ภารกิจนี้ยังไม่จบ!! “ก้าวไกล” เปิดโรดแมป ฝ่า 2 สมรภูมิ รวบรวมเสียง ส.ว.-ปิดสวิตซ์ ม.272 เพื่อตั้งรัฐบาลประชาชน

ภารกิจนี้ยังไม่จบ! ก้าวไกลเปิดโรดแมป ฝ่า 2 สมรภูมิ รวบรวมเสียง ส.ว.  ปิดสวิตซ์ ม.272 ทำทุกทางเพื่อตั้งรัฐบาลประชาชน แต่หาก 19 ก.ค.นี้พ่ายแพ้ พร้อมเปิดทางเพื่อไทย

วันนี้ (15 ก.ค. 66) ทวิตเตอร์ พรรคก้าวไกล – Move Forward Party  เปิดโรดแมปก้าวไกล แคมเปญใน 2 สมรภูมิเพื่อตั้งรัฐบาลของประชาชน

หลังจากการโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งแรก เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ได้รับคะแนน 324 เสียงจากสมาชิกรัฐสภา ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลตามความคาดหวังของประชาชน

พรรคก้าวไกลถือว่าภารกิจนี้ยังไม่จบ เราจะพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ โดยจะมีการขับเคลื่อนใน 2 สมรภูมิ ดังนี้

1.การโหวตนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะมีขึ้นอีกครั้งในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้

2.การยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยกเลิกมาตรา 272 ตัดอำนาจโหวตนายกของ ส.ว. ถาวร ตลอดไป

ในสมรภูมิแรก เราจำเป็นต้องได้เสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาเพิ่มเติมจาก 8 พรรคเดิมไม่น้อยกว่า 65 เสียง ในขณะที่ในสมรภูมิที่ 2 เราต้องการเสียง ส.ว. 84 เสียง เพื่อแก้รัฐธรรมนูญได้สำเร็จ

แม้ทั้งสองหนทางจะเป็นไปได้ยาก แต่เราเชื่อว่าหากประชาชนทุกคนร่วมกันปฏิบัติภารกิจ “ชวน ส.ว. ยืนข้างประชาชน” การเปลี่ยนใจ ส.ว. ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

การเปลี่ยนใจ ส.ว. มี 2 รูปแบบ คือ

1.การชวนให้ ส.ว. มาโหวตนายกตามเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎร รักษาหลักการประชาธิปไตย ที่ต้องรับฟังเสียงที่ประชาชนแสดงออกผ่านการเลือกตั้ง แต่แน่นอนว่า ส.ว. จำนวนมาก ไม่สบายใจที่จะโหวตให้กับพรรคก้าวไกล เพราะฉะนั้น มีอีกทางเลือกที่ยังรักษาหลักการที่ว่า ส.ว. ซึ่งมาจากการแต่งตั้ง ไม่ควรมีสิทธิ์โหวตนายกรัฐมนตรี คือ

2.การเชิญชวนให้ ส.ว. โหวตยกเลิกมาตรา 272 ปิดสวิตช์ตัวเองในการใช้อำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีอย่างถาวร ซึ่งในช่วงไม่กี่วันมานี้ ก็มี ส.ว. จำนวนไม่น้อย เช่นเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์, พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ และวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ที่ระบุว่าตนเองงดออกเสียงเพราะต้องการยึดหลักการ ส.ว. ไม่มีสิทธิ์โหวตนายกฯ และก่อนหน้านี้ ก็มี ส.ว. ที่เคยโหวตเห็นด้วยกับการยกเลิกมาตรา 272 มากถึง 63 คน

การต่อสู้ในทั้ง 2 สมรภูมินี้ เราต้องการความร่วมมือร่วมใจจากพี่น้องประชาชนทุกคน แม้ว่าท่านจะเคยโหวตให้เราหรือไม่ เพราะนี่ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อให้พิธาเป็นนายกฯ หรือให้ก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล แต่คือการต่อสู้เพื่อยืนยันว่าการเลือกตั้งต้องมีความหมาย เสียงของประชาชนต้องเป็นเสียงที่กำหนดอนาคตของประเทศ

หากเราพ่ายแพ้ในทั้งสองสมรภูมินี้ ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ พรรคก้าวไกลยินดีเปิดโอกาสให้พรรคที่ได้คะแนนอันดับสอง ได้แก่พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลของพรรคร่วม 8 พรรค โดยผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกลทุกคนจะสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยภายใต้เงื่อนไขตาม MOU เดิม

แต่กว่าจะถึงวันนั้น เราจะทำทุกวิถีทางเพื่อจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ พรรคก้าวไกลเพียงพรรคเดียวไม่อาจเปลี่ยนใจ ส.ว. และนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลของประชาชนได้จริง จึงต้องขอแรงพลังจากทุกท่านร่วมทำภารกิจเพื่อให้เราสามารถจัดตั้งรัฐบาลของประชาชนให้สำเร็จ

อนาคตของพรรคก้าวไกลในการจัดตั้งรัฐบาลอยู่ในมือของพวกท่านทุกคนแล้ว

มาช่วยกันส่งสารเพื่อเปลี่ยนใจ ส.ว.