ป.ป.ส.เร่งล่ามือโพสต์ขายยาเสพติดผ่านสื่อโซเชียล “กาแฟซอง 3,000” หลังเพจดังโพสต์เตือนผู้ปกครอง เผยตรวจสอบแล้วเป็นกาแฟผสม “ยาอี” นำไปบดผสม “ไฟว์ไฟว์” โวสรรพคุณเมากว่าเสพยาอีอย่างเดียว เลขาธิการ ป.ป.ส.แฉลักษณะใกล้เคียง “เคนมผง” ที่ฮิตกันเมื่อช่วงต้นปี เป็นการนำวัตถุออกฤทธิ์กลุ่มยานอนหลับ ไปบดเป็นผงผสมกับยาเสพติดบางชนิด มีฤทธิ์ร้ายแรงจนผู้เสพหลายรายเสียชีวิต ระบุรู้ตัวคนโพสต์แล้ว
ป.ป.ส.เร่งล่ามือโพสต์ขายยาเสพติดตัวใหม่ผ่านสื่อโซเชียล “กาแฟซอง 3,000” เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 2 พ.ย. นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กล่าวว่า กรณีเพจดัง drama-addict และหมอแล็บแพนด้า โพสต์เตือนผู้ปกครองเรื่องกาแฟผสมยาอีที่กำลังระบาดฮิตกันอยู่ในหมู่วัยรุ่น และ TikTok เป็นปัญหาน่ากังวล เพราะมีผู้โพสต์จำหน่ายยาเสพติดหลายประเภทผ่าน TikTok เฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ ล่าสุดเป็นการโพสต์จำหน่ายสิ่งที่เชื่อว่าเป็นยาเสพติด บรรจุอยู่ในซองกาแฟทรีอินวันยี่ห้อหนึ่งระบุข้อความว่า “กาแฟซอง 3,000” เป็นที่เข้าใจทั่วไปว่า วัตถุที่อยู่ในกาแฟซองคือยาเสพติด มีการตั้งราคาจำหน่ายซองละ 3,000 บาท
นายวิชัยกล่าวอีกว่า สั่งการให้สำนักปราบปรามยาเสพติดตรวจสอบแล้วพบว่า บัญชีผู้ใช้รายหนึ่ง โพสต์ขายยาเสพติดในข้อความดังกล่าวข้างต้น เมื่อวันที่ 27 ต.ค.64 อ้างว่า ในซองกาแฟเป็นยาอีผงบดผสมกับไฟว์ ไฟว์ (five-five) หรืออิริมินไฟว์ (Erimin 5) และยาเสพติดชนิดอื่นนำมาผสมรวมกัน จำหน่ายในราคาซองละ 3,000 บาท อ้างสรรพคุณจะให้ผลการออกฤทธิ์หรือมึนเมาได้มากกว่าเสพยาอีเพียงอย่างเดียว ส่วนการบรรจุด้วยซองกาแฟ เป็นวิธีปกปิดอำพรางทั่วไปของนักค้ายาเสพติด และเพื่อความสะดวกในการแบ่งหน่วยจำหน่าย ไม่ได้มีนัยสำคัญอะไร
เลขาธิการ ป.ป.ส.เผยต่ออีกว่า สำหรับยาไฟว์ ไฟว์ หรืออิริมินไฟว์ เป็นวัตถุออกฤทธิ์ในกลุ่มยากล่อมประสาท เป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 ตามพระราชบัญญัติออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2552 ออกฤทธิ์รุนแรง ต้องมีการควบคุมการใช้อย่างเข้มงวด ทั้งนี้ การจำหน่ายยาเสพติดในลักษณะดังกล่าว จะใกล้เคียงกับกรณีการค้า “ยาเคนมผง” ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ที่เคยเป็นข่าวโด่งดังเมื่อต้นปี 2564 เป็นการนำวัตถุออกฤทธิ์กลุ่มยานอนหลับไปบดเป็นผง และผสมกับยาเสพติดบางชนิด เช่น เฮโรอีน และเคตามีน หรือบางรายก็ไม่ผสมยาเสพติดชนิดใดๆเลย จากนั้นประกาศจำหน่ายในราคาซองละ 3,000 บาท อ้างว่าเป็นยาเสพติดชนิดใหม่ที่ออกฤทธิ์รุนแรงกว่าเดิม และมีผู้เสพซื้อไปเสพ ส่งผลให้เสียชีวิตหลายรายในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ตามที่ปรากฏเป็นข่าว
นายวิชัยเผยอีกว่า ในกรณีนี้ ป.ป.ส.ได้สืบสวนจนทราบตัวเจ้าของบัญชีโพสต์ขายยาเสพติดแล้วอยู่ระหว่างเร่งสืบสวนนำตัวมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป ขอเตือนว่ากรณีดังกล่าวเป็นความผิดฐาน “โฆษณายาเสพติดให้โทษ” ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 48 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากซื้อขายตามที่โพสต์ ผู้โพสต์จะมีความผิดฐาน “จำหน่าย” ส่วนผู้ซื้อ จะมีความผิดฐาน “ครอบครอง” และหากส่งไปยังผู้ซื้อในต่างประเทศก็จะมีความผิดฐาน “ส่งออก” อีกทั้ง สำนักงาน ป.ป.ส.ส่งเรื่องดังกล่าวให้กระทรวง ดีอีเอส เพื่อระงับการเผยแพร่โฆษณาแล้ว