ผู้การเพชรบุรี นำทีมแถลงข่าวการจับกุมหนุ่มใหญ่วัย 40 ผู้ต้องหาคดีปลอมไลน์ “เลขาธิการสำนักพระราชวัง” หลอกนักธุรกิจชะอำโอนเงิน 20 ครั้ง โดนไปกว่า 1.4 ล้าน อ้างมีเงินโอนมาจากต่างประเทศกว่า 200 ล้าน เดี๋ยวแบ่งให้ 80 ล้าน
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 กันยายน 2564 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี (ภ.จว.เพชรบุรี) พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี, พ.ต.อ.กานต์ ธรรมเกษม รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี, พ.ต.อ.ปัญญา กุลไทย ผกก.สภ.ชะอำ แถลงข่าวการจับกุมนายสิทธิภัททิก์ ขวัญบัว อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 ซอยพุทธบูชา33/2 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงทรัพย์, นำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้” โดยมีการแอบอ้างชื่อบุคคลตำแหน่งสูง มาหลอกให้เหยื่อหลงเชื่อ
พล.ต.ต.อุทัย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.2564 นายสิทธิภัททิก์ ผู้ต้องหา ได้ใช้แอปพลิเคชันไลน์ โดยแอบอ้างใช้ชื่อ เลขาธิการพระราชวัง และนำรูปบุคคลจริงจากในอินเทอร์เน็ต มาใช้เป็นโปรไฟล์ สำหรับพูดคุย หลอกผู้เสียหายว่าจะมีเงินโอนมาจากต่างประเทศกว่า 200 ล้านบาท ให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีตนเองโดยอ้างว่าจะนำไปเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ เมื่อได้เงินจากต่างประเทศแล้วจะให้เงินส่วนแบ่งแก่ผู้เสียหาย 80 ล้านบาท ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินเข้าบัญชีของผู้ต้องหาในระยะห้วงเวลา 19 มิ.ย.-6 ส.ค.64 รายการโอนทั้งหมด 20 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1,439,500 บาท ต่อมาผู้เสียหายพบลักษณะพิรุธ และพบว่าบุคคลที่ตนเองติดต่อในไลน์ ไม่ใช่ตัวจริง เป็นการแอบอ้างใช้ชื่อเลขาธิการพระราชวังมาหลอกลวงเอาเงิน จึงนำหลักฐานการติดต่อ และการโอนเงินเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชะอำ
พนักงานสอบสวน สภ.ชะอำ ผู้รับผิดชอบคดี ได้รวบรวมพยานหลักฐาน และร้องขอต่อศาลจังหวัดเพชรบุรี อนุมัติหมายจับของศาลจังหวัดเพชรบุรี ที่ 239/2564 ลงวันที่ 27 กันยายน 2564 ให้จับกุม นายสิทธิภัททิก์ ขวัญบัว อายุ 40 ปี ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงทรัพย์, นำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้
ต่อมาเวลา 11.30 น.วันที่ 29 กันยายน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ชะอำ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการสอบสวนกลาง ได้ทำการจับกุมนายสิทธิภัททิก์ ได้ที่อพาร์ตเมนต์ ซอยพระรามที่ 2 ซอย 33 แขวงบางมด เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่านายสิทธิภัททิก์ ยังเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสีคิ้ว (ปากช่อง) ที่จ.55/2564 ลงวันที่ 15 กันยายน 2564 ในข้อหา “ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการและร่วมกันใช้หรืออ้างเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอมในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ผู้อื่น” และเคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ราษฎร์บูรณะจับกุมและดำเนินคดีในความผิดฐาน “ลักทรัพย์” เมื่อ 28 มี.ค.2561
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายสิทธิภัททิก์ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ชะอำ เพื่อทำการสอบสวน และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพฤติกรรมของผู้ต้องหา รู้จักกับผู้เสียหาย เป็นชาย ซึ่งเป็นนักธุรกิจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์อยู่ในอำเภอชะอำ โดยรู้จักกันมาประมาณ 8 เดือน ขณะรู้จักกันมีการชักชวนกันทำธุรกิจนำเข้าเงินต่างประเทศในตลาดมืด และเมื่ออัตราแลกเปลี่ยนสูงขึ้นจึงนำมาขายและแบ่งผลประโยชน์กัน ทำกันในวงเงินไม่มาก แต่เคยทำร่วมกันหลายครั้ง กระทั่งวงเงินสูงขึ้น ผู้ต้องหาจึงได้ทำการปลอมแปลงเฟซบุ๊กและไลน์ของเลขาธิการพระราชวังเพื่อให้ผู้เสียหายมีความน่าเชื่อถือ โดยอ้างว่าจะมีการนำเงินเข้ามา 200 ล้านบาท จนทำให้ผู้เสียหายเชื่อใจว่ามีคนใหญ่รู้จักและคุ้นเคยกับผู้ต้องหาให้การรับรอง จนทำให้เหยื่อหลงเชื่อและโอนเงินไปให้ กระทั่งเหยื่อเริ่มผิดปกติจึงแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.ชะอำ