ทางการเอธิโอเปีย เรียกร้องประชาชนหยิบอาวุธขึ้นเพื่อต่อสู้ปกป้องเมืองหลวงจากกลุ่มกบฏทิเกรย์ ที่ตอนนี้กำลังยึดเมืองเข้าใกล้กรุงแอดดิส อาบาบา มากขึ้นเรื่อยๆ
สำนักข่าว อัลจาซีรา รายงานว่า ทางการในกรุงแอดดิส อาบาบา เมืองหลวงของประเทศเอธิโอเปีย ประกาศในวันอังคารที่ 2 พ.ย. 2564 ให้ประชาชนเตรียมตัวเพื่อปกป้องถิ่นที่อยู่ของตัวเอง หลังจากกองกำลังกบฏจากภูมิภาคทิเกรย์ ซึ่งทำสงครามกับรัฐบาลมานานกว่า 1 ปี ส่งสัญญาณว่า พวกเขาอาจจะยกกำลังบุกโจมตีเมื่องหลวงแห่งนี้
นาย เคเนอา ยาดีตา หัวหน้าสำนักงานจัดการความมั่นคงและสันติภาพของกรุงแอดดิส อาบาบา ประกาศมาตรการใหม่หลายข้อรวมถึงให้ประชาชนลงทะเบียนอาวุธปืนภายใน 2 วัน หรือนำปืนไปมอบให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลหรือญาติที่ใช้ปืนเป็น นอกจากนั้นยังขอให้ประชาชนจัดระเบียบตัวเอง และทำงานร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง เพื่อควบคุมพื้นที่ชุมชนของตัวเองด้วย
“ผู้อยู่อาศัยทุกคนจะต้องจัดระเบียบแบ่งเป็นบล็อกและย่านต่างๆ เพื่อปกป้องสันติภาพและความมั่นคงในพื้นที่บ้านตัวเอง โดยร่วมมือกับกองกำลังความมั่นคง ซึ่งก็จะร่วมมือกับตำรวจชุมชนและเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอื่นๆ” นายยาดีตากล่าว นอกจากนั้น “จะมีการเกณฑ์และจัดกลุ่มผู้เยาว์ในเมืองให้ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ความมั่นคง เพื่อปกป้องสันติภาพและความปลอดภัยในพื้นที่ของพวกเขาด้วย”
“ทุกภาคส่วนของสังคมจะต้องร่วมมือในความพยายามเพิ่มการระมัดระวัง เช่น เจ้าของที่ดินและเจ้าของโรงแรมต่างๆ ต้องตรวจสอบตัวตนของผู้เช่าและแขกที่มาพัก” นายยาดีตากล่าว
ทั้งนี้ สงครามในเอธิโอเปียปะทุขึ้นตั้งแต่เมื่อปีก่อน ที่ภูมิภาคทิเกรย์ ทางเหนือของประเทศ โดยเป็นการต่อสู้กันระหว่างกองทัพรัฐบาลของประธานาธิบดี อาห์เหม๋ด อาบีย์ กับกลุ่มในแนวหน้าปลดปล่อยประชาชนทิเกรย์ (TPLF) แม้ประธานาธิบดีอาบีย์จะเคยออกมาประกาศชัยชนะ แต่ทั้งยังปะทะกันมาตลอด มีผู้เสียชีวิตแล้วหลายพันราย ประชาชนอีกมากกว่า 2 ล้านคนต้องพลัดถิ่น
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา กองกำลัง TPLF อ้างว่าพวกเขาสามารถยึดเมืองเพิ่มได้อีกหลายเมือง รวมถึงเมืองเดสซี และเมืองคอมโบลชา ในภูมิภาคอัมฮารา บ่งชี้ว่าพวกเขากำลังขยับเข้าใกล้กรุงแอดดิส อาบาบา ที่อยู่ทางตอนใต้มากขึ้นเรื่อยๆ และกำลังวางแผนจะมุ่งหน้าต่อสู่เมืองเคมิส ซึ่งห่างจากเมืองหลวงเพียง 325 กม.เท่านั้น
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ระบุว่า เขากำลังวางแผนถอดเอธิโอเปียออกจากรายชื่อประเทศที่มีคุณสมบัติเข้าถึงตลาดปลอดภาษีของสหรัฐฯ ภายใต้กฎหมายโอกาสและการเติบโตแอฟริกา (Agoa) เนื่องจากมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนเป็นวงกว้าง