นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังเดินทางมายื่นเรื่องต่ออธิบดีกรมสรรพากร เพื่อให้ตรวจสอบนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับการทำนิติกรรมอำพรางการซื้อที่ดินย่านสารสิน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แสนสิริ
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ให้สัมภาษณ์ เปิดเผยถึงอาการป่วยโรคมะเร็งว่า ตนขอใช้ชีวิตในช่วงสุดท้ายต่างจากคนอื่น เพราะกินเหล้า สูบบุหรี่ และการที่ออกมาแฉ ออกมาพูด เนื่องจากคนอื่นไม่กล้า ยืนยันว่าทำด้วยความเต็มใจและทำทุกอย่างด้วยความสุข
แน่นอนว่าลูกเมียและเพื่อนฝูงอยากให้อยู่แบบสงบ ไปพักผ่อน ซึ่งหมอก็ได้เตือนแล้วพฤติกรรมการกินเหล้า สูบบุหรี่ และทํางานหนัก นั้นอย่าทํา ตนจึงถามหมอกลับไปว่า หากเลิกทําแล้วจะหายหรือไม่ แน่นอนหมอตอบว่า “ไม่” ดังนั้นตนจึงขอเลือกทําดีกว่า เพราะทําแล้วมีความสุข จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง
นายชูวิทย์ กล่าวต่ออีกว่า ตนเองไม่เลือกวิถีชีวิตที่ต้องกินตามหมอสั่ง เพราะกินแล้วก็ไม่หาย ซึ่งเหมือนว่าถ้ามันไม่หายก็ซ้ำไปเลยให้มีความสุข ในวันนี้เราต้องมีความสุข ฉะนั้นตนจึงอยากจะบอกกับทุกคนว่า “ไวน์ขวดละ 3 แสน มึงรีบเปิดกินเลยนะ กินซะตั้งแต่วันนี้ เพราะกูไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะได้กินหรือเปล่า” นั้นคือการนิยามการใช้ชีวิตของตนเอง บางคนก็อาจจะไม่ได้ใช้ ดังนั้นชีวิตใครชีวิตมัน เมื่อตนเลือกวิถีทางนี้แล้ว มันเป็นวิถีทาง ปลายทางของตน ซึ่งตนเป็นคนใช้ชีวิตแบบนี้ “เลือกเอาความสุขในวาระสุดท้าย”
นายชูวิทย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “หมอบอกกับผมว่ามีเวลาเหลือ 8 เดือน เพราะฉะนั้นคุณต้องดีใจนะ คุณอาจจะคิดถึงผมในวันที่ผมไม่อยู่ คุณอาจจะรู้สึกว่ามันขาดอะไรไป แต่วันรุ่งขึ้นทุกอย่างก็เหมือนเดิม มันไม่มีอะไรเปลี่ยน นี้ยังดีนะที่ผมมาคุยกับคุณ ดีกว่าบางคนด้วยซ้ำที่เปิดมาอัมพาต จำอะไรไม่ได้ ผมยังมีโอกาสได้ร่ำลา อย่าไปคิดมาก เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา ผมไม่กลัว คุณถึงกลัวผมไง เพราะหวังว่าจะใหญ่จะโต จะได้ตำแหน่ง แต่ผมเห็นว่าไม่เหมาะสม ก็เลยนำเรื่องนี้มาพูดให้พวกคุณ และให้สังคมได้ฟัง ให้ได้พิจารณา”