“รองต่อ” รุดคุมสถานการณ์ สารวัตรคลุ้มคลั่งรัวปืนกลางหมู่บ้านย่านสายไหม กว่า 9 ชม. ยังไม่มอบตัว ชี้ผู้ก่อเหตุเป็นผู้ป่วย ไม่ใช่ภัยคุกคาม พร้อมช่วยเหลือ
เมื่อวันที่ 14 มี.ค. จากกรณีสารวัตรสันติบาลคลุ้มคลั่ง ยิงปืนหลายนัดภายในบ้านมั่นคง ซอยจิระมะ เขตสายไหม กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่พยายามเกลี้ยกล่อมแต่ยังไม่เป็นผล โดยช่วงบ่ายที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุยิงปืนไปถึง 48 นัดแล้ว และยังตะโกนโวยวายพร้อมระบายความอัดอั้นต่างๆ เจ้าหน้าที่ต้องเคลียร์ผู้สื่อข่าวออกนอกพื้นที่ และทยอยเคลียร์ประชาชนที่อยู่ภายในบ้าน ออกไปอยู่ในที่ปลอดภัย ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดผ่านมาแล้วกว่า 9 ชั่วโมง สารวัตรสันติบาลคลุ้มคลั่งยังไม่ยอมมอบตัว ด้าน พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ที่เดินทางมาที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า ขณะนี้รับรู้ข้อมูลคร่าวๆ กับสื่อมวลชน จึงต้องเดินทางเข้ามาเพื่อติดตามสถานการณ์ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้ ขอหารือกับผู้ปฏิบัติงานก่อน แต่จะพยายามให้ควบคุมสถานการณ์ภายในค่ำคืนนี้ โดยจะพยายามไม่ให้เกิดความสูญเสียกับทั้ง 2 ฝ่าย
ต่อมา พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ในฐานะอดีตเคยเป็นผู้บังคับบัญชาในสังกัดของผู้ก่อเหตุ เดินทางมาเพื่อเจรจากับสารวัตรสันติบาลที่ก่อเหตุ โดยขยายแนวกั้นพื้นที่ เพื่อกันสื่อมวลชนให้ออกห่างจากรัศมีจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร พร้อมเปิดเผยว่า เดิมผู้ก่อเหตุเป็นลูกน้องเก่าของตน ก่อนหน้านี้มีอาการลักษณะนี้มาแล้ว แต่ไม่หนักเท่าครั้งนี้ เดิมทำงานที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ก่อนโยกย้ายไปประจำที่กองบัญชาการศึกษา กระทั่งย้ายมาที่สันติบาล
ด้านเจ้าหน้าได้ใช้โดรนบินขึ้นดูสถานการณ์โดยรอบ พร้อมกับจัดกำลังเจ้าหน้าที่อรินทราชเรียงแถว โดยใช้โล่เข้าไปบริเวณบ้านพักของสารวัตรสันติบาล พร้อมกับเจรจากับเจรจาเกลี้ยกล่อม ขอให้ใจเย็นๆ ค่อยๆ พูดจากัน หากต้องการอะไรขอให้บอก เจ้าหน้าที่จะจัดการให้ แต่ปรากฏว่าไม่มีเสียงตอบรับแต่อย่างใด
ขณะที่หน่วยอรินทราช 26 เตรียมใช้แก๊สน้ำตาบุกเข้าชาร์จตัวสารวัตรภายในบ้านพัก เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ วางแผนตรึงกำลังรายล้อมบ้านที่เกิดเหตุไว้ พร้อมเกลี้ยกล่อม โดยขณะนี้ผ่านไปร่วม 9 ชม. แล้ว ยังไม่มีทีท่าว่าสารวัตรจะยอมมอบตัวแต่อย่างใด
ต่อมา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางมาเพื่อควบคุมสถานการณ์ด้วยตนเอง กล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์เวลานี้ พฤติกรรมของสารววัตร ไม่ใช่ภัยคุกคาม ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ความรุนแรง จึงได้สั่งให้ลูกน้องห้ามใช้กำลังโดยเด็จขาด ขอเวลาให้ตำรวจได้ทำงาน และรอให้พฤติการณ์ของสารวัตรนั้นดาวน์ลง
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนสาเหตุเกิดจากปัญหาส่วนตัวเสียส่วนใหญ่ ประกอบกับปัญหาทางจิตเวชที่เป็นอยู่แล้ว และปัญหาความกดดันในหมู่บ้าน จึงเป็นจุดที่ทำให้เกิดอาการคลุ้มคลั่งหรือไม่ จึงอยากฝากถึงสารวัตรว่า หากฟังอยู่ขอให้ไว้ใจเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เข้ามาช่วย ไม่ได้เข้ามาทำร้าย อยากให้ออกมาคุยกัน พร้อมฝากถึงชาวบ้านว่า ขอความร่วมมือ ยังไม่อยากให้กลับเข้าพื้นที่ จนกว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แบบเบ็ดเสร็จ
อย่างไรก็ตามในชั้นนี้ ยังคงใช้การเจรจาเกลี้ยกล่อมเป็นหลัก โดยขณะนี้ได้ให้พี่ชายของสารวัตร เข้ามาทำการเกลี้ยกล่อม แต่ก็ยังไม่เป็นผล โดยสารวัตรยังคงเก็บตัวอยู่ภายในบ้าน และมีการเปิดเพลงฟัง ส่วนอาวุธปืนที่สารวัตรใช้ในการก่อเหตุครั้งนี้ ยังไม่ทราบขนาด แต่พบว่าเป็นอาวุธปืนสั้น และยังไม่สามารถระบุได้ว่ามีจำนวนกี่กระบอก