ลูกช้างป่าจากเขาอ่างฤาใน ถูกรถชนเจ็บกลางถนน ก่อนถูกเก๋งที่ขับตามมามองไม่เห็นชนซ้ำจนตาย และยังไปชนรถยนต์อีก 2 คัน ขณะที่รถคันต้นเรื่องหลบหนีไปจากที่เกิดเหตุ
เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่18 ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา ร.ต.ท.กิตติพงษ์ สีหบุตร์ รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.ระเบาะไผ่ รับแจ้งจากหน่วยกู้ภัยว่าได้เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนช้างตายบริเวณถนนสาย 359 เขาหินซ้อน-สระแก้ว บ้านอ่างตะแบก ม.8 ต.ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี หลังจากรับแจ้งพร้อมด้วย พล.ต.ต.วินัย นุชชา ผบก.ผวจ.ปราจีนบุรี พ.ต.อ.พงศ์อนันต์ รักษาชาติ ผกก.สภ.ระเบาะไผ่ นายเผด็จ ลายทอง ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมปราจีนบุรีพร้อมเจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่วข้องเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณถนนสายดังกล่าวบริเวณริมถนนใกล้ร่องกลาง พบลูกช้างป่าเพศผู้ อายุประมาณ 1-2 ปี นอนตายอยู่ 1 ตัวสภาพที่พบเป็นที่น่าสลด ตามลำตัวมีล่องรอยบาดแผลถลอก ไส้ทะลักออกมากองกับพื้น คาดว่าน่าจะถูกรถยนต์ชน และจากการตรวจสอบในป่าข้างทางริมถนนพบรถยนต์เก๋งยี่ห้อ โตโยต้า วีออส สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 2 กค.4946 กทม.สภาพด้านหน้ารถยุบพังยับเยิน ส่วนคนขับทราบว่าเป็ผู้หญิง ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำตัวส่ง รพ.ไปก่อนหน้าแล้ว นอกจากนั้นยังพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน กม.1459 ฉะเชิงเทรา โดยมีนายกฤษกร แน่นอน เป็นคนขับ สภาพท้ายรถด้านขวามีร่องรอยการเฉี่ยวชนจนไฟท้ายแตก ข้ามฝั่งไปบริเวณร่องกลางถนนยังพบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน รล 7692 กรุงเทพมหานคร สภาพด้านท้าย และด้านประตูฝั่งซ้ายมีร่องรอยการถูกเฉี่ยวชนจนได้รับความเสียหาย ซึ่งมีนายพูนชัย กิตตินุกุลศักดิ์ เป็นคนขับไม่ได้รับบาดเจ็บ สรุปการเกิดอุบัตเหตุครั้งนี้มีรถยนต์ได้รับความเสียหาย จำนวน 3 คัน
จากการสอบถามนายกฤษกร คนขับรถยนต์กระบะโตโยต้า สีขาว กล่าวว่าตนได้ขับรถกลับจากขายของที่โรจนะเพื่อจะกลับบ้าน ระหว่างทางตนได้ขับคู่กันมากับรถยนต์อีกคันโดยตนขับอยู่เลนส์ซ้าย รถยนต์อีกคันอยู่เลนส์ขวา พอมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ รถยนต์คันดังกล่าวได้ขับแซงรถของตนไปแล้วไปชนกับลูกช้าง ตนจึงได้จอดรถแล้วลงไปให้สัญญาณไฟกับรถคันอื่นๆ ว่ามีช้างถูกรถชนอยู่ตรงนี้ และได้มีรถยนต์กระบะเห็นสัญญาณไฟของตนแล้วได้ขับมาจอดท้ายรถของตน เพื่อมาช่วยตน และโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบว่ามีรถยนต์ชนช้างซึ่งระหว่างนั้นที่ตนกำลังให้สัญญาณไฟอยู่นั้น ได้มีรถยนต์เก๋งคาดว่าน่าจะไม่เห็ญสัญญาณไฟของตน ขับมาชนช้างซ้ำอีกที่ก่อนที่รถยนต์เก๋งจะเสียหลักชนรถยนต์กระบะอีซูซุ จากนั้นกระบะอีซุซุ ได้มาชนท้ายตนอีกที่
ด้านนาย พูนชัย กิตตินุกุลศักดิ์ คนขับกระบะ อีซุซุ กล่าวว่าตนขับรถกำลังจะกลับบ้านที่ จ.จันทบุรี พอมาถึงที่เกิดเหตุได้มีรถบรรทุกที่เห็นช้างถูกรถชนจอดอยู่หลังจากนั้นรถบรรทุกคันดังกล่าวก็ได้ขับออกไป ตนจึงจอดรถบริเวณข้างทางและมีรถอีก 5-6 คันจอดต่อๆกันที่ข้างทาง ตน ลงจากรถมาดูเลยได้โทรแจ้งไปยัง 191 ให้เจ้าหน้าที่เข้ามาดู ระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่นั้นน้องๆที่เขาได้จอดรถลงมาดูได้พากันให้สัญญาณไฟบอกให้ชะลอกันเพราะรถช่วงนั้นขับมากันเร็ว ขณะที่ตนกำลังโทรไปที่ 191 อีกครั้งนั้นได้มีรถยนต์เก๋งขับมาได้ชนช้างซ้ำเข้าไปเต็มบริเวณตัวช้าง
ทั้งนี้ พล.ต.ต.วินัย นุชชา ผบก.ผวจ.ปราจีนบุรี กล่าวว่าสรุปเหตุการณ์เชื่อได้ว่า ก่อนเกิดเหตุรถยนต์ชนช้าง และทำให้เกิดอุบัตเหตุซ้ำซ้อนรถยนต์ชนกัน 3 คันรวดนั้น น่าจะมีรถยนต์อีกคันที่ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุชนลูกช้างก่อน และหลบหนีไป หลังจากนั้นมีพลเมืองดีขับรถยนต์มาเห็นเหตุการณ์ ต่างพยามที่จะเปิดสัญญาณไฟ ไม่ให้ชนลูกช้างที่ได้รับบาดเจ็บอยู่กลางถนน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับรถยนต์เก๋งขับมามองไม่เห็นสัญญาณไฟ ชนซ้ำลูกช้างป่าจนเสียชีวิตดังกล่าว
สำหรับลูกช้างที่ถูกรถชนเสียชีวิต เป็นช้างที่มาจาก เขาอ่างฤาไน จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ข้ามทางเข้ามาหากินในพื้นที่อำเภอศรีมหาโพธิ ซึ่งตลอดมา มีทางเจ้าหน้าที่ชุดผลักดันช้าง ติดตามผลักดันตลอดเวลา ซึ่งช้าง เหล่านี้ มีเส้นทางการเดินออกหากิน ไม่ว่าจะเป็นเขตศรีมหาโพธิและกบินทร์บุรี ที่ที่เกิดขึ้นเราระมัดระวังกันอยู่แล้วทราบเส้นทางอยู่แล้ว ซึ่งได้รับความร่วมมือจากกรมทางหลวงได้ทำป้ายแจ้งเตือนมาติดไว้ตลอดเส้นทางระยะ 5 กม แต่ไม่มีประชาชนสนใจ โดยเฉพาะคนนอกพื้นที่ ไม่คิดว่าจะมีช้างป่าออกหากินบริเวณนี้จริง หลังจากนี้จะได้มีการจัดงบประมาณเพื่อขอติดตั้งไฟส่องแสงสว่างบริเวณดังกล่าวให้สว่างขึ้น สำหรับช้างโขลงนี้มีด้วยกัน 80-100ตัว และได้แยกโขลง ออกหากินตามพื้นที่ต่างๆ ส่วนของช้างโขลงนี้เป็นชุดนำหน้ามีด้วยกัน 40 กว่าตัว
ส่วนซากลูกช้างป่าที่ตายหลังจากนี้จะได้นำซากไปผ่าพิสจน์ที่ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่านครนายก ก่อนที่จะทำเรืองขอนำซากทำการฝังกลบต่อไป,