ททท.เตรียมดึง “ลิซ่า แบล็กพิงก์-อันเดรอา โบเชลลี” เคาต์ดาวน์ภูเก็ต พร้อม โปรโมตเที่ยวไทย ดันเป็นอีเวนต์ระดับโลก เปิดรายชื่อ 21 ประเทศที่ไม่ต้องกักตัว รอ ศบค.เคาะ 14 ต.ค.นี้ พื้นที่แซนด์บ็อกซ์ยังเปิดรับนักท่องเที่ยวอีกกว่า 100 ประเทศ ขณะที่ผู้ประกอบการผวาโควิดระบาดระลอกใหม่ ส่วนที่ จ.ยะลา ด.ญ.วัย 3 เดือนดับ สธ.ถกฉีดวัคซีนเข็มสองให้นักเรียนชาย 20 ต.ค.นี้ เกาหลีใต้บริจาคแอสตราฯให้ไทย 470,000 โดส
ภายหลังนายกรัฐมนตรีแถลงเปิดประเทศ ให้นักท่องเที่ยวจาก 10 ชาติที่มีความเสี่ยงต่ำ ไม่ต้อง กักตัว เริ่มวันที่ 1 พ.ย.นี้ รวมทั้งเตรียมเปิดสถานบันเทิง วันที่ 1 ธ.ค.นี้ ท่ามกลางสถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด ยังสูงในหลายพื้นที่
ไทยติดเชื้อต่ำหมื่น ตาย 84
เมื่อวันที่ 12 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล ศูนย์บริหาร สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์โควิด-19 ว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9,445 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 9,231 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 8,987 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 244 ราย จากเรือนจำและที่ต้องขัง 201 ราย และเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 13 ราย ผู้รักษาหาย ป่วยเพิ่ม 11,452 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 108,174 ราย อาการหนัก 2,954 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 660 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 84 ราย เป็นชาย 49 ราย หญิง 35 ราย เป็นผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 59 ราย มีโรคเรื้อรัง 19 ราย เสียชีวิตนอกโรงพยาบาล 1 ราย ที่ จ.มหาสารคาม ในจำนวนนี้มีเด็กอายุ 3 เดือน 1 ราย จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดคือ สมุทรปราการ ปัตตานี จังหวัดละ 12 ราย รองลงมาคือ กทม. 11 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อ สะสมตั้งแต่ปี 63 จำนวน 1,730,364 ราย ยอดรวมหาย ป่วยสะสมตั้งแต่ปี 63 จำนวน 1,604,355 ราย ขณะ ยอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 63 จำนวน 17,835 ราย
ฉีดวัคซีนแล้ว 61 ล้านโดส
สำหรับการฉีดวัคซีนวันที่ 11 ต.ค. 805,146 โดส ฉีดสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. 61,033,251 โดส ขณะที่สถานการณ์โลกมีผู้ติดเชื้อสะสม 239,027,175 ราย เสียชีวิตสะสม 4,872,739 ราย สำหรับ 10 จังหวัด ที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด ได้แก่ กทม. 1,170 ราย ปัตตานี 566 ราย ชลบุรี 511 ราย ยะลา 493 ราย นราธิวาส 473 ราย สงขลา 467 ราย สมุทรปราการ 425 ราย นครศรีธรรมราช 361 ราย ระยอง 315 ราย และสุราษฎร์ธานี 214 ราย
“บิ๊กป้อม” สั่งรับมือเปิดประเทศ
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ประกาศ เปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ ว่า ถือว่าดี เราจะได้ทำงาน โดยตนสั่งการให้ฝ่ายความมั่นคงดูแลหมดแล้ว ไม่ต้อง ห่วงในเรื่องความปลอดภัยของประชาชน และนักท่องเที่ยว ที่จะเข้ามา เมื่อถามว่า หากเปิดประเทศแล้วเกิดปัญหา สามารถปิดได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ต้องดูว่า การระบาดของโควิด -19 เป็นอย่างไรเราก็ต้องช่วยกัน
“พิพัฒน์” ตั้งเป้าชิงนักท่องเที่ยว
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและ กีฬา กล่าวว่า นายกฯประกาศเปิดประเทศวันที่ 1 พ.ย.ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร อยู่ในแผนอยู่แล้ว หลังเปิดภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์นำร่องไปก่อน แผนระยะที่ 1 จะเปิดอีก 10 จังหวัด ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาโดยไม่ต้อง กักตัว และที่นายกฯประกาศเปิดประเทศ 120 วัน ก่อนหน้านี้ครั้งนี้ถือว่าเร็วขึ้น หลายประเทศประกาศเปิดประเทศ เช่น สิงคโปร์ อังกฤษ และอเมริกา ถือเป็นการช่วงชิงนักท่องเที่ยว ถ้าเรายังกักตัว 7 วัน จะต่อสู้ดึงนักท่องเที่ยวยาก ประกาศเปิดประเทศวันที่ 1 พ.ย. เชื่อว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศในไตรมาสที่ 4 และไตรมาสที่ 1 ปีหน้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศยอดนิยมสำหรับช่วงฤดูหนาวของยุโรป อเมริกา และ ญี่ปุ่น เกาหลี จีน
รอเคาะประเทศเข้าไทย
เมื่อถามว่า 10 จังหวัดรวมกรุงเทพฯด้วยหรือไม่ นายพิพัฒน์กล่าวว่า รวมด้วย 10 จังหวัดหมายความว่า กระบี่ พังงา เปิดทั้งจังหวัด ส่วนกรุงเทพฯ ชลบุรี เปิดบางส่วน จ.ชลบุรีจะเปิดเฉพาะ อ.บางละมุง อ.สัตหีบ จังหวัดอื่นๆจะมีที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.เชียงใหม่ 4 อำเภอ คือ อ.เมือง อ.ดอยเต่า อ.แม่แตง และ อ.แม่ริม จ.ระนอง ที่เกาะพยาม และอาจจะมีที่ จ.เลย ที่ อ.เชียงคาน เมื่อถามว่าประเทศความเสี่ยงต่ำที่จะเข้าไทยโดยไม่ต้องกักตัว กระทรวงการท่องเที่ยวฯเป็นส่วนหนึ่งที่เสนอต่อกระทรวงสาธารณสุขและศบค. ให้เปิด ททท.ได้ประชุมและเสนอ ศบค.ชุดเล็กไป คงต่อรอดูการประชุม ศบค.ชุดใหญ่พิจารณาวันที่ 14 ต.ค. ประเทศที่จะเข้ามาไม่ต้องกักตัวเป็นไปตามที่นายกฯได้ประกาศไปแล้ว เบื้องต้นมี 4-5 ประเทศ เป็นประเทศที่นิยมเข้าไทยอยู่แล้ว เช่น อังกฤษ เยอรมนี อเมริกา แต่สิ่งที่เราอยากดึงลูกค้าอีกประเทศที่สำคัญมากคือ จีน ส่วนประเทศอาเซียนเราพยายามคิดว่าทำอย่างไรนอกเหนือจากสิงคโปร์แล้ว เราจะทำบับเบิลกับประเทศอื่นๆรอบบ้านเราได้หรือไม่ แต่หมายถึงประเทศเพื่อนบ้านเราพร้อมจะเปิด สำคัญที่สุดต้องไม่อยู่ในภาวะเสี่ยง อย่างน้อยต้องได้รับวัคซีนแล้ว 2 โดส ก่อนเข้าประเทศไทย
ดึง “ลิซ่า-อันเดรอา” ไปภูเก็ต
ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยว แห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.เตรียมร่วมกับเอกชนพันธมิตรดึง “ลิซ่า แบล็กพิงก์” หรือ ลลิษา มโนบาล ศิลปินสาวชาวไทยชื่อดังระดับโลก และอันเดรอา โบเชลลี นักร้องโอเปราชื่อดังของโลกชาวอิตาลี มาร่วมงานเคาต์ดาวน์ ในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2565 ที่ จ.ภูเก็ต ปีนี้ตั้งใจจัดให้เป็นอีเวนต์ยิ่งใหญ่ระดับโลก เพื่อให้ประเทศไทยอยู่ในปฏิทินของการเคาต์ดาวน์โลก เชื่อมั่นว่าจะช่วยสร้างความน่าดึงดูดใจให้กับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เดินทางมาเที่ยวในประเทศไทยต่อไป หลังจากรัฐบาลได้ผ่อนคลายการกักตัว และการเปิดพื้นที่เพิ่มเติมเพื่อดึงนักท่องเที่ยวเข้ามา เช่น วันที่ 1 พ.ย.นี้ จะเปิดพื้นที่นำร่องเพิ่มเติมอีก 5 จังหวัด ตอนนี้ ททท.กำลังอยู่ระหว่างการเจรจารายละเอียด การดึงลิซ่ามาครั้งนี้ น่าจะช่วยดึงสาวกบลิ๊งค์ หรือกลุ่มแฟนคลับจากประเทศต่างๆมาเที่ยวไทยในช่วงปีใหม่
เสนอ ศบค.อนุมัติเพิ่ม
สำหรับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนครบโดส ไม่ต้องกักตัวตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ขณะนี้นายกรัฐมนตรี ระบุมา 5 ประเทศ ได้แก่ อังกฤษ สิงคโปร์ เยอรมนี จีน อเมริกา ส่วนที่เหลือที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 วันที่ 14 ต.ค.นี้จะเคาะออกมา เท่าที่ ททท.เสนอต่อศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ได้สรุปรายชื่อประเทศความเสี่ยงต่ำไปทั้งหมด 21 ประเทศ ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในคืนแรกยังต้องพักในโรงแรมที่ได้รับมาตรฐาน SHA PLUS ทำการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ที่โรงแรมเลย เมื่อผลออกมาเป็นบวกสามารถเดินทางไปได้ทั่วประเทศ ส่วนหนังสือขออนุญาตเข้าประเทศ (COE) ที่ถูกบ่นว่ายุ่งยาก อาจจะยกเลิกใช้วันที่ 1 พ.ย.หากรัฐบาลยกเลิกใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
เปิดรายชื่อ 21 ประเทศ
ในส่วนของรายชื่อประเทศที่ ททท.เสนอพิจารณาจากมิติด้านเศรษฐกิจ โอกาสทางการส่งเสริมตลาด ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี สวีเดน เดนมาร์ก ฟินแลนด์ นอร์เวย์ ฝรั่งเศส รัสเซีย จีน (รวมฮ่องกง ไต้หวัน) ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย สิงคโปร์ อิสราเอล สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สวิตเซอร์แลนด์ มาเลเซีย อิตาลี
พื้นที่แซนด์บ็อกซ์รับอีกเพียบ
นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. กล่าวว่า มีคำถามว่าเมื่อนายกฯจะประกาศรับนักท่องเที่ยวจาก 10 ประเทศไม่ต้องกักตัวแล้ว พื้นที่นำร่องที่เปิดไปแล้ว เช่น ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ และพื้นที่นำร่องที่เตรียมเปิดวันที่ 1 พ.ย.จะใช้หลักเกณฑ์อย่างไร ขออธิบายว่า เรื่องนี้เหมือนขนมชั้น ชั้นที่ 1 เป็น 10 ประเทศตามที่นายกฯประกาศ ส่วนชั้นที่ 2 ยังเปิดรับ 100 กว่าประเทศเข้ามาในพื้นที่นำร่อง เมื่ออยู่ครบ 7 วันถึงออกนอกพื้นที่ได้ ส่วนชั้นที่ 3 ผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน ยังเข้ามาได้แต่ต้องถูกกักตัวในโรงแรมที่เป็นสถานที่กักกันของรัฐ แต่ก็ขึ้นอยู่กับเกณฑ์การกักตัว 10-14 วัน
ขอหยุดยาวการ์ดอย่าตก
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามสื่อมวลชนหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ถึงการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยววันที่ 1 พ.ย. นำร่องจาก 10 ประเทศกลุ่มเสี่ยงต่ำโดยไม่ต้องกักตัวว่า นายกฯชี้แจงว่ายังพอมีเวลาในการเตรียมการ ช่วงนี้ขอให้ประชาชน ภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการ และฝ่ายที่เกี่ยวข้องการ์ดอย่าตก อย่าฝ่าฝืนมาตรการ เพราะอาจทำให้สถานการณ์ระบาดรุนแรงอีกครั้ง ทั้งนี้ช่วงก่อนเข้าสู่วาระการประชุม ครม.นายกฯฝากเตือนประชาชนในสัปดาห์หน้าจะมีวันหยุดยาว 4 วันต่อเนื่อง ให้ช่วยกันดูแลป้องกันตนเองตามมาตรการสุขอนามัยด้วย
รับแอสตราฯเกาหลี 4.7 แสนโดส
เมื่อเวลา 14.10 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบรับการสนับสนุนวัคซีนป้องกันโควิด-19 แอสตราเซเนกา จากสาธารณรัฐเกาหลี 470,000 โดส โดยวัตถุประสงค์เน้นฉีดแก่บุคคลสัญชาติเกาหลีที่อาศัยอยู่ในไทยก่อน การรับบริจาควัคซีนเป็นหนึ่งในแนวทางแผนการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม เพื่อเร่งฉีดวัคซีนในประเทศอย่างครอบคลุม และสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์จากนานาประเทศ
“จุรินทร์” หนุนติดเครื่องเพิ่มจีดีพี
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชา ธิปัตย์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ว่าเห็นด้วยกับการเปิดประเทศ วันที่ 1 พ.ย. เราต้องนำเศรษฐกิจฝ่าวิกฤติโควิดไปให้ได้ ต้องยอมรับความจริงว่า 2 เครื่องยนต์หลักที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจคือการส่งออกกับการท่องเที่ยว เมื่อประสบปัญหาโควิด เราเหลือแค่เครื่องยนต์สำคัญคือการส่งออก การท่องเที่ยวหายไปมาก ก่อนเกิดโควิดการท่องเที่ยวคิดเป็น 11% ของจีดีพี วันนี้เหลือ 1% กว่าๆ ขณะที่การส่งออก 45% ของจีดีพีเพิ่มไปเป็น 51% แต่ถ้าเราเปิดประเทศและเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศมากขึ้น มีเงื่อนไขดูแลโควิดควบคู่ไปด้วย จะช่วยให้จีดีพีไทยเพิ่มขึ้นได้ คือมีการท่องเที่ยว การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจต้องทำควบคู่กันไป รัฐบาลมีหน้าที่ต้องแก้ทั้ง 2 ข้อเป็นโจทย์ทับซ้อนกันอยู่
พท.ฉะแผนเลื่อนลอยเสี่ยงตาย
ที่พรรคเพื่อไทย นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานด้านต่างประเทศพรรคเพื่อไทย แถลงกรณีนายกรัฐมนตรี ประกาศเปิดประเทศว่า พรรคเพื่อไทยไม่ปฏิเสธการเปิดประเทศ แต่ปฏิเสธการตั้งเป้าหมายแบบเลื่อนลอย ไร้การดำเนินการรองรับ สาระสำคัญคือจะเปิดอย่างไร และเตรียมพร้อมอย่างไร หากมองความพร้อม สิ่งที่เจอคือความไม่พร้อม เช่น ภูมิคุ้มกันหมู่ที่ห่างไกลความจริง จังหวัดที่ตั้งเป้าเปิดรับนักท่องเที่ยวยังเป็นจุดศูนย์กลางการติดเชื้อ ระบบสาธารณสุขยังคาบเส้นศักยภาพของระบบ ต่างชาติไม่เชื่อมั่น สหรัฐฯจัดไทยเป็นประเทศสีแดง มีความเสี่ยงสูงสุด แนะนำให้หลีกเลี่ยงการเดินทาง อียูปลดไทยออกจากประเทศปลอดภัย เมื่อตลาดจีน ญี่ปุ่นยังปิด ตลาดยุโรป สหรัฐฯให้เลี่ยงเดินทางมา จึงมองไม่เห็นว่านักท่องเที่ยวจะมาจากไหน เพราะรัฐบาลบริหารล้มเหลว ทำให้ประเทศต้องเปิดท่ามกลางความเสี่ยงสูง เปิดก็เสี่ยงตาย ไม่เปิดก็อดตาย
เปิดเมืองแล้วติดเชื้อมั่นใจเอาอยู่
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์หนึ่งในโครงการนำร่องที่เราเปิดประเทศ จากข้อมูลที่ประเมินนักท่องเที่ยวที่เข้ามา น้อยมากที่จะนำเชื้อเข้ามา นโยบายนายกฯ ที่ให้เปิด 1 พ.ย. สอดคล้องกับทั่วโลกที่เปิดประเทศเช่นกัน สิ่งที่เราทำคือเตรียมสถานที่ให้พร้อม คนที่เข้ามาต้องเตรียมพร้อม และเตรียมคนในประเทศให้พร้อม การเปิดประเทศคนเข้ามาเยอะ มีกิจกรรมมากขึ้น อาจมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่สิ่งที่เราสามารถทำและมั่นใจได้ว่า จะทำให้คนที่อาการหนัก ป่วยจนเสียชีวิตมีน้อยที่สุดในประเทศไทย เพื่อให้กระบวนการทางสังคม เศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ประชาชนเป็นไปได้ปกติมากที่สุด อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้ามาไม่ได้ปล่อยให้อิสระเสรี เรามีระบบพื้นที่เฝ้าระวัง เมื่อไหร่เกิดเคสต้องมีการสอบสวนโรค พยายามคุมให้ได้ ส่วนเกณฑ์พิจารณาโซนประเทศที่เข้ามาก็ดูตัวอย่างประเทศที่ทำแล้ว เช่น สิงคโปร์ ยุโรป อเมริกา รวมกับเกณฑ์ของเรา และให้คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญพิจารณาก่อนเสนอ สธ. ศบค.ชุดเล็ก ศบค.ชุดใหญ่ ในที่สุด คาดว่าจะเห็นชอบก่อนมีเวลาเตรียมพร้อม 1-2 สัปดาห์ หลังเปิด 1 พ.ย. ก็มีการประเมินตลอดเวลา
ผู้ประกอบการผวาระบาดใหม่
นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลายประเทศประสบความสำเร็จใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิด เช่น เดนมาร์ก สิงคโปร์ ชิลี แต่ข้อแตกต่างของมาตรการรองรับประเทศเหล่านี้กับไทยคือ เปิดประเทศหลังจากประชาชนได้รับวัคซีน 70% แล้วทั้งสิ้น ไทยนำร่องเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ วันที่ 1 ก.ค. ขณะที่ประชาชนได้รับวัคซีนครบโดสเพียง 56% หลายจังหวัดที่จะเปิดวันที่ 1 พ.ย.ยังไม่มีจังหวัดใดมีประชาชนได้รับวัคซีนครบโดสถึง 70% แสดงถึงการบริหารจัดการฉีดวัคซีนไร้ประสิทธิภาพ จากการพูดคุยกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวกังวลการเปิดประเทศ เพราะรัฐบาลไม่มีมาตรการคู่ขนานชัดเจน อาจนำไปสู่การระบาดระลอกใหม่
เคาะฉีดเข็ม 2 นร.ชาย 20 ต.ค.
เวลา 13.30 น.ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า การฉีดวัคซีนสะสมถึงวันที่ 11 ต.ค.อยู่ที่ 61,033,251 โดส เป็นเข็ม 1 จำนวน 35,462,170 โดส คิดเป็น 49.2% กำลังจะถึง 50% ของประชากร เข็มที่ 2 จำนวน 23,796,497 โดส คิดเป็น 33% และเข็ม 3 จำนวน 1,774,584 โดส คิดเป็น 2.5% การฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในนักเรียนฉีดไป 499,046 โดส คิดเป็น 11.1% ยังไม่พบรายงานอาการไม่พึงประสงค์ที่น่ากังวล ส่วนการฉีดเข็ม 2 ในกลุ่มนักเรียนชาย คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคด้วยวัคซีนจะประชุมตัดสินวันที่ 20 ต.ค.นี้ โดยจะพิจารณาข้อมูลที่มีการรายงานการฉีดเข็ม 1 ในเด็กชาย ข้อสรุปต้องออกมาก่อนวันนัดฉีดเข็ม 2 แน่นอน
ชวนฉีดวัคซีนรองรับเปิดท่องเที่ยว
นพ.เฉวตสรรกล่าวอีกว่า ส่วนการเปิดประเทศที่นายกรัฐมนตรีแถลงนั้น การเปิดท่องเที่ยวมีมาตรการ ต่างๆในการกำหนดประเทศที่เดินทางเข้ามาต้องมีความเสี่ยงต่ำ รวมถึงการกำหนดเรื่องหลักฐานการฉีดวัคซีน มาตรการพื้นที่ที่ต้องฉีดวัคซีนในเปอร์เซ็นต์ที่สูง โดยภาพรวมเข็มที่ 1 อยู่ที่ 70% ซึ่งในส่วนกรุงเทพฯ มีตัวเลขสูงเกินกว่าฐานในทะเบียนประชากร อยู่ที่ 102.8% ภูเก็ตฉีดไป 80% สมุทรปราการ 68.8% แต่ก็มีหลายจังหวัดฉีดต่ำกว่า 50% ทั้งอุดรธานี 38.1% หนองคาย 38.8% เลย 37.3% แต่ไม่ต้องกังวล เพราะพื้นที่เหล่านี้มุ่งเน้นเตรียมความพร้อม จึงเชิญชวนประชาชนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวฉีดวัคซีน ในกลุ่ม 608 ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการป่วยหนัก เสียชีวิต ก็อยาก ให้ฉีดครอบคลุมถึง 80% ภาพรวมครอบคลุมแล้ว 72.3% ซึ่งยังมีพื้นที่ที่ฉีดต่ำกว่า 50% อยู่ แต่เชื่อว่าจากนี้จะเร่งรัดการฉีดไปถึงเป้าหมายได้ ส่วนการฉีดวัคซีนใน 4 จังหวัดภาคใต้ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา ภาพรวมฉีดเข็มที่ 1 ไปแล้วกว่า 1.5 ล้านโดส จากฐานประชากรประมาณ 3.5 ล้านคน คิดเป็น 42.4% ส่วนข้อมูลกลุ่ม 60 ปีขึ้นไปฉีดครอบคลุม 58% ขณะที่กลุ่มที่มีโรคประจำตัวฉีดได้ 51%
รอสูตรไขว้ตามด้วยไฟเซอร์
เมื่อถามถึงสูตรไขว้ ซิโนแวค ตามด้วยแอสตรา เซเนกา เมื่อมีวัคซีนจำนวนมาก ซิโนแวคยังจำเป็นต้องใช้อีกหรือไม่นั้น นพ.เฉวตสรรกล่าวว่า การฉีดซิโนแวคเป็นเข็มที่ 1 และกระตุ้นด้วยแอสตราฯ เข็ม 2 เพราะกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูง และในเวลารวดเร็ว การฉีดที่ยังมีซิโนแวค ยังใช้สูตรนี้เป็นหลักอยู่ ส่วนจำเป็นต้องกระตุ้นอีกหรือไม่ โดยหลักหากเวลาผ่านไป 3-6 เดือนภูมิอาจค่อยลดลง จะมีการพิจารณาอีกครั้ง ปัจจุบันยังไม่ถึงเวลากระตุ้น แต่ไม่ว่าจะฉีดสูตรไหนยังคงต้องยกการ์ดให้สูง สำหรับสูตรไขว้แอสตราฯ ตามด้วยไฟเซอร์ คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคด้วยวัคซีน จะพิจารณาสูตรที่เป็นไปได้ตามหลักทางวิชาการ ความเหมาะสมในการบริหารจัดการให้เกิดภูมิคุ้มกัน การส่งมอบวัคซีน และให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศสูงสุด และเสนอต่อ ศบค.ประกาศเป็นทางการ ขอย้ำว่า เวลามีหลายสูตร ทุกประเทศปฏิบัติเหมือนกัน ในทางสาธารณสุข ทางการจะกำหนดสูตรฉีดวัคซีนเป็นหลัก ไม่ได้ให้ประชาชนเลือกสูตรเอง เว้นกรณีจำเป็นก็จะมีสูตรที่สามารถใช้ได้ ขอให้มั่นใจทุกสูตรสามารถใช้ได้ และไม่ควรรอ เพราะสถานการณ์บางที การรออาจจะเกิดสายพันธุ์ที่แตกต่างจนมีความรุนแรง และอาจจะเสียประโยชน์ได้
ยะลาตาย 6 มี ด.ญ. 3 เดือนด้วย
ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ที่ จ.ยะลา ยังคงพบผู้ติดเชื้อยอดสูงอย่างต่อเนื่อง วันที่ 12 ต.ค. มีจำนวน 493 ราย ติดท็อปเทนที่ 4 ส่วน จ.ปัตตานี ขึ้นที่ 2 แทน ด้วยจำนวน 566 ราย ภาคใต้ติดด้วยกัน 6 จังหวัด ที่ 5 จ.นราธิวาส 473 ราย ที่ 6 จ.สงขลา 467 ราย ที่ 8 จ.นครศรีธรรมราช 366 ราย และที่ 10 จ.สุราษฎร์ธานี 214 ราย จ.ยะลา พบใน อ.เมือง 117 ราย อ.บันนังสตา 103 ราย อ.เบตง 100 ราย อ.รามัน 45 ราย อ.ธารโต 28 ราย อ.กรงปินัง 24 ราย อ.ยะหา 14 ราย และ อ.กาบัง 2 ราย ยอดรายวันสูงเนื่องมาจากการตรวจเชิงรุก ส่วนผู้เสียชีวิตมีจำนวน 6 ราย เป็นชายวัย 43, 68 ปี อ.รามัน 56 ปี และ ด.ญ. 3 เดือน อ.เมือง หญิง 68 ปี ชาย 79 ปี อ.ธารโต ขณะที่ นพ.อินทร์ จันแดง ผอ.รพ.ศูนย์ยะลา ได้จัดบุคลากร ร่วมกับสาธารณสุขจังหวัด ออกตรวจประชาชนย่านตลาดประชาชื่น ถนนผังเมือง 4 เขตเทศบาลนครยะลา ค้นหาผู้ติดเชื้อ เพื่อนำเข้าดำเนินการโดยเร็วที่สุด โดยได้นำชุดตรวจ ATK ทำการตรวจประชาชนผู้สัมผัสเสี่ยงภายในตลาด และรอบๆ ตลาด กว่า 200 คน ขณะเดียวกันยังบริการฉีดวัคซีนให้กับผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนควบคู่กันไป
พยาบาลติดเชื้อ 30 คน
ขณะที่ จ.ปัตตานี สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ยังคงสูงเกิน 400-500 คนต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2 หลังถูกกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดสีแดงเข้ม พื้นที่เคอร์ฟิว ห้ามผ่านเข้าออกจังหวัด ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ต.ค.พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มถึง 423 ราย มีผู้เสียชีวิตจากติดเชื้อโควิด 4 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 27,115 ราย ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ที่โรงพยาบาลปัตตานีขณะนี้ ต้องรับสมัครบุคลากรและ อสม.มาช่วยงานในโรงพยาบาลเร่งด่วน เนื่องจากล่าสุดมีพยาบาลประจำ รพ.ติดโควิดเพิ่มอีก 30 คน ทำให้บุคลากรขาดแคลนอย่างมาก แพทย์ต้องทำงานอย่างหนักเพิ่มขึ้นไปอีก
ตลาดเมืองใหม่ลามไม่หยุด
ที่ จ.เชียงใหม่ สถานการณ์ยังไม่มีแนวโน้มดีขึ้น โดยเฉพาะคลัสเตอร์ตลาดเมืองใหม่ อ.เมืองเชียงใหม่ ที่ล่าสุดพบผู้ป่วยติดเชื้อสะสมแล้ว 460 ราย ส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าแม่ค้าและคนงานเข็นผัก ขณะที่คำสั่งปิดพื้นที่ตลาดเมืองใหม่ที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสั่งขยายเวลาปิดเพิ่มอีก 11 วัน จากเดิม 9-11 ต.ค. เพิ่มเป็น 12-22 ต.ค. ทำให้พ่อค้าแม่ค้าในตลาดได้รับความเดือดร้อน โดยส่วนใหญ่บ่นว่ามีการแจ้งปิดพื้นที่เพิ่มเติมเมื่อช่วงเย็นวันที่ 11 ต.ค. เป็นการแจ้งอย่างกะทันหัน ขณะที่ร้านค้าส่วนใหญ่เข้าใจว่าจะเปิดบริการได้ในวันนี้ มีการสั่งสินค้ามาจำนวนมาก
พบคลัสเตอร์เขื่อนอุบลรัตน์
นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จ.ขอนแก่น วาระเร่งด่วน มีมติในการพิจารณาเปิด รพ.สนามแห่งที่ 2 พุทธมณฑลอีสาน และ รพ.สนามแห่งที่ 3 สำนักงานเกษตรท่าพระ อ.เมืองขอนแก่น หลังพบผู้ป่วยรายใหม่ยืนยันติดเชื้อโควิด-19 มากถึงกว่า 300 ราย ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาจากการสอบสวนโรคพบว่า มีคลัสเตอร์ภายในจังหวัดเกิดขึ้นใหม่ ทางจังหวัดต้องมีการปรับแผนการดำเนินงานรองรับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ขณะที่คลัสเตอร์ใหม่ที่พบนั้น คือคลัสเตอร์จับปลาบริเวณหน้าเขื่อนอุบลรัตน์ ที่พบว่าขณะนี้มีผลตรวจ ATK เป็นบวกแล้ว 5 ราย, คลัสเตอร์ในเขต ต.ศิลา, ต.บ้านทุ่ม และกลุ่มโรงงาน ที่ทุกจุดคณะทำงานจะลงพื้นที่ตรวจคัดกรองเชิงรุกอย่างเร่งด่วนเพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อ