โรงแรมย้าย ‘ครูกายแก้ว’ ไม่ได้ สัญญาเช่า 20 ปี ทุ่มเงิน 60 ล้านสร้างโดมครอบแทน ลดกระแสความไม่สบายใจของสังคม
จากกรณีรูปปั้นครูกายแก้วที่ถูกนำมาตั้งไว้บริเวณโรงแรมเดอะบาซาร์ โฮเทล แบงค็อก จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของหลายฝ่าย สู่การตั้งคำถามของสังคมว่าสมควรย้ายรูปปั้น ‘ครูกายแก้ว’ หรือไม่
ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 28 ส.ค.66 ที่ห้องรัชโยธินแกรนด์ ชั้น 20 โรงแรมเดอะ บาซาร์ โฮเทล แบงค็อก นายชาลี นพวงศ์ ณ อยุธยา เลขานุการประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วยนายสิทธิชัย หอมศิริวรรณ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย แถลงกรณีรูปปั้นครูกายแก้ว ที่ตั้งบริเวณโรงแรม เดอะ บาซาร์ โฮเทล แบงค็อก ประเด็น “รูปปั้นครูกายแก้ว อยู่ หรือไป”
นายชาลี นพวงศ์ ณ อยุธยา เลขานุการประธานกรรมการบริหาร กล่าวว่า ขอขอบคุณสภาศิลปินส่งเสริมพระพุทธศาสนา โดยดร.ศุภาชัย คณะราษฎรไทยแห่งชาติ รวมถึงคณะราษฎรไทยแห่งชาติ องค์กรตามรัฐธรรมนูญตามมาตรา 42 โดยคุณพลภาขุน เศรษฐญาบดี โดยทั้ง 2 หน่วยงานส่งหนังสือถึงทางโรงแรมว่า บัดนี้มีความเข้าใจแล้วว่า ‘รูปปั้นครูกายแก้ว’ ไม่กระทบต่อความเชื่อต่อทางพระพุทธศาสนา แต่เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ทั้งนี้ ทางหน่วยงานยินดีให้ความร่วมมือกับโรงแรงในภายภาคหน้าต่อไป
ขณะที่ประเด็นเรื่องการวางรูปปั้นครูกายแก้ว จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องของความเชื่อทางศาสนานั้น นายชาลี กล่าวว่า แยกออกเป็น 2 ประเด็น ประเด็นแรก ทางโรงแรมได้เช่าที่ดินของการรถไฟทั้งหมด โดยมีวัตถุประสงค์ในการเช่ามาทำธุรกิจการให้บริการในด้านการโรงแรม และส่วนอื่นๆ ตามไปด้วย ดังนั้นโรงแรมได้แบ่งพื้นที่ให้บริษัทของครูกายแก้ว โดยมีอาจารย์หน่อยเป็นผู้เช่า ทางโรงแรมแบ่งพื้นที่ด้านหน้าที่จะเห็นว่ามีรูปปั้นต่างๆ ซึ่งพื้นที่หน้าโรงแรมทั้งหมด ทางโรงแรมมอบให้ผู้เช่าไป เป็นสัญญาระยะเวลา 20 ปี ปีละ 2,400,000 บาท เพื่อให้อาจารย์หน่อยช่วยปรับฮวงจุ้ยของโรงแรมให้ดีขึ้น และระบุในสัญญาชัดเจนว่าต้องไม่ให้เกิดความเสื่อมเสียกับโรงแรม ไม่มีผลกระทบต่อสังคม แต่ไม่ได้ทราบว่าจะนำรูปปั้นของครูกายแก้วมาวาง แต่ถือเป็นสิทธิของผู้เช่า เพราะทางผู้เช่าต้องการจะทำธุรกิจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งโรงแรมก็ไม่ได้ขัดอะไร เพราะรูปปั้นครูกายแก้วช่วยทำให้โรงแรมกลายเป็นที่รู้จัก โด่งดังมากขนาดนี้ และถือว่าเป็นการสร้างกระแสในทางบวกให้กับโรงแรมด้วยซ้ำ เพราะมีลูกค้าและมีการจองโรงแรมมากขึ้น
เบื้องต้นโรงแรมหารือกับ กทม.ว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร และได้ข้อสรุปว่าการตั้งรูปปั้นครูกายแก้วนั้น ไม่ได้มีความผิด แต่เพื่อความสะบายใจของประชาชน จึงมีการขอให้ปกปิด โดยการสร้างประติมากรรมส่วนครอบ งบประมาณ 60 ล้านบาท ซึ่งผู้เช่าช่วงสถานที่จะเป็นคนออกค่าใช้จ่าย แต่นายชาญ ตุลยาพิศิษฐ์ชัย หุ้นส่วนที่ถือหุ้นประมาณ 20 % จะช่วย 20 ล้านบาท คาดใช้ระยะเวลาในการสร้าง 2 เดือน เพื่อลดกระแสความไม่สบายใจ และให้หันมาสนใจประติมากรรมครอบแทน ซึ่งออกแบบโดยสถาปัตยกรรม จะมีรูปทรงคล้ายโดมของสนามบินสุวรรณภูมิ ส่วนในอนาคตหลังหมดสัญญาจะมีการย้ายรูปปั้นครูกายแก้วออกหรือไม่ คงต้องรอดู แต่คาดว่าคงไม่ย้าย เพราะตอนนี้ก็มีถือว่าเป็นเรื่องที่ดี