สภาคองเกรสสหรัฐฯ ผ่านกฎหมายงบประมาณพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แล้ว นับเป็นชัยชนะสำคัญของประธานาธิบดี โจ ไบเดน หลังมีการถกเถียงมานาน
สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 5 พ.ย. 2564 ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ลงมติผ่านกฎหมายงบประมาณพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันตกลงร่วมกัน ไปด้วยคะแนน 228 ต่อ 206 เสียง โดยมี ส.ส.รีพับลิกัน 13 คนร่วมโหวตหนุน ขณะที่มี ส.ส.เดโมแครต 6 คนโหวตค้าน
ตอนนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งต่อไปยังโต๊ะทำงานของประธานาธิบดี โจ ไบเดน เพื่อลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมาย หลังจากการลงมติล่าช้าไปหลายชั่วโมง เนื่องจากการมีอภิปรายเป็นการภายในของพรรคเดโมแครต รวมทั้งมีเสียงเรียกร้องให้นายไบเดนเกลี้ยกล่อมสมาชิกหัวก้าวหน้าภายในพรรค ซึ่งไม่ค่อยพอใจในร่างกฎหมายนี้ด้วย
ร่างกฎหมายงบประมาณฯ ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาตั้งแต่เดือนสิงหาคม แต่ถูกยื้อไว้ในสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากสมาชิกพรรคเดโมแครตพยายามเจรจาข้อตกลงแยกอีกฉบับ โดยเป็นแพ็กเกจเศรษฐกิจมูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของนโยบายไบเดน
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายฉบับนี้จะมอบเงินลงทุนกลางก้อนใหม่มูลค่า 5.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่โครงการโครงสร้างพื้นฐานของอเมริกาตลอดช่วงระยะเวลา 5 ปี รวมทั้งงบประมาณในการสร้างถนน, สะพาน, ของส่งมวลชน, ทางรถไฟ, สนามบิน, ท่าเรือ และทางน้ำ ขณะที่ลงทุน 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในประเทศ และลงทุนอีกหลายหมื่นล้านดอลลาร์ไปกับการพัฒนาระบบประปาและการจ่ายไฟฟ้า ส่วนอีก 7.5 พันล้านดอลลาร์จะนำไปสร้างเครือข่ายเครื่องชาร์จพลังงานรถยนต์ไฟฟ้าทั่วประเทศ
นายไบเดนกล่าวหลังสภาผู้แทนฯ ผ่านร่างกฎหมายว่า “เราย่างก้าวไปข้างหน้าครั้งสำคัญในฐานะชาติ เราเพิ่งทำบางสิ่งบางอย่างที่ควรทำมาตั้งนานแล้ว การลงทุนครั้งหนึ่งในชั่วอายุคน ที่จะสร้างงานหลายล้านตำแหน่ง เพื่อทำให้โครงสร้างพื้นฐานทันสมัย ถนนของเรา, สะพานของเรา, เครือข่ายอินเทอร์เน็ตของเรา ทุกอย่าง”