นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (3 ส.ค.) ว่าพรรคก้าวไกลติดหนี้บุญคุณแค่กับประชาชนเท่านั้น และการที่พรรคก้าวไกลยอมถอยให้มากจนมีแนวโน้มว่าจะไม่ได้เป็นรัฐบาลทั้งที่ชนะการเลือกตั้งก็ถือว่าเป็นบุญคุณมหาศาลเช่นกัน
“การทำหน้าที่ สส. ไม่ใช่เป็นเรื่องบุญคุณกับพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่ถ้าจะมาเรียกร้องเรื่องบุญคุณ การที่เรายอมมาหลายครั้งบุญคุณนับว่ามหาศาล ยอมแล้ว ยอมอีก แล้วจะยอมต่อไป มูลค่ามันมหาศาลมาก ซึ่งไม่ใช่เรื่องบุญคุณ แต่เป็นเรื่องของการทำหน้าที่ และเรามีหนี้บุญคุณต่อประชาชนที่เลือกเรามา” นายรังสิมันต์ กล่าว
การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจาก พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวเรียกร้องให้พรรคก้าวไกลยกมือโหวตให้นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย โดยอ้างว่าการที่พรรคเพื่อไทยยกมือให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรี และนายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส. จ.พิษณุโลก พรรคก้าวไกลเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น เป็นบุญคุณที่พรรคก้าวไกลติดค้างพรรคเพื่อไทย
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันพุธ (2 ส.ค.) พรรคเพื่อไทยขอยุติบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ที่ทำกับอีก 7 พรรคในการตั้งรัฐบาล ที่มีพรรคก้าวไกลและพรรคเสรีรวมไทยรวมอยู่ด้วย เพื่อจัดตั้งรัฐบาลด้วยตัวเองโดยไม่มีพรรคก้าวไกล
นายรังสิมันต์กล่าวอีกว่า การที่ตนมายืนอยู่ตรงนี้ได้ ประชาชน 14 ล้านคนน่าจะมีบุญคุณกับตนมากที่สุด