การ์ทเนอร์ (Gartner) เผย NFT, Physics-Informed AI และ Digital Humans เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีน่าจับตามองของปี 2021
ไบรอัน เบิร์ค รองประธานฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ ประเมิน NFT, Physics-Informed AI และ Digital Humans ถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีเกิดใหม่ของปี 2021
ในช่วงต้นปี 2021 ที่ผ่านมา บริษัทรับจัดประมูลชั้นนำอย่าง คริสตีส์ (Christie’s) ได้เปิดประมูลผลงานชิ้นเอกสองชิ้น ซึ่งการประมูลครั้งนี้เปิดรับสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) ด้วย พร้อมยังเสนอขายงานศิลปะที่สร้างสรรค์ด้วยดิจิทัลโดยใช้เทคโนโลยี Non-fungible token (NFT)
ผลงานของศิลปินดิจิทัล บีเพิล (Beeple) สามารถขายได้สูงกว่า 69 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 2,300 ล้านบาท) ซึ่งนี่เป็นส่วนหนึ่งของวิธีการสร้างรายได้แบบใหม่ และมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นระบบนิเวศดิจิทัลใหม่ทั้งหมด
เทคโนโลยี NFT ถือเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลบนบล็อกเชนที่มีความเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับทรัพย์สินในโลกความเป็นจริง เช่น ศิลปะดิจิทัล, ดนตรีดิจิทัล รวมถึงสินทรัพย์ต่างๆ ที่จับต้องได้และแปลงเป็นเหรียญโทเคน อาทิ บ้านหรือรถยนต์ ในกรณีของผลงานศิลปะ เทคโนโลยี NFT จะตรวจสอบที่มา ความเป็นเจ้าของ และการเข้าถึง ซึ่ง NFTs จะใช้บล็อกเชนสาธารณะที่ไม่สามารถแก้ไขหรือดัดแปลงได้ ในเดือนที่ผ่านมาตลาดนี้มีมูลค่าสูงมากกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือประมาณ 1 หมื่นล้านบาท)
ปัจจุบัน NFT เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีเกิดใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในวงจรการพัฒนาเทคโนโลยีเกิดใหม่ของการท์เนอร์ในปี 2021 ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีเทคโนโลยีสุดล้ำถึง 25 รายการที่จะส่งผลกระทบอย่างยิ่งใหญ่ต่อการทำธุรกิจและสังคมในช่วงสองถึงสิบปีข้างหน้านี้
นายไบรอัน เบิร์ค รองประธานฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์กล่าวต่อไปว่า มีเทคโนโลยีล้ำหน้าเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและเป็นความท้าทายแม้กระทั่งองค์กรที่เน้นนวัตกรรมเป็นหลัก ซึ่งการที่องค์กรต่างๆ มุ่งเน้นเรื่องการเปลี่ยนผ่านธุรกิจไปสู่ดิจิทัลหมายความว่าคุณต้องเร่งสปีดในการเปลี่ยนแปลงและก้าวข้ามผ่านเทคโนโลยีที่กำลังมาแรงเหล่านี้ด้วย
เทคโนโลยีต่างๆ ในปี 2021 ถูกคัดเลือกโดยพิจารณาถึงศักยภาพในการสร้างประโยชน์ต่อการเปลี่ยนแปลงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในวงกว้าง ภายใต้ 3 แกนหลัก ดังนี้
ความน่าเชื่อถือทางวิศวกรรม (Engineering trust)
ทีมไอทีในฐานะผู้นำการเปลี่ยนผ่านธุรกิจไปสู่ดิจิทัล พวกเขาจะต้องออกแบบและพัฒนาแกนหลักของธุรกิจให้เป็นที่มั่นใจให้ได้ ซึ่งต้องมีทั้งความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ และต้องสร้างขึ้นโดยยึดแนวทางปฏิบัติในด้านการทำงานที่สามารถทำซ้ำ พิสูจน์ ปรับขนาดได้ และมุ่งเน้นนวัตกรรม โดยแนวทางปฏิบัติเหล่านี้จะสร้างแกนหลักและรากฐานธุรกิจที่มีความยืดหยุ่นสำหรับไอทีเพื่อส่งมอบคุณค่าทางธุรกิจต่อไป
ตัวอย่างเช่น ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์แบบเรียลไทม์เป็นบริการหนึ่งที่ช่วยให้รับทราบสถานการณ์เกี่ยวกับองค์กรโดยรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน โดยทั่วไปแล้ว องค์กรด้านความปลอดภัยแบบสาธารณะจะมีวิธีการเก็บรวบรวมฐานข้อมูล เซนเซอร์ วิดีโอ และมีระบบสื่อสารของตนสำหรับสร้างเป็นศูนย์บัญชาการฉุกเฉิน
บริการนี้ยังช่วยลดความซับซ้อนของฟังก์ชันเรียลไทม์ของศูนย์บัญชาการ โดยเริ่มต้นมาจากการสร้างศูนย์เรียลไทม์ยุคใหม่เพื่อลดปัญหาด้านอาชญากรรม
อย่างไรก็ดี มีรูปแบบการนำไปใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น อาทิ นำไปใช้ในการจัดการไฟป่า ภัยธรรมชาติ กิจกรรมหรืองานพิเศษต่างๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งรับมือกับการแพร่ระบาด
ความท้าทายสำคัญของเทคโนโลยีนี้คือความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยข้อมูลทั้งหมด (อาทิ ข้อมูลพื้นฐาน วิทยุ IoT การแจ้งเตือนจำนวนมาก เครื่องอ่านป้ายทะเบียน และการติดตามตำแหน่งทางภูมิศาสตร์) มักเป็นของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง ถึงอย่างไรศูนย์บัญชาการเหตุการณ์แบบเรียลไทม์ที่เป็นบริการนี้ยังสามารถปรับปรุงและพัฒนาเพื่อรับมือกับเหตุฉุกเฉินได้
เทคโนโลยีอื่นที่อยู่ในธีม “ความน่าเชื่อถือทางวิศวกรรม” ได้แก่ Sovereign Cloud, Homomorphic Encryption และ Data Fabric
การเติบโตอย่างเร่งด่วน (Accelerating growth)
หากแกนหลักธุรกิจมีความน่าเชื่อถือแล้ว ผู้นำไอทีและซีไอโอต้องมุ่งเน้นที่ความคิดริเริ่มใหม่ๆ สำหรับใช้ขับเคลื่อนการเติบโตให้กับองค์กร นั่นคือการสร้างสมดุลระหว่างความเสี่ยงทางเทคโนโลยีกับความเสี่ยงทางธุรกิจ และต้องสร้างความมั่นใจได้ว่าเป้าหมายการเติบโตขององค์กรยังคงเป็นไปได้และจะบรรลุผลสำเร็จตามแผน
ลองพิจารณาถึง มนุษย์ดิจิทัล (Digital Humans) ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้คนในแบบดิจิทัล โดยเทคโนโลยีนี้มอบโอกาสให้กับบุคคลที่ได้รับใบอนุญาตและเปิดช่องทางหารายได้ใหม่ๆ พวกเขาสามารถเป็นอวาตาร์ หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ หรืออินเทอร์เฟซผู้ใช้ในกระดานการสนทนา อาทิ แชตบอตหรือลำโพงอัจฉริยะ ซึ่งการโต้ตอบในลักษณะนี้ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI โดยมีพฤติกรรมแบบเดียวกับมนุษย์ ซึ่งพัฒนามาจากเทคโนโลยีต่างๆ รวมถึง UI การสนทนา CGI และแอนิเมชัน 3 มิติแบบเรียลไทม์อัตโนมัติ
รูปแบบการใช้งานเกิดขึ้นมากมายสำหรับเทคโนโลยีฮิวแมนนอยด์ในการฝึกอบรมของฝ่ายบุคคล การสื่อสาร การดูแลทางการแพทย์ และการบริการลูกค้า โควิด-19 ผลักดันศักยภาพของเทคโนโลยีและเปิดประสบการณ์ไร้สัมผัส เพื่อต่อสู้กับความโดดเดี่ยวทางด้านสังคมและการดูแลผู้สูงอายุ
ทั้งนี้ มนุษย์ดิจิทัลได้ปรากฏตัวในภาพยนตร์สารคดี แสดงในงานประชุม และทำหน้าที่เป็นผู้มีอิทธิพลต่อแบรนด์ นอกเหนือจากเทคโนโลยีที่ยังพัฒนาไปไม่สุดแล้ว ยังมีอุปสรรคทางสังคมและความกังวลด้านจริยธรรมที่ฉุดรั้งและสร้างความท้าทายให้กับมนุษย์ดิจิทัล แต่ศักยภาพในการสร้างผลกระทบและความแตกต่างทางธุรกิจกำลังผลักดันให้บางองค์กรไล่ตามเทคโนโลยีนี้
เทคโนโลยีเกิดใหม่อื่นๆ ที่อยู่ภายใต้ธีม “การเติบโตอย่างเร่งด่วน” ได้แก่ Multi-experience, Industry Cloud และ Quantum ML
การเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปร่าง (Sculpting change)
การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ กุญแจสำคัญคือเราต้องตระหนักถึงการหยุดชะงักและนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อปรับแต่งและจัดการกับสิ่งใดก็ตามที่อาจก่อให้เกิดความปั่นป่วน โดยคุณต้องคาดการณ์และปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงเพื่อลดความเสี่ยง
ตัวอย่างเช่น เทคโนโลยี Physics-Informed AI (PIAI) คือ AI ที่ใช้สร้างแบบจำลองทางกายภาพและทางวิทยาศาสตร์ได้ โดย PIAI ได้รับความสนใจเป็นพิเศษในฐานะตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นสำหรับการสร้างแบบจำลองในระบบที่มีความซับซ้อน เช่น ปัญหาด้านสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม ซึ่งยากต่อการสร้างแบบจำลองเมื่อพิจารณาจากรายละเอียด
โมเดล AI ดิจิทัลแบบดั้งเดิมมีความสามารถในการปรับตัวที่จำกัด เนื่องจากไม่สามารถสรุปข้อมูลทั่วไปได้นอกเหนือจากข้อมูลที่ถูกป้อนและสอนมา PIAI สร้างรูปแบบการนำเสนอในบริบทของผลิตภัณฑ์ทางกายภาพที่เชื่อถือได้มากขึ้น โควิด-19 ชี้ให้เห็นถึงจุดอ่อนของโมเดลธุรกิจที่เปราะบาง แต่ PIAI สร้างรูปแบบการนำเสนอในบริบทและนำเงื่อนไขต่างๆ มาปรับใช้เพื่อช่วยให้ระบบทำงานได้ยืดหยุ่นมากขึ้น ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างระบบที่ปรับเปลี่ยนได้ นอกจากนี้ยังสามารถสร้างระบบจำลองการทำธุรกิจที่มีความแข็งแกร่งและปรับแต่งได้ โดยมีความน่าเชื่อถือสำหรับสถานการณ์ที่หลากหลายยิ่งขึ้น
เทคโนโลยีเกิดใหม่ในธีมนี้ ประกอบด้วย Composable Applications, Composable Networks และ Influence Engineering