31 ก.ค.64 ที่ผ่านมา – เพจเฟซบุ๊ก Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความว่า สถานทูตจีนประจำประเทศไทยมอบรถตรวจโควิด-19 ให้กระทรวงสาธารณสุขไทย เมื่อวันที่ 30 กรกฎคม สถานทูตจีนประจำประเทศไทยได้มอบรถตรวจโควิด-19 (Biosafety Mobile Unit) จำนวน 2 คันให้กับกระทรวงสาธารณสุประเทศไทย เพื่อเป็นกำลัง ช่วยให้รัฐบาลไทยเดินหน้าตรวจค้นหาเชื้อในวงกว้าง และต่อสู้กับโควิด-19 ผู้แทนกระทรวง สาธารณสุขไทยได้กล่าวขอบคุณที่สถานทูตจีนมอบรถตรวจโควิด-19 ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงมิตรภาพอันแท้จริงในลักษณะที่เป็นครอบครัวเดียวกันและคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างจีน-ไทย วัคซีนจีนได้ช่วยปกป้องสุขภาพเเละความปลอดภัยของประชาชนไทยเป็นอย่างดี ฝ่ายไทยยินดี ที่จะกระชับความร่วมมือกับฝ่ายจีนในการร่วมกันต่อสู้กับโควิด-19 ต่อไป
ตั้งแต่เกิดการเเพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อปีค.ศ.2020 รัฐบาลจีนได้นำหน้ากากอนามัย ทางการแพทย์ (surgical mask) จำนวน 1.4 ล้านชิ้น ชุดตรวจ (Test Kit ) จำนวน 1.7 แสนชุด หน้ากาก N95 จำนวน 8 หมื่นชิ้น และชุด PPE จำนวน 7.2 หมื่นชุดมอบให้แก่รัฐบาล ไทย ส่วนหน้ากากอนามัยที่วงการต่างๆในสังคมมอบผ่านสถานทูตจีนฯอย่างเดียวก็มีจำนวนมาก กว่า 5 ล้านชิ้น สำหรับปีนี้ ในปัจจุบันจีนได้ส่งวัคซีนมาที่ประเทศไทยทั้งหมด 19 ล็อต จำนวน 19.5 ล้านโดส และจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อไปในด้านวัคซีน ชุดตรวจ (Test Kit ) และเครื่องเวชภัณฑ์ต่างๆ โดยตามความต้องการของรัฐบาลไทย เพื่ออยู่เคียงข้างกับประชาชน ไทยในการสู้กับโควิด-19 และพยายามเอาชนะให้ได้โดยเร็ว
ทั้งนี้ ประเทศจีนให้ความสำคัญอย่างสูงในการค้นหาต้นตอของไวรัสโควิด-19 โดยยึดหลักวิทยาศาสตร์และท่าทีเปิดกว้างในการเข้าร่วมการค้นหาต้นตอของไวรัสในทั่วโลก ได้เชิญคณะ ผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัย โลกเดินทางมาประเทศจีนเพื่อร่วมดำเนินการวิจัยค้นหาฯ ถึง 2 ครั้ง จนได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการที่มีความน่าเชื่อถือ สำหรับการนำข้อสันนิษฐานว่าตัวไวรัสหลุดจากห้องปฏิบัติการมาเป็นแนวทางในการค้นหาฯใหม่อีกครั้งหนึ่ง หรือเน้นการค้นหาฯในประเทศจีนเป็นหลักในระยะที่ 2 หรือสละทิ้งทีม กลไกและวิธีที่ร่วมกันวิจัยในระยะแรกไปตั้งใหม่นั้น ฝ่ายจีนขอคัดค้านอย่างเด็ดขาด สำหรับการวิจัยที่ได้ดำเนินไปแล้ว โดยเฉพาะได้ข้อสรุปอย่างชัดเจนในระยะแรกแล้วนั้น ไม่ควรดำเนินการซ้ำในระยะที่ 2
ฝ่ายจีนมีความเห็นตลอดว่า การสืบค้นหาต้นตอของไวรัสฯนั้น ควรยึดถือหลักการที่เป็นวิทยาศาสตร์ตามดวามเป็นจริงและอย่างเที่ยงธรรม โดยใช้วิธีวิทยาศาสตร์และเน้นความร่วมมือ ไม่ควรให้กลายเป็นประเด็นทางการเมืองขึ้นมา การสืบค้นหาไวรัสในระยะที่ 2 ควรต่อยอดจากระยะแรก โดยยืนหยัดในหลักการตามข้อมติ WHA 73.1 และมีการปรึกษาหารือกันอย่างเต็มที่ก่อนที่จะดำเนินการ