วันนี้ (25 พ.ย.64) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ปัญหาด้านสุขภาพจิตที่เกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิดจะพบประชาชนมีความเครียด มีภาวะหมดไฟ มีภาวะซึมเศร้าและมีความคิดทำร้ายตนเองเพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน
ปัญหาด้านสุขภาพจิตส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากปัจจัยทางสังคม สิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ รายได้ ความจำเป็นและข้อจำกัดในการปรับตัวต่อวิถีนิว นอมอล และมาตรการป้องกันและควบคุมโรคต่างๆ
ด้าน พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่า ตั้งแต่เริ่มการแพร่ระบาดของโควิด กรมสุขภาพจิตได้ทำการสำรวจความเห็นพบว่า คนมีความคิดฆ่าตัวตายยังต่ำ อยู่ที่ 0.7-0.8 เปอร์เซ็นต์ แต่ในช่วงเดือน ส.ค.64 ซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อหลักหมื่นรายต่อวัน อัตราการเสียชีวิตหลายร้อยรายต่อวัน พบว่า ผู้ตอบคำถามเสี่ยงฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่า หรือประมาณ 7-8 เปอร์เซ็นต์ และมีแนวโน้มสูงขึ้น สอดคล้องกับที่มีรายงานข่าวการฆ่าตัวตายผ่านสื่อต่างๆ สัปดาห์ละ 3-4 เหตุการณ์
อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จในประเทศไทยเดิมอยู่ที่ 6-7 ต่อแสนประชากร ตอนนี้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8 ต่อแสนประชากร ดังนั้นตั้งแต่ ส.ค. 64 – ส.ค.65 เป็นเวลาที่เราต้องช่วยกันป้องกันไม่ให้ตัวเลขการฆ่าตัวตายสูงไปกว่านี้ อีกทั้ง สิ่งที่น่าตกใจคือพบลักษณะการทำร้ายคนอื่น ก่อนทำร้ายตัวเองตาม ถือว่าเป็นเรื่องที่เราต้องเฝ้าระวังเพิ่มมากขึ้น