“ชูวิทย์” โพสต์แฉตัวละครเพิ่ม “แก๊งกอส.รุ่นพนันออนไลน์” แม้แต่ตำรวจกองปราบยังถอย

“ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” อดีตนักการเมืองชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก แฉตัวละครเพิ่ม เด็กเส้นติดตาม “สารวัตรซัว” อีกคนชื่อ “รูบี้” กอส. รุ่น 42 ที่แม้แต่ตำรวจกองปราบยังถอย เพราะไปเจอตอ แถมมีลูกข่ายอีกเป็นพัน ๆ คน ไม่นับรวม “กอล์ฟ เต็น ตั้ว” แก๊งตำรวจ กอส. รุ่นพนันออนไลน์

เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นวานนี้ ( 12 ก.พ.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า มูลนิธิเป็นต่อ (ของเก๊) อีกแล้ว นับวันชักแปลกเข้าไปทุกที อะไรที่ผมขุดขึ้นมาพูดมักมีอันเป็นไป ไม่ว่าสารพัดหน่วยงานรัฐ ไปยันตัวบุคคล หากผมไม่เอาขึ้นมาพูด ก็อยู่ดีมีสุข ต้องขออนุญาตไว้ตรงนี้ว่า “อย่าได้โทษผม” อันที่จริงบ้านเมืองมีกฎหมาย มีเจ้าหน้าที่รัฐรับผิดชอบทุกเรื่อง แต่ดันเป็นความผิดของผมที่เอาความจริงมาพูดให้สังคมได้ยินได้เห็น แล้วมีการตรวจสอบจับกุมกันวุ่นวาย ขนาดพูดแล้วยังทำเป็นปากแข็ง แต่ไม่นานก็หลุดลอกเห็นเนื้อแท้ว่า “ของเก๊”

อย่างสารวัตรซัว ทำเงินได้เป็นพันเป็นหมื่นล้านไม่เสียภาษีพนันสักบาท แถมเป็นตำรวจแท้ๆ ไม่รู้เอาเวลาที่ไหนไปทำการค้าพนันออนไลน์ใหญ่โต แตกกิ่งก้านสาขาจนถึงขนาดเป็นเครือข่าย “เป็นต่อ กรุ๊ป” ตั้งบริษัทเป็นสิบ ทำสารพัดอย่างไปยันอาบอบนวดร่ำรวยมหาศาล เอาทั้งเงิน เอาทั้งยศ เอาทั้งหน้า เอาทั้งบุญ มีถึง “มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป” แต่พอกระทรวงมหาดไทยตรวจสอบดันพบอีกว่า “ไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ” หากผมไม่เอามาพูด ก็คงใช้มูลนิธิฟอกขาว สร้างตัวตน ทำทีเป็นคนดีบริจาคให้เด็กยากจนตามต่างจังหวัด แต่เป็นได้แค่ประเภท “มือถือสาก ปากถือศีล” เหมือนกันหมด พนมมือ เล่นไพ่ ปล้นเงินเด็กเป็นล้าน แต่บริจาคหลักร้อย

แท้ที่จริงไม่ใช่มารวมตัวทำบุญอะไรหรอกครับ หากจะทำกิจกรรมเพื่อสาธารณะไม่ต้องอ้างชื่อเป็นมูลนิธิก็ได้ แต่เหตุเพราะจะเอาไว้ใช้ “ฟอกเงิน” วิธีการคือเอาเงินผิดกฎหมายเข้าไปฟอก และบริจาคออกเท่านั้นเอง ขาเข้าเทา แต่ขาออกขาว เคยบอกแล้วว่า พวกพนันออนไลน์มีปัญหาคือ มีเงินมากไป เป็นเงินที่ไม่เคยเสียภาษีสักบาท สารวัตรซัว “อยู่เป็น“ ถึงใช้ชื่อ “เป็นต่อ” รู้จักใช้ชีวิต อยู่เมืองนอกมากกว่าเมืองไทย ฝากเงินที่สิงคโปร์ เที่ยวอย่างหรูหรา โรงแรมที่ญี่ปุ่นชื่อ “Skye ที่เมือง Niseko” ค่าที่พักเพนท์เฮาส์ คืนละ 150,000 บาท นอนไป 1 อาทิตย์ ราคาร่วม 1 ล้านบาท สำหรับสารวัตรซัวจิ๊บๆ

อย่างนี้คนทำมาหากินสุจริต หรือเงินเดือนตำรวจที่ไหนจะจ่ายได้? แต่สารวัตรซัวบินสูง ทำตัวเป็นตำรวจเงียบๆ เฉพาะตอนอยู่เมืองไทย แต่อู้ฟู่ตอนบินรอบโลกพักหรูหราอยู่อย่างมหาเศรษฐี คนอาจจะรู้ แต่ไม่มีใครพูด ปล่อยให้คนอย่างสารวัตรซัวเอาเปรียบสังคม ทำการพนัน เกมออนไลน์หลอกเอาเงิน แค่ลูกกระจ๊อกยังมีรายได้ 400,000-500,000 บาทต่อเดือน ตัวเองเป็น “มาสเตอร์แฟรนไชส์” ของเกมสล๊อต และสารพัดเกมที่หลอกคนไทยเล่น ดูเหมือนจำนวนเงินน้อย แต่ไม่ต่างจากของโบราณ คือ ตู้ม้า ดูดเงินทีละ 2,000-3,000 บาท แต่คนเล่นเป็นแสนเป็นล้านคน เดือนๆ หนึ่งได้เท่าไหร่? แถมใครซื้อแฟรนไชส์ต้องพ่วงแพ็คเก็จติดโฆษณาเกมไปด้วย ใหญ่โตที่สุดในประเทศ นั่งรับเงินอยู่เมืองนอก ไม่ต้องทำอะไร เพราะมีลูกข่ายทำงานแทนเหมือนแชร์ลูกโซ่ เรียกว่า “เกมออนไลน์ลูกโซ่”

มีเว็บต่างๆ เป็นพันเว็บที่ลงท้ายด้วย “Bet” และอื่นๆ ล้วนของท่านสารวัตรซัวทั้งหมด ทำร่วมกับ ลุค หุ้นส่วนคู่ซี้ เด็กเส้นติดตามสารวัตรซัวอีกคนชื่อ “รูบี้” กอส. รุ่น 42 (ศิษย์เก่ารุ่นน้องโรงเรียนเดียวกัน) ที่แม้แต่ตำรวจกองปราบยังถอย เพราะไปเจอตอ และยังมีลูกข่ายอีกเป็นพัน ๆ คน ยังไม่นับรวม กอล์ฟ เต็น ตั้ว “แก๊งตำรวจ กอส. รุ่นพนันออนไลน์” อีก ตอนนี้ผมแฉแล้ว กรุณาหาช่องทางจับสักทีเถอะครับ เพราะยังไงสารวัตรซัวก็คงไม่เดือดร้อน มีบ้านมีเงินฝากอยู่ลอนดอนหลายร้อยล้านปอนด์ กินหลายชาติก็ไม่หมด แต่ล้วนเอามาจากคนไทยตอนใส่เครื่องแบบตำรวจทั้งนั้น ปล่อยให้คนอย่างสารวัตรซัวเกิดจนยิ่งใหญ่มีเงินมากมายจากการหลอกลวงคนไทย ไม่ได้เสียภาษีอะไรให้ประเทศสักบาทเดียว แถมสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังจ่ายเงินเดือนจากภาษีประชาชนกลับไปให้สารวัตรซัวมานานเป็นสิบปี โดยไม่ได้ทำอะไรเลย มันน่าเจ็บใจแท้ๆ

ภายหลังจากข้อความดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปปรากฏว่ามีชาวเน็ตเข้ามาโพสต์แสดงความเห็นกันอย่างกว้างขวางส่วนใหญ่จะชื่นชมนายชูวิทย์ ที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลให้ทุกฝ่ายงานได้ทราบ เพื่อจะได้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเครือข่าย เว็บพนันออนไลน์ผิดกฎหมายต่อไป