณรงค์แลนด์สไลด์ของพรรค เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่าอยู่มา8ปี ยังเปลี่ยนได้ไม่หมด นพ.ชลน่านตอบว่า วาระ 8 ปีนี่คือวาระที่ยาวที่สุดของคนที่มาเป็นผู้บริหารประเทศ การแถลงนโยบายแต่ละครั้งมีกรอบที่ต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน 4 ปี
ข้ออ้างทำไม่เสร็จหวังอยู่ต่อ
นพ.ชลน่านกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์วางยุทธ ศาสตร์ชาติไว้ 20 ปี แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำ 20 ปี เพราะเขาให้ระยะเวลาทำแค่ 4 ปีเท่านั้น จะมาอ้างว่าทำไม่เสร็จไม่ได้ ถ้าอ้างว่าทำไม่เสร็จเพื่อจะอยู่ต่อ แสดงว่าสิ่งที่อ้างนั้นสะท้อนฝีมือผลงานในการบริหารราชการแผ่นดินที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย คือไร้ความสามารถ เมื่อถามถึงศาลฎีกามีคำพิพากษาตัดสิทธิการเมืองนายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ อดีตส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย กรณีเรียกรับผลประโยชน์ นพ.ชลน่านตอบว่า เราไม่มีพูดคุยอะไรประเด็นนี้ ปล่อยเป็นเรื่องของศาลไป ไม่ขอให้ความเห็น
สอนมารยาทต้องให้เกียรติคน
นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์แอบอยู่หลังฉากตั้งนาน ออกหน้าบ้างก็ดี จะได้รู้รสชาติของความเป็นนักการเมือง ตอนยึดอำนาจมาดูถูกดูแคลนนักการเมือง 3 เวลาหลังอาหาร ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแต่ว่าก่อนพูดอะไรให้คิดหน้าคิดหลังบ้าง ที่ว่านักการเมืองเอาไว้ สุดท้ายก็มาเป็นนักการเมือง ถือเป็นสิ่งที่ถูกต้องและดี อยากเข้าสู่อำนาจต้องมาตามตรอกออกตามประตู ให้ประชาชนตัดสิน ไม่ใช่คิดเองเออเองว่าสิ่งที่คิดคือความถูกต้อง แล้วยึดอำนาจเหมือนที่ผ่านมา ในฐานะนักการเมืองรุ่นพี่ อยากสอนรุ่นน้องที่เป็นนักการเมืองใหม่ ให้เข้าหาประชาชนและให้เกียรติประชาชน รวมถึงนักการเมืองคนอื่นด้วย เพราะไม่มีใครเก่งคนเดียวเหมือนที่ท่านคิด ทุกคนมีสิทธิมีเสียงเท่าเทียมกัน
แขวะสำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสกุล
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หลังถูกสื่อจี้ถามปมหลานถูกโยงเอี่ยวกับคดีตู้ห่าวว่า ดูเหมือน พล.อ.ประยุทธ์ตอนถูกถามเรื่องหลานเอี่ยวคดีตู้ห่าว กับตอนพูดเรื่องจะไปเปิดตัวกับพรรค รทสช. เป็นคนละคนกัน สำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสกุล 8 ปีที่ผ่านมา คนไทยต้องรับสภาพภาวะผู้นำเสื่อมถอย พอนึกได้ก็บอกว่าจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น แต่พอเรื่องไหนจวนตัวเสี่ยงจะเขวี้ยงงูไม่พ้นคอ ก็ออกอาการโมโหฉุนเฉียวพาลใส่ประชาชน สภาพเหมือนคนควบคุมตัวเองไม่ได้ สื่อถามก็ตอบไป ไม่เห็นต้องโมโหฉุนเฉียวเกรี้ยวกราด
ไร้ภาวะผู้นำก็เก็บของกลับบ้าน
นายอนุสรณ์กล่าวว่า ประชาชนตั้งคำถาม 8 ปีที่ผ่านมา ข้าราชการระดับสูงหลายคนที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เพราะได้รับอิทธิพล หรือถูกครอบงำจาก พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ ศึกอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ภายใต้ยุทธการถอดหน้ากากคนดี 4 ปีแปดเปือน นอกจากจะมีประเด็นเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชัน การจัดซื้อจัดจ้างผิดปกติมีปัญหา เชื่อว่าจะยกประเด็นภาวะผู้นำเสื่อมถอยของ พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นมาตั้งคำถามด้วย พล.อ.ประยุทธ์อย่าทำเป็นโมโหฉุนเฉียวกลบเกลื่อนใส่ทุกคน ทุกครั้งที่จวนตัวตอบไม่ได้ ไปไม่เป็น ถ้าควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ภาวะผู้นำเสื่อมถอยก็ให้เก็บของกลับบ้านไป
สูตรนายกฯ 2 ปีกระทบเชื่อมั่น
นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ถึง พล.อ.ประยุทธ์จะไม่เปิดตัวเข้าร่วมพรรค รทสช. ก็ถือเป็นนักการเมืองมาตั้งแต่ปี 2557 แล้ว การเปิดตัวครั้งนี้แค่ทำให้รู้ว่าจะไปสังกัดพรรคไหนเท่านั้น และเป็นความชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ยอมหยุดแม้จะเหลือเวลาอีกแค่ 2 ปี เป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ทางการเมือง และเป็นเรื่องเพี้ยนๆ ที่วาระรัฐบาลมีถึง 4 ปี แต่จะขอเป็นนายกฯเพียงแค่ 2 ปี เวลาที่เหลือจากนั้น ทั้งประชาชนนักลงทุน และต่างชาติ ต้องคิดต่อว่าประเทศไทยจะเดินหน้าอย่างไรหลังจาก 2 ปีผ่านไป ความเชื่อมั่นต่อประเทศจะเป็นอย่างไร คนไทยต้องเผชิญกับปัญหานี้เอาเอง
โวไม่กระทบแผนแลนด์สไลด์
เมื่อถามว่า การเปิดตัวดังกล่าวกระทบเป้าหมายแลนด์สไลด์หรือไม่ นายสุทินตอบว่า ไม่มีอะไรมากระทบเป้าหมายของพรรคเพื่อไทย แต่กลับเป็นเรื่องดีที่ต่อไปนี้เรื่องการเมืองคงคิดง่าย พูดง่าย และอ่านง่าย ประชาชนก็ตัดสินใจง่าย เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยมั่นใจตั้งรัฐบาลได้แน่ใช่หรือไม่ นายสุทินตอบว่า ไม่อยากพูดทำนองว่ามั่นใจ เพราะคนอาจเข้าใจว่าเราอหังการเกินไป เรารู้แต่ว่าประชาชนอยากได้รัฐบาลใหม่ อยากได้แนวทางใหม่ เพื่อความหวังใหม่ๆของเขา ทุกคนต่างมองว่าเพื่อไทยคือคำตอบ
จับตา“บิ๊กตู่” ประกาศภารกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กำหนดการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ วันที่ 9 ม.ค. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ “งานรวมใจ รวมไทยสร้างชาติ” โดยเวลา 16.50-17.15 น. มีการจัดเสวนาภาษาไตรรงค์ โดยนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี จากนั้นเวลา 17.30 น. เริ่มเข้าสู่ช่วงไฮไลต์ของงาน มีการเปิดวีดิทัศน์ของพรรค พร้อมเปิดตัวสมาชิกพรรค คนรุ่นใหม่ คนรุ่นใหญ่ และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค กล่าวถึงแนวคิดและจุดยืนของพรรค ส่วน พล.อ.ประยุทธ์จะขึ้นเวทีเวลา 18.00 น. เพื่อกล่าวถึง Mission (ภารกิจ) ทิศทางก้าวต่อไปเพื่อคนไทยทั้งชาติ และ Kick off Moment รวมใจ รวมไทยสร้างชาติ โดยผู้บริหารพรรค
“พิธา” เปิดตัว “หมิว” ลงบางกะปิ
วันเดียวกัน เวลา 08.30 น. ที่เขตบางกะปิ กทม. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) พร้อมแกนนำพรรค อาทิ นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค ลงพื้นที่แนะนำตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล คือ น.ส.สิริลภัส กองตระการ หรือ “หมิว” นักแสดงชื่อดัง พูดคุยทักทายประชาชนที่มาออกกำลังกายตอนเช้าบริเวณสนามกีฬาคลองจั่น และผู้ค้าขายในตลาดเช้าเคหะคลองจั่น มีการแจกแผ่นพับแนะนำนโยบายพรรคและประวัติผลงาน น.ส.สิริลภัส โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.พื้นที่ใกล้เคียงคือ นพ.เฉลิมชัย กุลาเลิศ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตห้วยขวาง-วังทองหลาง ร่วมลงพื้นที่ด้วย
“ตู่” เปิดตัวอยู่ รทสช.ไร้ราคา
นายพิธากล่าวว่า ครั้งนี้มั่นใจว่าด้วยทุกองคาพยพ จะช่วยให้ประชาชนสนับสนุนเรา คว้าชัยชนะในพื้นที่นี้ และพื้นที่อื่น ทำให้กรุงเทพฯเป็นสีส้ม วันที่ 28 ม.ค. เป็นวันประชุมวิสามัญของพรรค จะมีการเปิดตัวนโยบายและแคมเปญที่ทำให้สังคมเชื่อมั่นว่า ก้าวไกลพร้อมเข้าไปบริหารประเทศ มีหลายฝ่ายตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาล ก้าวไกลยืนยันชัดปฏิเสธระบอบประยุทธ์ ไม่มีวันจับมือกับพรรคทหารจำแลง ขั้วพรรคร่วมฝ่ายค้านคือคำตอบที่ดีที่สุด ส่วนวันที่ 9 ม.ค. มีข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเปิดตัวกับ รทสช. เป็นเพียงเหล้าเก่าในขวดใหม่ ไม่ให้ราคา และเชื่อว่าการอภิปราย 152 แม้ ส.ส.จะไม่สามารถลงมติได้ แต่จะช่วยให้ประชาชนตัดสินใจง่ายขึ้น
ฝันแชมป์ กทม. ยอดรวม 70 อัป
นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค ก.ก. กล่าวว่า มั่นใจพรรคจะสามารถคว้าเก้าอี้ ส.ส.กทม. ได้เป็นอันดับ 1 ขณะนี้ที่ประชุมพรรครับรองว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ไปแล้ว 30 เขต จากทั้งหมด 33 เขต จะเปิดตัวครบทุกเขต หลัง กกต.แบ่งเขตเลือกตั้งเสร็จสิ้น วันนี้ทุกพื้นที่ใน กทม.มีคนของพรรคก้าวไกลทำงานอยู่ มั่นใจว่าจากศักยภาพและความพร้อมที่เรามี จะทำให้ ก.ก.ครองอันดับหนึ่งใน กทม.แน่นอน ส่วนในระดับประเทศ เราคาดหวังว่าต้องได้มากกว่า 70 ที่นั่ง เป็นเป้าหมายที่ต้องทำให้ได้
“ธนกร” โต้ “พิธา” ห่วงตัวเองก่อน
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบโต้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่า นายกฯลงพื้นที่แก้ปัญหาให้ประชาชนได้รับเสียงตอบรับและเรียกร้องให้กลับมาเป็นนายกฯอีกสมัย หากนายพิธาเปิดใจกว้าง มองความจริงไม่ใช้อคติ จะพบว่าแม้แต่ ส.ส.ก้าวไกลเอง ยังเลิกหลงคารมนายพิธาแล้ว มีข่าวย้ายไปสังกัดพรรคอื่นเพราะทนพฤติกรรมที่มีวัตถุประสงค์แอบแฝงไม่ได้ ก่อนจะห่วงคนอื่น นายพิธาควรห่วงตัวเองก่อนดีกว่า ว่าการเลือกตั้งสมัยหน้าจะได้ ส.ส.กลับมาถึง 25 คน เพื่อสานฝันเป็นนายกฯได้หรือไม่
ปชป. เคาะ 90 ผู้สมัคร ส.ส.อีสาน
เวลา 10.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ น.ส.ธนชาภา จันทวารา รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เชิญคณะทำงานภาคอีสาน คือคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช และนายไชยยศ จิระเมธากร รองหัวหน้าพรรค ดูแลพื้นที่ภาคอีสานร่วมประชุม มีการให้ความเห็นชอบว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคอีสาน จำนวน 90 คน เช่น จ.อุดรธานี ขอนแก่น นครราชสีมา เลย สุรินทร์ ชัยภูมิ สกลนคร หนองคาย กาฬสินธุ์ มหาสารคาม เป็นต้น ในจำนวนผู้สมัครเหล่านี้ประกอบด้วย อดีต ส.ส. นักธุรกิจ นักกฎหมาย วิศวกร นักการเมืองท้องถิ่น และคนรุ่นใหม่ มั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากพี่น้องคนอีสานมากยิ่งขึ้น
ตั้งรองโฆษกพรรคเพิ่มอีกสอง
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้แต่งตั้งรองโฆษกพรรคเพิ่มอีก 2 คน คือนายจักษ์ พันธ์ชูเพชร อดีตแกนนำ กปปส. และ น.ส.ธนชาภา จันทวารา คณะกรรมการทบทวนแผนพัฒนาจังหวัด และเป็นคณะทำงานด้านสังคม เด็ก สตรี คนพิการ รวมถึงมีบทบาทเป็นรองโฆษกประจำตัวคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ
“จุรินทร์ออนทัวร์” ศูนย์ฝึกอาชีพ
ต่อมาเวลา 14.30 น. ที่ศูนย์ฝึกอาชีพ กทม. วัดสุทธาวาส เขตบางกอกน้อย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคดูแลพื้นที่ กทม. และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ กทม. นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. น.ส.จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร รองเลขาธิการพรรค นายชนินทร์ รุ่งแสง อดีต ส.ส.กทม. ร่วมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์ฯและทำกิจกรรม อาทิ ทดลองติดเล็บที่นิ้วก้อยเป็นลวดลายกระต่าย ระบายสีดอกโบตั๋นและตำสมุนไพรสำหรับทำลูกประคบ นายจุรินทร์กล่าวว่า ศูนย์ฝึกแห่งนี้ผลิตสินค้าดี มีคุณภาพ แต่ที่ต้องเติมคือการตลาดจะประสานกระทรวงพาณิชย์เข้ามาช่วยเสริมด้านการตลาด ทั้งตลาดออฟไลน์ ตลาดออนไลน์ให้มีอัตลักษณ์การออกแบบ เป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่ขายสินค้าที่มีคุณภาพ มีอัตลักษณ์
ฟุ้งทีม กทม. แกร่งสู้ได้ทุกพรรค
นายจุรินทร์ให้สัมภาษณ์ถึงการวางตัวผู้สมัคร กทม. 33 เขตว่า ยังขาดอยู่ 3 เขต เพราะยังไม่ทราบว่าการแบ่งเขตเพิ่มขึ้นอีก 3 เขตอยู่ตรงไหนบ้าง ต้องรอ กกต. ถามว่าประชาธิปัตย์จะมีนโยบายสำหรับ กทม.อย่างไรบ้าง นายจุรินทร์ตอบว่า คงเป็นนโยบายภาพรวม อาจมีนโยบายเฉพาะ กทม.ในแต่ละส่วน เรื่องนี้นายองอาจจะเป็นผู้ดำเนินการ เรื่องการเลือกตั้งมันชัดเจนมานานแล้ว ถ้าจะยุบสภาก็ต้องยุบก่อนวันที่ 23 มี.ค. ประชาธิปัตย์เตรียมการมาตั้งแต่ต้นแล้ว ทั้งผู้สมัคร นโยบาย ยุทธศาสตร์หาเสียง เที่ยวหน้าการเปิดตัวแต่ละภาคจะเป็นแบบลอตใหญ่ อย่างภาคอีสาน ภาคเหนือ เที่ยวนี้เราได้บุคลากรที่มีศักยภาพเข้ามาช่วยเยอะ มั่นใจว่าเที่ยวนี้ทีมกรุงเทพฯเราแข็งสู้กับทุกพรรคการเมืองได้
ให้ ปชช.ตัดสินใคร รบ.-ฝ่ายค้าน
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่ พล.อ.ประยุทธ์ไปสังกัดพรรคการเมืองจะได้กลับมาเหมือนเดิมหรือไม่ นายจุรินทร์ตอบว่า ตอบไม่ได้ แต่ถ้าสังกัดพรรคชัดเจน สถานภาพก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ต่อไปนี้ถือว่าเป็นสมาชิกพรรคหนึ่งแล้ว พรรคร่วมรัฐบาลหรือพรรคแกนนำรัฐบาลปัจจุบัน ถือว่าเป็นคนละพรรคกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นศัตรูกัน ทั้งหมดอยู่ที่ประชาชนจะตัดสินใจเลือก ส่วนการจับขั้วการเมืองกันนั้น เรามีจุดยืนชัดเจนว่า ต้องให้ประชาชนเป็นผู้ให้คำตอบก่อน ประชาชนคือคนแรกที่จะบอกว่ารัฐบาลชุดใหม่หน้าตาเป็นอย่างไร ใครจะเป็นฝ่ายค้าน ใครจะเป็นรัฐบาล
เว็บ กกต.ถูกมือดีเเฮ็ก
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก กกต. ว่า เมื่อเวลา 14.50น. เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถูกแฮกเกอร์เข้าไปทำการแก้ไขข้อความ โดยเมื่อเสิร์ชข้อความในหน้าการค้นข้อมูลของ google ยังคงปรากฏชื่อสำนักงาน กกต. คือ www.ect.go.th แต่ปรากฏรายละเอียดเกี่ยวกับการพนันลงท้ายด้วยหมายเลข 88 ผสมอยู่ด้วย ผู้สื่อข่าวได้สอบถามในไลน์กลุ่มสื่อมวลชนของ กกต.ว่า เว็บไซต์ กกต.ถูกเเฮ็กจริงหรือไม่ ทางเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ กกต. เเจ้งว่า เวลา 16.00 น. เว็บไซต์สำนักงาน กกต.สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติแล้ว
สะพัดสูตรคำนวณ ส.ส. 400 เขต
ขณะเดียวกัน มีการเผยแพร่เอกสารตารางคำนวณ ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 1) พ.ศ.2565 เรียงตามเศษราษฎรที่มากสุด ข้อมูลราษฎร ณ วันที่ 31 ธ.ค.2565 อ้างว่า เอกสารดังกล่าวมาจากสำนักงาน กกต. มีการแบ่งจำนวน ส.ส. 400 เขต จากฐานประชากร 66,090,475 คน จำนวนประชากรเฉลี่ย 165,226 คนต่อ ส.ส. 1 ที่นั่ง ประกอบด้วย กทม. ประชากร 5,494,932 คน ส.ส. 33 ที่นั่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบด้วย จ.นครราชสีมา ประชากร 2,630,058 คน ส.ส. 16 ที่นั่ง จ.ขอนแก่น ประชากร 1,784,641 คน ส.ส. 11 ที่นั่ง จ.อุบลราชธานี ประชากร 1,869,806 คน ส.ส. 11 ที่นั่ง จ.บุรีรัมย์ ประชากร 1,576,915 คน ส.ส. 10 ที่นั่ง จ.ศรีสะเกษ ประชากร 1,454,730 คน ส.ส. 9 ที่นั่ง จ.อุดรธานี ประชากร 1,563,048 คน ส.ส. 9 ที่นั่ง
ร้อยเอ็ด-สุรินทร์ได้โควตา 8 ที่
จ.ร้อยเอ็ด ประชากร 1,291,131 คน ส.ส. 8 ที่นั่ง จ.สุรินทร์ ประชากร 1,372,910 คน ส.ส. 8 ที่นั่ง จ.ชัยภูมิ ประชากร 1,117,925 คน ส.ส. 7 ที่นั่ง จ.สกลนคร ประชากร 1,145,187 คน ส.ส. 7 ที่นั่ง จ.กาฬสินธุ์ ประชากร 972,101 คน ส.ส. 6 ที่นั่ง จ.มหาสารคาม ประชากร 944,605 คน ส.ส. 6 ที่นั่ง จ.เลย ประชากร 637,341 คน ส.ส. 4 ที่นั่ง จ.นครพนม ประชากร 716,647 คน ส.ส. 4 ที่นั่ง จ.บึงกาฬ ประชากร 421,684 คน ส.ส. 3 ที่นั่ง จ.สระแก้ว ประชากร 562,816 คน ส.ส. 3 ที่นั่ง จ.ยโสธร ประชากร 531,599 คน ส.ส. 3 ที่นั่ง จ.หนองคาย ประชากร 515,795 คน ส.ส. 3 ที่นั่ง จ.หนองบัวลำภู ประชากร 508,325 คนส.ส. 3 ที่นั่ง จ.มุกดาหาร ประชากร 351,588 คน ส.ส.2ที่นั่ง จ.อำนาจเจริญ ประชากร 375,382 คน ส.ส.2ที่นั่ง
ภาคเหนือเชียงใหม่มากสุด 11 ที่
ส่วนภาคเหนือ ประกอบด้วย จ.เชียงใหม่ มีประชากร 1,792,474 คน ส.ส. 11 ที่นั่ง จ.เชียงราย ประชากร 1,299,636 คน ส.ส. 8 ที่นั่ง จ.ลำปาง ประชากร 718,790 คน ส.ส. 4 ที่นั่ง จ.ตาก ประชากร 684,140 คน ส.ส. 4 ที่นั่ง จ.น่าน ประชากร 474,539 คน ส.ส. 3 ที่นั่ง จ.พะเยา ประชากร461,431 คน ส.ส. 3 ที่นั่ง จ.อุตรดิตถ์ ประชากร 442,949คน ส.ส. 3 ที่นั่ง จ.แพร่ ประชากร 430,669 คน ส.ส. 3 ที่นั่ง จ.แม่ฮ่องสอน ประชากร 286,786 คนส.ส. 2 ที่นั่ง จ.ลำพูน ประชากร 399,557 คน ส.ส.2ที่นั่ง
ภาคกลางชลบุรีมี ส.ส. 10 คน
ภาคกลาง ประกอบด้วย จ.ชลบุรี มีประชากร 1,594,758 คน ส.ส. 10 ที่นั่ง จ.นนทบุรี ประชากร 1,295,916 คน ส.ส. 8 ที่นั่ง จ.สมุทรปราการ ประชากร 1,360,227 คน ส.ส. 8 ที่นั่ง จ.ปทุมธานี ประชากร 1,201,532 คน ส.ส. 7 ที่นั่ง จ.นครปฐม ประชากร 921,882 คน ส.ส. 6 ที่นั่ง จ.กาญจนบุรี ประชากร 894,283 คน ส.ส. 5 ที่นั่ง จ.พระนครศรีอยุธยา ประชากร 820,417 คน ส.ส. 5 ที่นั่ง จ.ราชบุรี ประชากร 865,807 คน ส.ส. 5 ที่นั่ง จ.สุพรรณบุรี ประชากร 830,695 คน ส.ส. 5 ที่นั่ง จ.ระยอง ประชากร 759,386 คน ส.ส. 5 ที่นั่ง จ.สระบุรี ประชากร 638,582 คน ส.ส. 4 ที่นั่ง จ.สมุทรสาคร ประชากร 589,428 คน ส.ส. 4 ที่นั่ง จ.ลพบุรี ประชากร 735,293 คน ส.ส. 4 ที่นั่ง จ.ฉะเชิงเทรา ประชากร 726,687 คน ส.ส. 4 ที่นั่ง จ.เพชรบุรี ประชากร 482,950 คน ส.ส. 3 ที่นั่ง จ.จันทบุรี ประชากร 536,144 คน ส.ส. 3 ที่นั่ง จ.ปราจีนบุรี ประชากร 497,778 คน ส.ส. 3 ที่นั่ง
กลางตอนบนได้โควตา 30 ที่นั่ง
จ.อ่างทอง ประชากร 272,587 คน ส.ส. 2 ที่นั่ง จ.นครนายก ประชากร 260,406 คน ส.ส. 2 ที่นั่ง จ.ชัยนาท ประชากร 318,308 คน ส.ส. 2 ที่นั่ง จ.ตราด ประชากร 227,808 คน ส.ส. 1 ที่นั่ง จ.สิงห์บุรี ประชากร 202,797 คน ส.ส. 1 ที่นั่ง จ.สมุทรสงคราม ประชากร 189,453 คน ส.ส. 1 ที่นั่ง ภาคกลางตอนบน ประกอบด้วย จ.เพชรบูรณ์ ประชากร 973,386 คน ส.ส. 6 ที่นั่ง จ.นครสวรรค์ ประชากร 1,028,814 คน ส.ส. 6 ที่นั่ง จ.พิษณุโลก ประชากร 844,494 คน ส.ส. 5 ที่นั่ง จ.สุโขทัย ประชากร 581,652 คน ส.ส. 4 ที่นั่ง จ.กำแพงเพชร ประชากร 708,775 คน ส.ส. 4 ที่นั่ง จ.พิจิตร ประชากร 525,944 คน ส.ส. 3 ที่นั่ง จ.อุทัยธานี ประชากร 323,860 คน ส.ส. 2 ที่นั่ง
15 จ.ภาคใต้มี ส.ส.รวม 51 ที่นั่ง
ภาคใต้ ประกอบด้วย จ.นครศรีธรรมราช ประชากร 1,545,147 คน ส.ส. 9 ที่นั่ง จ.สงขลา ประชากร 1,431,063 คน ส.ส. 9 ที่นั่ง จ.สุราษฎร์ธานี ประชากร 1,073,663 คน ส.ส. 7 ที่นั่ง จ.นราธิวาส ประชากร 814,121 คน ส.ส. 5 ที่นั่ง จ.ตรัง ประชากร 638,206 คน ส.ส. 4 ที่นั่ง จ.ปัตตานี ประชากร 732,955 คน ส.ส. 4 ที่นั่ง จ.กระบี่ ประชากร 480,057 คน ส.ส. 3 ที่นั่ง จ.ภูเก็ต ประชากร 417,891 คน ส.ส. 3 ที่นั่ง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประชากร 553,298 คน ส.ส. 3 ที่นั่ง จ.ยะลา ประชากร 545,913 คน ส.ส. 3 ที่นั่ง จ.พัทลุง ประชากร 521,619 คน ส.ส. 3 ที่นั่ง จ.ชุมพร ประชากร 509,385 คน ส.ส. 3 ที่นั่ง จ.สตูล ประชากร 325,303 คน ส.ส. 2 ที่นั่ง จ.พังงา ประชากร 267,442 คน ส.ส. 2 ที่นั่ง จ.ระนอง ประชากร 194,226 คน ส.ส. 1 ที่นั่ง
รอเคาะเป็นทางการ 9–10 ม.ค.นี้
มีรายงานเพิ่มเติมจากสำนักงาน กกต. ยังไม่ ยืนยันว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารจากสำนักงาน กกต.จริงหรือไม่ แต่ยืนยันว่าภายหลังสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย มีประกาศ สำนักทะเบียนกลาง เรื่องจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธ.ค.2565 สำนักงาน กกต.มีการเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับการคำนวณ ส.ส. ไว้เป็นที่เรียบร้อย และเสนอให้ กกต.พิจารณาแล้ว คาดว่า กกต.จะพิจารณาในวันที่ 9-10 ม.ค.นี้
“ชาญชัย” ชี้กลเม็ดส่อโกงจัดซื้อ
อีกเรื่อง นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการปรับปรุงเปลี่ยนป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อ มูลค่า 33,169,726.39 บาท ว่า โครงการนี้ใช้วิธีการจัดจ้าง แบบเฉพาะเจาะจง ให้บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ปรับปรุง แต่หลักวิธีการจัดจ้างแบบเฉพาะเจาะจงนั้น รัฐต้องจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่มีผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติโดยตรงเพียงรายเดียว หรือจากผู้ประกอบการที่เป็นตัวแทนจำหน่าย หรือตัวแทนผู้ให้บริการโดยชอบด้วยกฎหมายเพียงรายเดียวในประเทศไทย และไม่มีพัสดุอื่นใช้ทดแทนได้ หรือเป็นกรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้พัสดุนั้นโดยฉุกเฉิน กรณีนี้เชื่อว่าไม่เข้าข่ายการจัดซื้อจัดจ้างแบบเฉพาะเจาะจง
ยกเคสสายสีแดงโก่งราคา
นายชาญชัยกล่าวว่า สมัยเป็นรองประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎรเคยตรวจสอบพบว่ามีความผิดปกติเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างก่อนเริ่มโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่คณะกรรมการกำหนดราคากลาง ตั้งงบฯก่อสร้างครั้งแรก เดือน พ.ค.2551 วงเงิน 73,347 ล้านบาท ต่อมามีการปรับลดวงเงิน โดย ครม.อนุมัติเมื่อวันที่ 10 มี.ค.2552 เหลือ 61,278 ล้านบาท ต่อมาวันที่ 4 ก.ค.2554 หลังประกาศผลการเลือกตั้งเพียง 1 วัน บริษัทรับเหมาเกรงว่าจะไม่ได้งาน จึงลดราคาจากการประมูลลงมาอีก 3,400 ล้านบาท ชี้ให้เห็นว่าราคาประมูลงานนี้ บริษัทรับเหมาตั้งราคาประกวดสูงกว่าราคากลางที่ตั้งไว้มาก เพราะยังสามารถปรับลดลงได้อีก
ฉะ “บิ๊กตู่” นิ่งดูดายไม่ทำอะไร
นายชาญชัยกล่าวว่า มาสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีมติเห็นชอบเพิ่มวงเงิน ถือว่าเป็นการทำผิดระเบียบจัดซื้อจัดจ้างฯ ผิดทีโออาร์ และผิด พ.ร.บ.การเสนอราคา (พ.ร.บ.ฮั้ว) ถือว่าเป็นอีกตัวอย่างของการทุจริต ที่ พล.อ.ประยุทธ์ควรสะสางตั้งแต่สมัยเป็นหัวหน้า คสช. เพราะชูนโยบายปราบโกงเป็นเรื่องหลัก โครงการสร้างรถไฟฟ้าสายสีต่างๆมีการบวกตัวเลขจากราคากลางไว้มาก แม้จะส่งเรื่องร้องเรียนถึง ป.ป.ช. แต่ก็ถูกดองเค็มไม่ได้ทำอะไร ทั้งที่มีหน้าที่โดยตรง หลายหมื่นล้านบาทจากหลายโครงการ รวมกันก็เป็นเงินหลายแสนล้านบาท ไม่มีการรักษาผลประโยชน์ให้รัฐ เคยขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ใช้มาตรา 44 ย้ายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตและใช้กฎหมาย ปปง.เข้ายึดอายัดทรัพย์ ตรวจสอบเพื่อพิสูจน์ความถูกต้องของที่มาที่ไปทรัพย์สิน แต่จนมาถึงรัฐบาลนี้ปัญหาก็ยังถูกหมักหมมอยู่เหมือนเดิม
