กทพ. เชิญ วสท. ร่วมตรวจสอบ หาสาเหตุเหล็กยึดคานทางด่วนพระราม 3 ขาด หล่นทับคนงานเสียชีวิต ย่านถนนพระราม 2 สั่งหยุดงานแล้ว 7 วัน ปรับวันละ 30 ล้าน ชี้หากพบประมาทเลินเล่อ เดินหน้าเอาผิดทางอาญา ขึ้นแบล็กลิสต์ผู้รับเหมาห้ามร่วมงานกับ กทพ. ลุยยกเครื่องระบบความปลอดภัย เติมบทลงโทษเกิดเหตุปรับ 1 ล้าน
เมื่อวันที่ 9 พ.ค. นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า กทพ. ได้ประสานให้วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.) เข้าร่วมการตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์เหล็กที่ยึดคานคอนกรีตสำเร็จรูป (Segment) ของทางยกระดับขาด ทำให้ Segment หล่นลงพื้นบริเวณถนนพระราม 2 หน้า index living mall เนื่องจากเป็นงานเฉพาะเจาะจง ที่ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะได้ร่วมตรวจสอบด้วยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากการกระทำโดยประมาทเลินเล่อ หรือจากเหตุสุดวิสัย หากพบว่าประมาทเลินเล่อ กทพ. จะสืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำผิด เพื่อเอาผิดทางกฎหมายคดีอาญาต่อไป และจะขึ้นบัญชีดำ (แบล็กลิสต์) ผู้รับจ้างไม่ให้ร่วมงานก่อสร้างกับ กทพ. อีก
นายสุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น อยู่ในส่วนของงานสัญญาที่ 2 งานสร้างทางยกระดับจากเซ็นทรัลพระราม 2- รพ.บางปะกอก 9 ในโครงการทางพิเศษ (ด่วน) สายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ด้านตะวันตก มีกิจการร่วมค้า ซีทีบี ประกอบด้วย บริษัท China Harbour Engineering Company Limited, บริษัท ทิพากร จำกัด และบริษัท บุรีรัมย์ธงชัยก่อสร้าง จำกัด เป็นผู้รับจ้าง ซึ่งงานในส่วนที่เกิดเหตุนั้น บริษัท ทิพากร เป็นผู้รับผิดชอบ โดยได้สั่งให้หยุดปฏิบัติงานแล้วเป็นเวลา 7 วัน เพื่อสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง และตรวจสอบความปลอดภัยอย่างละเอียด ซึ่งในระหว่างที่หยุดงาน บริษัทฯ ต้องจ่ายค่าปรับหยุดงานวันละ 30 ล้านบาท ตามสัญญา
“กทพ. ต้องขออภัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตอีกครั้ง โดยได้กำชับให้ผู้รับจ้างเยียวยาช่วยเหลือย่างเต็มที่ รวมถึงผู้ได้รับบาดเจ็บ และประชาชนที่รถยนต์ได้รับความเสียหาย 4 คัน จากเศษคอนกรีตจากคานกระเด็นโดนรถยนต์ จะต้องชดเชยค่าเสียหายอย่างเต็มที่ และไม่ทอดทิ้งกัน ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ของ กทพ. ที่จะต้องเน้นย้ำให้ทุกโครงการ ยกระดับความปลอดภัย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก ผมต้องขอโทษประชาชนทุกคนด้วยใจจริง” ผู้ว่าการ กทพ. กล่าว
นายสุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ กทพ. จะดำเนินการยกเครื่องระบบความปลอดภัย เป็นการปรับปรุงแก้ไขเชิงมาตรการและแนวทางป้องกัน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในทุกโครงการก่อสร้างที่อยู่ในพื้นที่ที่มีการจราจรสัญจรไปมา ทั้งโครงการในปัจจุบัน และอนาคต ซึ่งเริ่มตั้งแต่การคัดเลือกผู้รับจ้าง การปรับปรุงสัญญาจ้างให้เน้นมาตรฐานการปฏิบัติของผู้รับจ้างที่เพิ่มความปลอดภัย ให้กับประชาชน รวมถึงบทลงโทษที่สูงขึ้น อาทิ กรณีเกิดอุบัติเหตุ อาจปรับ 1 ล้านบาท เพื่อเพิ่มความรัดกุม รอบคอบ ในการปฏิบัติงาน ตลอดจนการเลือกใช้เทคนิคการก่อสร้าง และระบบการป้องกันที่รัดกุมขึ้น อย่างกรณีที่เกิดขึ้นนี้ ต้องถือเป็นการเลือกเทคนิคการก่อสร้างที่เสี่ยง ซึ่งผู้ควบคุมงานต้องไม่อนุญาตให้ผู้รับจ้างทำการเช่นนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก
นายสุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ได้เคลียร์พื้นที่เกิดเหตุ โดยนำโครงสร้างชิ้นส่วนคอนกรีตออกจากจุดเกิดเหตุแล้ว นำเข้ามาอยู่บริเวณเกาะกลางถนนแล้ว เพื่อไม่ให้กีดขวางการจราจร และกำลังเร่งซ่อมแซมผิวจราจรที่ได้รับความเสียหายให้อยู่ในสภาพเดิม เพื่อให้สามารถเปิดการจราจรให้ประชาชนได้สัญจรตามปกติ