- ยุโรปถูกถาโถมด้วยสึนามิของยาเสพติด โดยเฉพาะโคเคน ที่แก๊งค้ายาเสพติดในแถบลาตินอเมริกาปักหมุดหมายให้ยุโรปเป็นฐานในการกระจายสินค้า จนโคเคนหาซื้อง่ายไม่ต่างกับพิซซ่า
- สำนักงานตำรวจยุโรป หรือ ยูโรโพล ประมาณการว่าตลาดค้าโคเคนในยุโรปในปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ระหว่าง 7,600 ล้านยูโร ไปถึง 10,500 ล้านยูโร
การเข้าถึงยาเสพติดอย่างโคเคนในเมืองใหญ่ๆ หลายเมืองของยุโรปในปัจจุบันง่ายเพียงปลายนิ้ว เพราะเพียงกดสั่งทางแอปพลิเคชันต่างๆ อย่างวอตส์แอป หรือ ซิกแนล ก็จะมีคนมาส่งของให้ถึงหน้าประตูในเวลาเพียงไม่กี่นาที ไม่ต่างกับการสั่งพิซซ่าเลยทีเดียว โดยราคาจะอยู่ที่ 70 ยูโรต่อ 1 ชุด และ 120 ยูโรต่อ 2 ชุด
เวอร์จินี ลาไฮน์ ผู้บัญชาการหน่วยปราบปรามยาเสพติดของปารีส ระบุว่า ลูกค้าในปัจจุบันนิยมสั่งยาเสพติดเหล่านี้ผ่านแพลตฟอร์มเดลิเวอรี เพราะมันสะดวกสบายและง่ายกว่าการที่พวกเขาจะต้องไปสรรหาแหล่งจำหน่ายตามชานเมือง
จากข้อมูลของศูนย์เฝ้าระวังยาเสพติดและการติดยาแห่งยุโรป หรือ (EMCDDA) พบว่า มีชาวยุโรปราว 3.5 ล้านคนที่เสพโคเคนในปี 2021 ซึ่งนับว่ามากกว่าในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาถึง 4 เท่า
อีริค ซโนคก์ ผู้บัญชาการตำรวจเบลเยียมระบุว่า ทวีปยุโรปกำลังถูกซัดด้วยคลื่นสึนามิของโคเคน โดยสามารถตรวจยึดโคเคนได้ถึง 240 ตันในปี 2021 ซึ่งคิดเป็น 5 เท่าของปริมาณที่เคยตรวจยึดและจับกุมได้ในช่วงกว่าสิบปีที่ผ่านมา
ยุโรปกำลังกลายเป็นตลาดที่มั่งคั่งและทำเงินมหาศาลให้แก่ขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ระดับโลก ซึ่งมีส่วนพัวพันกับการคอร์รัปชัน และการใช้ความรุนแรง ทั้งการลักพาตัว การทรมาน และการทำร้ายร่างกาย โดยมีเงินจำนวนมหาศาลมาสนับสนุน
ตามท่าเรือใหญ่ๆ ในยุโรป อย่างแอนต์เวิร์ป และรอตเทอร์ดาม ก็ถูกคุกคามโดยความรุนแรงจากยาเสพติด ถึงขนาดที่มีการวางแผนก่อเหตุลักพาตัวรัฐมนตรียุติธรรมของเบลเยียม ไปจนถึงมกุฏราชกุมารี “อมาเลีย” แห่งเบลเยียม นอกจากนี้ยังมีการยิงปะทะกันของกลุ่มแก๊งอิทธิพลตามท้องถนนในเมืองแอนต์เวิร์ป จนทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าต่อไปเมืองนี้อาจจะถูกขนานนามว่าเป็นรัฐแห่งยาเสพติด
การเข้ามาของยาเสพติดในยุโรป มีจุดเริ่มต้นมาจากแถบเทือกเขาสูงในโบลิเวีย โคลอมเบีย และเปรู ซึ่งเป็นแหล่งปลูกต้นโคคา ซึ่งแม้ว่าในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาทั้งสหรัฐฯ และโคลอมเบียจะทุ่มงบประมาณมหาศาลในการทำสงครามกับยาเสพติดก็ตาม แต่กลับมีการปลูกต้นโคคามากขึ้น โดยมีการเก็บเกี่ยวเพิ่มขึ้น 14 เปอร์เซ็นต์ในปี 2021 ทำสถิติสูงสุดถึง 1,400 ตัน ตามข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ
โคลอมเบียเป็นผู้ผลิตโคเคนรายใหญ่ของโลก โดยคิดเป็น 2 ใน 3 แต่หลังจากที่แก๊งค้ายาเสพติดคาลี และเมเดลลิน ล่มสลายเมื่อช่วงปี 1990 และการลงนามในข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัฐบาลโคลอมเบียกับกองโจร FARC ซึ่งเป็นขบวนการลัทธิมาร์กซิสต์ ก็ทำให้การค้ายาเสพติดกลายเป็นช่วงขาลง ตั้งแต่นั้นมา บรรดาขบวนการค้ายาเสพติดในเม็กซิโกจึงเข้ามาควบคุมตลาดค้ายาเป็นหลัก โดยมีกลุ่มซินาโลอา และจาลิสโก ที่ดูแลในพื้นที่สหรัฐอเมริกา ก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายมายังยุโรป ที่มีการเสพโคเคนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งราคาจำหน่ายในยุโรปยังสูงกว่าในสหรัฐฯ ถึงราว 50-100 เปอร์เซ็นต์ โดยสำนักงานตำรวจยุโรป หรือ ยูโรโพล ประมาณการว่าตลาดค้าโคเคนในยุโรปในปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ระหว่าง 7,600 ล้านยูโร ไปถึง 10,500 ล้านยูโร
ฟลอเรียน โคลาส หัวหน้าหน่วยข่าวกรองศุลกากรฝรั่งเศสระบุว่า จากการที่บทลงโทษในยุโรปเกี่ยวกับยาเสพติดเบากว่า และยังมีทางเลือกในการขนส่งยาที่หลากหลายกว่า ทำให้ยุโรปกลายเป็นตลาดที่น่าสนใจในสายตาของแก๊งค้ายาเสพติดอย่างช่วยไม่ได้ โดยโคเคนส่วนใหญ่จะถูกลักลอบขนใส่ตู้คอนเทนเนอร์ข้ามแอตแลนติก โดยซุกซ่อนไว้กับกล้วย น้ำตาล หรืออาหารกระป๋อง นอกจากนี้ก็ยังมีการลักลอบผ่านทางการเดินทางโดยเครื่องบิน ด้วยการซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าเดินทาง หรือในท้องของคนขนส่งยา บ้างก็ขนส่งทางทะเลโดยเรือดำน้ำที่บังคับโดยรีโมต คอนโทรล เหมือนกับที่เคยมีการจับกุมได้โดยตำรวจสเปนเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่าการจับกุมยาเสพติดที่ลักลอบเข้ามาได้นั้นอาจจะคิดเป็นเพียง 1 ใน 10 ของโคเคนที่เข้ามาทั้งหมดเท่านั้น
โคเคน 1 กิโลกรัมในอเมริกาใต้จะมีมูลค่าอยู่ที่ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 33,000 บาท แต่เมื่อนำมาขายในยุโรปจะมีมูลค่าถึง 35,000 ยูโร หรือราว 1,255,000 บาท และเมื่อโคเคนเหล่านี้นำเข้าผ่านท่าเรือมาได้ และนำไปผสมกับส่วนผสมอย่างอื่น มันจะถูกนำไปขายให้แก่ลูกค้าในราคาถึง 70 ยูโร หรือประมาณ 2,500 บาท ต่อปริมาณ 1 กรัม ซึ่งนับว่ามูลค่าของโคเคนจะเพิ่มขึ้นถึง 100 เท่า เมื่อถูกขายให้แก่ผู้ซื้อ
ด้วยผลกำไรมหาศาลนี้จึงทำให้มีการติดสินบนตั้งแต่ระดับล่างไปจนระดับสูง เพื่อให้การลักลอบขนยาออกจากท่าเรือทำได้สะดวกมากขึ้น และยังทำให้เกิดการข่มขู่ใช้ความรุนแรงเพื่อเปิดทาง โดยเมืองแอนต์เวิร์ปที่เป็นเส้นทางหลักในการขนยาเสพติดเข้ามาในยุโรปมีรายงานเหตุการณ์ความรุนแรงที่เชื่อมโยงกับยาเสพติดเกิดขึ้นมากกว่า 200 ครั้ง ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการยิงถล่มกันแบบไม่เกรงกลัวกฎหมาย จากการเอาคืนกันในกลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือเป็นการฆ่ากันเพื่อปิดปาก หรือกำจัดผู้ที่ขัดผลประโยชน์ จนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
แม้ว่าที่ผ่านมา ประเทศต่างๆ ในยุโรป เริ่มหาแนวทางในการป้องกันการลักลอบขนโคเคนเข้ามายังยุโรปด้วยวิธีการต่างๆ แต่แก๊งค้ายาก็มีการเปลี่ยนเส้นทางขนยาเสพติดไปยังท่าเรือขนาดเล็ก ที่ไม่มีการตรวจอย่างละเอียด เพื่อหลบหลีกการตรวจค้นจับกุม ดังนั้นการปราบปรามยาเสพติดด้วยการไล่ตามจับกุมย่อมประสบความสำเร็จได้ยาก เพราะตราบใดที่ยังคงมีความต้องการของผู้เสพจำนวนมาก แก๊งค้ายาก็ย่อมต้องหาทุกหนทางที่จะส่งยาให้ถึงมือผู้รับเพื่อโกยรายได้มูลค่ามหาศาลเข้ากระเป๋าอย่างแน่นอน.
ผู้เขียน : อาจุมมาโอปอล
ที่มา : SCMP