สัญญาณทางวิบาก “ก้าวไกล” ไปไม่ถึงฝัน!! ตกหลุมเกมอำนาจ

หลังเซ็นเอ็มโอยูแล้ว พรรคก้าวไกลไปต่อไม่รอแล้ว “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล ประกาศตัวเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 หอบคณะทำงานเปลี่ยนผ่าน รับฟังข้อเสนอภาคเอกชน 3 สถาบัน ที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นำต่อนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ และแนวทางการดำเนินงานของรัฐบาลพรรคก้าวไกล ท่ามกลางกระแสข่าวที่ยังไม่มีความแน่นอน ว่า “พิธา” จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่

เพราะขณะนี้เริ่มมีเค้าลางปรากฏออกมาให้เห็นแล้ว ว่า พรรคเพื่อไทยออกสเต็ปชิงเหลี่ยมขอเก้าอี้ประธานสภา ทำให้ ผู้นำแห่งจิตวิญญาณ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” โชว์เก๋ารู้ทันเกม เพื่อไทยจ้องแทงข้างหลังเพื่อน โพสต์ผ่านโซเชียล ทำทีกระตุกก้าวไกล ว่า “ประธานสภาผู้แทนราษฎร” เป็นตำแหน่งที่พรรคก้าวไกลเสียไปไม่ได้เป็นอันขาด เพราะเก้าอี้ประธานสภา คือ หัวใจในการคุมเกมในสภา โดยเฉพาะก้าวแรกที่จะส่งให้ “พิธา” นั่งบัลลังก์นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 และพร้อมชี้ให้เห็นว่า พรรคก้าวไกลก็ได้เสียงมาเป็นอันดับ 1 อีกทั้งการเจรจาต่อรองกำหนดเนื้อหาใน MOU พรรคก้าวไกลได้ถอยในหลายประเด็นไปแล้ว เพื่อให้พรรคร่วมคลายกังวลไปแล้ว เช่น การแก้ไขมาตรา 112 ที่พรรคได้ผลักดันมาตลอด

อาการปีนเกลียวชิงเหลี่ยมเกมอำนาจระหว่าง 2 พรรคใหญ่ ก้าวไกลและเพื่อไทย ใครๆ ก็ดูออกว่า นับจากนี้จะเกิดดราม่าเหมือนละคร เริ่มจากฉากที่ “หมอชลน่าน” นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เล่นใหญ่ออกอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่พอใจ “แด๊ดดี้ปุ่น” น.อ.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย ทำตัวเสียมารยาท โดยในวันเซ็นเอ็มโอยู 8 พรรคร่วมประชาธิปไตยนั้น ไปนั่งทำตัวเป็นสื่อยิงคำถาม โดยให้ 8 พรรคร่วมเขียนเอ็มโอยูแบบแอดวานซ์ คือ ไม่ว่าจะไปฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ก็จะร่วมกันแบบนี้ไม่ทิ้งกัน

เป็นจังหวะเพื่อไทย “หมอชลน่าน” ได้ทีเห็นเป็นโอกาสที่พรรคเพื่อไทยนำมาเป็นชนวนในการจุดระเบิด ต้องส่งสัญญาณไปถึงพรรคก้าวไกล ว่า ให้จัดการพรรคร่วมให้อยู่ในร่องในรอย และย้อนถามว่าเสียงมากกับเสียงน้อยใครสำคัญกว่ากัน ตามมาด้วย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ออกมารีทวีตข้อความของ ดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิกและนักออกแบบชื่อดัง ที่ระบุว่า “ต้องทนให้คนที่เรียกตัวเองว่าเพื่อน เอาตีนถีบหน้าอยู่ทุกวันจริงหรือครับ เพื่อนที่โกหก คอยแทงข้างหลังตลอด แต่ต้องช่วยมันเพราะลำพังตัวเองมันไปเองก็ไม่รอด ไม่ช่วยมันกูก็ผิด ช่วยมันกูก็เจ็บ #ความอดทนบางทีแม่งก็มีขีดจำกัด” ทำกองหนุนเอฟซี สะกิด ‘พท.’ ถ้ามันไม่ไหวจริงๆ ก็ไปเป็นฝ่ายค้านเถอะ

ขณะที่ “อิ๊งค์” แพรทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เดินทางไปหาทักษิณ ที่ประเทศสิงคโปร์ ฝากลูกน้อยไว้ให้ยายดูแล เพราะทนคิดถึงพ่อ (ทักษิณ) ไม่ไหว นี่ขนาดสัญญาณแรก ที่พรรคก้าวไกลจะมองข้างไม่ได้ ถึงแม้ปากจะบอกว่าไม่หวังส้มหล่น จะช่วยก้าวไกลตั้งรัฐบาลให้สำเร็จก็ตาม

จับอาการความเคลื่อนไหวของอีกฟากฝั่งที่มีการปล่อยข่าวลือ ข่าวลวง ออกมาเขย่าเกมอำนาจอยู่เป็นระยะๆ ทั้งเกมดัน 2 ลุง ออกจากสนามการเมืองจากมอตโต้เด็ก เมื่อครั้งหาเสียงของพรรคก้าวไกล ที่ว่าไม่เอาลุง ยังทรงพลังต่อเนื่อง จนมีกระแสการเดินเกมเล่นแร่แปรธาตุ ดัน ลุงป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้พ้นจากหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพื่อเปิดทางยุบพรรคพลังประชารัฐ เป็นเหตุให้ 36 ส.ส. ที่ได้มาจากการเลือกตั้งครั้งนี้ สามารถถ่ายโอนไหลเข้าพรรคเพื่อไทย ทำให้กลายเป็นพรรคอันดับ 1 พลิกเกม ผลักก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน แม้ “ลุงป้อม” จะออกมาปฏิเสธ แต่ก็ใช่ว่าคอการเมืองเชื่อง่ายๆ งานนี้จึงต้องจับตาดูกันต่อไป

สอดคล้องกับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค ได้ให้กำลังใจ ว่าที่ ส.ส. โดยขอให้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดต่อไป ปักหมุดสู้ต่อ พร้อมขอให้สมาชิกพรรคนิ่ง เพราะเวลานี้ต้องปล่อยเป็นเรื่องของพรรคใหญ่ ซึ่งยังมีอีกหลายขั้นตอนยังไม่จบ ก็รอดูกันไป ถึงอย่างไรก็ขอให้บ้านเมืองสงบ รักษาสถาบันไว้ให้ได้ คำพูด “บิ๊กตู่” ครั้งนี้ ทำให้เห็นว่ายังรอจังหวะและเวลาพลิกเกมแบบมีนัยอะไรหรือไม่

เมื่อกางไทม์ไลน์ในการจัดตั้งรัฐบาล ที่ กูรูกฎหมายฝ่ายรัฐบาล “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้อธิบายให้กับ ครม. รับฟังว่า ไทม์ไลน์ที่พูดวันนี้เป็นไทม์ไลน์อย่างเร็ว เปลี่ยนได้ทุกวัน แต่ไม่มีทางเร็วกว่านี้ โดยวันที่ 13 ก.ค. จะเป็นวันสุดท้ายที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะรับรองผลเลือกตั้ง หากเกิดความล่าช้าคงเกิดจากการร้องเรียน โดยหลังจากนี้ ครม. จะพิจารณาพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมสภา ซึ่งวันที่ 20 ก.ค. จะเป็นวันสุดท้ายที่ให้ ส.ส. รายงานตัว จากนั้นวันที่ 24 ก.ค. จะมีพิธีเปิดประชุมรัฐสภา วันที่ 25 ก.ค. จะมีการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 26 ก.ค. จะมีการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งประธานสภา ก่อนที่วันที่ 3 ส.ค. จะมีการเลือกนายกรัฐมนตรี ขณะที่วันที่ 10 ส.ค. มีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี และวันที่ 11 ส.ค. จะมีการถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ซึ่งเป็นการทำงานวันสุดท้ายของคณะรัฐมนตรีรักษาการ

ขณะที่โจทย์ยากของว่าที่รัฐบาลด้อมส้ม ดูจะไม่ง่ายเลย เมื่อมาส่องปรากฏการณ์ที่รออยู่เบื้องหน้า “พิธา” แคนดิเดตนายกฯ ต้องรอลุ้น ฝ่าด่านปลดโซ่ตรวนจากบรรดานักร้องทั้งหลาย ที่ไปยื่นให้ กกต. ตรวจสอบ กรณีที่ พิธา ถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น ตั้งแต่เมื่อใด เนื่องจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 98(3) บัญญัติห้ามมิให้บุคคลที่เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. และเมื่อพบปรากฏข้อเท็จจริงตามข้อมูลเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 66 ที่ทำให้เข้าใจว่า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ในลำดับที่ 6,121 ดังนั้นหากถือมาก่อนการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 62 จะเข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามมาก่อนหรือไม่ การเป็น ส.ส. ที่ผ่านมา จะชอบหรือไม่ เพราะไม่ได้ยื่นต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 62

แต่แนวโน้มของ กกต. น่าจะประกาศรับรองผล “พิธา” ไปก่อน แล้วค่อยส่งเรื่องคุณสมบัติไปให้กับศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณา ต้องรอลุ้นกันต่อ “พ่อ” ของ “ส้ม” จะรอดหรือไม่รอด

ถ้าหาก “พิธา” รอด ก็ยังต้องไปฝ่าด่านเวทีรัฐสภาที่ต้องหาเสียง ส.ว. มารวมให้ได้ 376 เสียง ซึ่ง ส.ว. แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 ส.ว. ที่ตัดสินใจแล้วว่า จะเลือก “พิธา” ตามที่ปรากฏเป็นข่าว มีประมาณ 20-30 เสียงเท่านั้น เมื่อรวมกับเสียงที่มีอยู่ 313 เสียง ก็ไม่เพียงพอที่ส่งให้ ”พิธา” นั่งเก้าอี้นายกฯ เพราะเสียง ส.ว. ในกลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มจะ “โหวตโน” ไม่ลงคะแนนให้ “พิธา” และกลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มปิดสวิตช์ตัวเอง 2 กลุ่มนี้เสียงจะมากกว่ากลุ่มที่ 1 ดังนั้นโอกาสที่พรรคก้าวไกล ส่งให้ “พิธา” เป็นนายกฯ มันไม่ง่าย จึงต้องจับตาดูว่า ทีมเจรจาของพรรคก้าวไกล ที่ส่งไปขอเสียงกับ ส.ว. อีก 40 กว่าเสียง จะสำเร็จหรือไม่

แต่ถ้าหาก “พิธา” ไม่ได้ไปต่อ ส้มก็จะไปหล่นที่พรรคเพื่อไทย เพราะพรรคก้าวไกลมีแคนดิเดตนายกฯ เพียงคนเดียว งานนี้เพื่อไทยเตรียมเข่งไว้รอรับส้มไว้แล้ว และแนวทางในการจัดตั้งรัฐบาลก็ยังคงเป็น 8 พรรคร่วม ที่ยังคงมีก้าวไกลอยู่ด้วย และเมื่อถึงเวลานั้น การเจรจาเก้าอี้ต่างๆ ก็จะมีการเปลี่ยนผันไปตามมรสุมการเมืองที่ต้องลุ้นกันต่อไป

เส้นทางการเมืองวันนี้ แม้พรรคก้าวไกลพยายามใช้กลไกต่างๆ ในการที่จะขับเคลื่อนเดินหน้าด้วยความรวดเร็ว เป็นเพราะไม่มีความมั่นใจในกติกาและสถานการณ์ทางการเมือง รวมทั้งยังไม่มั่นใจว่า พลังทางสังคมจะกดดัน ส.ว. ได้ จึงเป็นเกมร้อนการเมืองที่ห้ามกะพริบตา เพราะสามารถพลิกเปลี่ยนไปได้ตลอดเวลา อีกทั้งไม่มีพรมแดงไว้ให้ใครเดิน หรือมีทุ่งลาเวนเดอร์รองรับ ดังนั้นอยู่ที่ย่างก้าวและการรู้ทันเกมต่อลองว่า จะออกมาในรูปแบบใด แต่ก็ขอให้ทุกฝ่ายนึกถึงประเทศชาติเป็นหลัก