อุบัติเหตุรถไฟชนกันครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของกรีซ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มต่อเนื่องเป็นอย่างน้อย 38 ราย ด้านรัฐมนตรีคมนาคมลาออก “เพื่อแสดงความรับผิดชอบ”
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ว่าเกี่ยวกับความคืบหน้าของอุบัติเหตุรถไฟโดยสาร ซึ่งเดินทางมาจากกรุงเอเธนส์ มุ่งหน้าเมืองเทสซาโลนิกิ ที่อยู่ทางตอนเหนือ และรถไฟขนส่งสินค้าซึ่งเดินทางมาจากเมืองเทสซาโลนิกิ มุ่งหน้าเมืองลาริสซา ที่อยู่ทางตอนกลาง ชนประสานงากันในเขตชานเมืองลาริสซา เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา
สำนักงานผู้ว่าการภูมิภาคเทสซาลี ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุ รายงานจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 38 ราย และยังมีผู้ต้องเข้ารับการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอีก 57 คน จากจำนวนดังกล่าว 6 คนมีอการสาหัส และยังมีผู้สูญหาย “อีกจำนวนหนึ่ง” ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งค้นหา
ขณะที่นายคอสตาส คารามันลิส ยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี คีเรียคอส มิตโซทาคิส ผู้นำกรีซ ขอลาออกจากตำแหน่งรมว.กระทรวงคมนาคม “เพื่อแสดงความรับผิดชอบ” ต่อโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น ซึ่งมีความเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์การรถไฟของกรีซ
ด้านสื่อท้องถิ่นรายงานว่า ตำรวจจับกุมนายสถานีคนหนึ่ง หลังสืบสวนสอบสวนในเบื้องต้นพบว่า รถไฟทั้งสองขบวนแล่นอยู่บนรางเดียวกัน “เป็นระยะทางหลายกิโลเมตร” โดยต่างฝ่ายต่างแล่นมาด้วยความเร็วประมาณ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเมื่อชนกันอย่างแรง อุณหภูมิของหนึ่งในตู้โดยสารพุ่งสูงถึง 1,300 องศาเซลเซียส
นอกจากนี้ ข้อมูลเบื้องต้นจากบริษัทเฮลเลนิก เทรน ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรถไฟโดยสารขบวนที่ประสบอุบัติเหตุ ระบุว่า ขบวนรถในวันเกิดเหตุมีผู้โดยสาร 342 คน ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาซึ่งเดินทางกลับภูมิลำเนา ในช่วงวันหยุดยาวของกรีซ และมีพนักงาน 10 คน
อนึ่ง หลายฝ่ายในกรีซยอมรับว่า ระบบการคมนาคมทางรางภายในประเทศจำเป็นต้องได้รับการ “ยกเครื่องครั้งใหญ่” เนื่องจากโครงสร้างส่วนใหญ่ยังคงเป็นรางเดี่ยว ยิ่งไปกว่านั้นยังคงต้องใช้มนุษย์ควบคุม แม้มีการพยายามติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์มากขึ้น แต่ยังคงไม่ทั่วถึง โดยกรีซขายกิจการการรถไฟแห่งชาติให้อิตาลี เมื่อปี 2560 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเงื่อนไขการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการรับเงินสินเชื่อจากนานาชาติ.
เครดิตภาพ : REUTERS