ลูกชายอดีตตำรวจร้องพ่อและแม่ ถูกมิจฉาชีพ “แม่-ลูก” แฝงตัวมาอยู่ในครอบครัว ในฐานะ “แฟนน้อง” ลอบผสมสารเสพติดในอาหารให้พ่อแม่กินจนเกิดอาการหลอน หวังผลประโยชน์ในทรัพย์สิน พยายามหลอกให้ทำธุรกรรมการเงิน ประกันชีวิต เตือนระวังภัยจากคนที่รู้จักในโซเชียล
วันที่ 30 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้มี นายพงษ์ศา เทพพิชัย อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71 หมู่ 1 ตำบลปันแต อ.ควนขนุน จังหวัดพัทลุง ร้องกับสื่อมวลชนหลังเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ควนขนุน เอาผิดกับบุคคลที่ชื่อ “นางสาวเปมิกา” หรือ แป้ง อายุ 34 ปี และ “นางน้อย” อายุ 61 ปี หลังแอบเอายาเสพติดผสมในอาหารให้ ร.ต.อ.สุชีพ เทพพิชัย อายุ 63 ปี อดีตข้าราชการตำรวจ สภ.ควนขนุน ผู้เป็นพ่อของตน นางวรรณี เทพพิชัย อายุ 64 ปี อดีตข้าราชการครูโรงเรียนแหลมโตนด ผู้เป็นแม่ กิน จนเกิดอาการหลอน เหมือนผู้ป่วยจิตเวช
นายพงษ์ศา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ นายอริยะ หรือ เบส เทพพิชัย อายุ 30 ปี น้องชายของตนรู้จักกับนางสาวเปมิกา หรือแป้งผ่านทางเฟซบุ๊ก ทั้งสองมีการพูดคุยสร้างความสนิทสนมจนถึงขั้นคบหากันเป็นแฟน โดย นางสาวแป้ง อ้างว่า ครอบครัวเขาเดือดร้อน ขอมาอาศัยอยู่ด้วยที่บ้านที่ตำบลปันแต อ.ควนขนุน จากนั้น นางสาวแป้ง พร้อมด้วยนางน้อย ซึ่งอ้างว่าเป็นแม่ของแป้ง ได้ขนย้ายข้าวของมาอยู่ที่บ้านในช่วงเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา
หลังจากที่ นางสาวแป้ง และ นางน้อย เข้ามาอยู่ในบ้าน ร.ต.อ.สุชีพ ผู้เป็นพ่อ และนางวรรณี ผู้เป็นแม่ของตนก็มีอาการผิดปกติ หวาดระแวง เซื่องซึม ชอบเก็บตัว ไม่ค่อยพูดค่อยจา นอนไม่หลับ โดยเฉพาะผู้เป็นพ่อถึงขั้นคิดจะฆ่าตัวเอง ญาติต้องมารับตัวไปดูแลอย่างใกล้ชิดที่จังหวัดกระบี่ ระหว่างรอตนเดินทางลงมาจากกทม. หลังจากนั้นช่วงเดือน กันยายน ได้พาพ่อและแม่ไปหาหมอที่ รพ.พัทลุง แพทย์วินิจฉัยว่าเกิดจากความเครียด จากสภาพแวดล้อม ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทั้งคู่มีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์ ไม่มีโรคประจำตัวใดๆ หมอได้รักษาตามอาหารและให้ยามากิน
“แต่ว่าอาการทั้งคู่ก็ไม่ดีขึ้นมีความหวาดระแวง หวาดกลัว เพิ่มมากขึ้นตามลำดับรวมทั้งเมื่อดูพฤติกรรมของนางสาวแป้ง และนางน้อย ที่เข้ามาอยู่ในบ้านก็ผิดปกติพยายามหลอกล่อให้ทั้งพ่อ และแม่ทำธุรกรรมทางการเงิน ทำประกันชีวิต และร้องขอให้นายเบส น้องชายแต่งงานและจดทะเบียนด้วย ที่สำคัญพ่อเคยพบยาเสพติดในบ้าน จึงพาผู้เป็นพ่อและแม่ เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ควนขนุน ให้ตรวจสอบเรื่องนี้”
จากนั้นได้ส่ง ร.ต.อ.สุชีพ และนางวรรณี พ่อและแม่ไปตรวจร่างกายที่ รพ.สงขลานครินทร์ ผลตรวจ ของ รพ.สงขลานครินทร์ ระบุว่า พ่อแม่มีอาการซึมเศร้าขั้นรุนแรง และมีอาการทางจิต ช่วงนั้นสมาชิกในครอบครัวเครียดกันมาก เพราะไม่รู้สาเหตุการป่วยของพ่อและแม่ เพราะทั้งคู่เป็นคนแข็งแรง จึงเริ่มตรวจสอบประวัติของนางสาวแป้งแฟนของน้องชาย และนางน้อย ผู้ที่อ้างว่าเป็นแม่ของนางสาวแป้ง พบประวัติไม่น่าไว้ใจ โดยเฉพาะนางสาวแป้ง ได้เปลี่ยนชื่อมาหลายรอบ ทั้งยังมีการพบยาเสพติดจำนวนหนึ่งในรถเบนซ์ของทั้งคู่ จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.434 พัทลุง เข้าตรวจสอบ เรื่องยาเสพติดที่บ้าน แต่ทางตำรวจ ระบุ นางสาวแป้ง และนางน้อย เป็นผู้ป่วยจิตเวช ทำอะไรไม่ได้ ทั้งไม่เจอของกลางยาเสพติด และขณะที่ตนนำนางสาวแป้ง ส่ง รพ.พัทลุง เพื่อทำการตรวจรักษาว่าป่วยจิตเวชหรือไม่ ปรากฏว่า นางน้อย ที่อ้างว่าเป็นแม่ของนางสาวแป้ง ได้หนีออกจากบ้านไป พร้อมเอกสารสำคัญของพ่อแม่ตน เช่น บัตรประชาขน บัตรข้าราชการ สำเนาทะเบียนบ้าน วุฒิการศึกษาของนางวรรณี
นายพงษ์ศา กล่าวว่า หลังจากนั้นได้ประสานตำรวจ สภ.ควนขนุน ขอให้ทำเรื่องถึง รพ.ศิริราช เพื่อส่งอาหารในบ้านไปตรวจ พร้อมร้องขอให้ทาง รพ.ศิริราช ตรวจเส้นผม ของพ่อและแม่ ซึ่งผลการตรวจออกมาปรากฏพบสารเมตแอมเฟตามีนในเส้นผมของทั้งสองคน จึงพยายามพูดคุยกับพ่อแม่ ถึงความผิดปกติ และเชื่อว่า นางสาวแป้ง และ นางน้อย เป็นคนวางยา เอาสารเสพติดผสมให้อาหารให้พ่อแม่ของตนกิน
ด้าน ร.ต.อ.สุชีพ และ นางวรรณี สามีภรรยาผู้ตกเป็นเหยื่อ เล่าให้สื่อฯ ฟังว่า หลังนางสาวแป้ง และ นางน้อย สองแม่ลูกเข้ามาอยู่ในบ้าน ทั้งคู่จะอาสาเป็นคนทำกับข้าวให้คนในครอบครัวกิน แต่ผิดปกติตรงที่ทั้งคู่ไม่ยอมกินอาหารจานเดียวกับที่พวกตนกิน โดยทั้งคู่จะทำกินแยกส่วน และกินก่อนที่พวกตนจะกิน หรือบางครั้งก็กินเฉพาะมาม่า และอาหารที่ออกไปซื้อมาจากข้างนอก จนกระทั่งพวกตนเกิดอาการผิดปกติ เหมือนคนเป็นโรคประสาท ครอบครัวเริ่มมีปัญหา มีความระแวง ทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อยครั้ง หวาดกลัว จึงเชื่อว่า นางสาวแป้ง และ นางน้อย ต้องทำอะไรกับพวกตนอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ได้เข้ารับการรักษาอาการป่วย หมอให้ทานยาต่อเนื่อง และอาการโดยรวมดีขึ้นเรื่อยๆ
ขณะที่ นายอริยะ หรือ เบส แฟนของนางสาวแป้ง บอกกับทีมข่าวว่า ยอมรับว่าตนและแป้งเสพยาเสพติดชนิด ไอซ์ จริง และแอบเสพกันภายในห้อง โดยที่พ่อและแม่ไม่รู้ หลังเกิดเรื่องทั้งสองคนหายจากบ้านไป ซึ่งได้เคยพูดคุยกับแป้ง ถามว่ามาวางยาพ่อกับแม่ทำไม แต่แฟนสาวก็ทำมึน ไม่รู้เรื่อง
อย่างไรก็ดี นายพงษ์ศา บอกว่า กรณีที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเชื่อว่าเป็นมิจฉาชีพที่ทำกันเป็นขบวนการ เพราะหลังจากตรวจสอบ พบทั้ง นางสาวแป้ง และ นางน้อย ไม่ใช่แม่ลูกกันจริง ทั้งยังมีการปลอมเฟซบุ๊กมาคุกคามตนและคนในครอบครัวอย่างต่อเนื่อง
“เรื่องนี้เชื่อว่ามีคนอยู่เบื้องหลังมากกว่า นางสาวแป้ง และ นางน้อย จะทำกันเอง อาจจะมีกลุ่มขบวนการคนต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง หวังยึดเอาทรัพย์สินแปรเป็นเงินทอง โดยใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายในการแฝงมาเป็นบุคคลในครอบครัว เมื่อไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เลยไม่ค่อยได้รับความสนใจและให้ความสำคัญ เพราะถือเป็นเรื่องภายในครอบครัว โชคดีที่ครอบครัวของตัวเองไหวทัน ก่อนที่จะสูญเสียไปมากกว่านี้ จึงขอฝากเตือนไปยังประชาชนทั่วไปให้เพิ่มความระมัดระวัง อย่าไว้ใจใครที่รู้จักกันในโซเชียล เพราะสังคมทุกวันนี้มันน่ากลัว พร้อมขอฝากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่วยเร่งดำเนินการ พร้อมขยายผลการสอบสวนไปในทุกเรื่องที่มีการกล่าวอ้างถึง และหากมีประชาชนได้แจ้งความ และขอความช่วยเหลือ แม้จะเป็นเรื่องภายในครอบครัว ก็ขอให้เจ้าหน้าที่ให้ความสำคัญ เพราะบางเรื่องอาจหมายถึงชีวิตของเขาเหล่านั้น”
ด้าน พล.ต.ต.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผบก.ภ.จว พัทลุง กล่าวว่า กรณีดังกล่าว ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ล่าสุดอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งตำรวจมีปัญหาในเรื่องการสอบสวน เพราะผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งตัวของ นางสาวแป้ง นางน้อย และแม้แต่นายอริยะ ถูกระบุว่าเป็นผู้ป่วยจิตเวช อย่างไรก็ดี ทางเจ้าหน้าที่จะได้เร่งคลี่คลาย และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพียงแต่ต้องใช้เวลาในการรวบรวมหลักฐานทางคดี ให้ครบถ้วนทุกด้านก่อน