จับตา! ใกล้ 30 ก.ย. ท่าที “ประยุทธ์” ผ่อนคลาย ไม่เข้าทำเนียบฯ ตั้งแต่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ

  • “พล.อ.ประยุทธ์” ไม่เข้าทำเนียบรัฐบาลแม้แต่วันเดียว หลังศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย
  • เข้ากระทรวงกลาโหมปฏิบัติหน้าที่ในฐานะรัฐมนตรีทุกวัน เน้นสั่งการช่วยเหลือสนับสนุนกำลังพลในสถานการณ์น้ำท่วม
  • จับตา 30 ก.ย.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยวาระนายกฯ 8 ปี หลายม็อบประกาศเตรียมลงถนน หาก “บิ๊กตู่” อยู่ต่อ

ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วกับวันที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัย เรื่องที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่ หรือไม่ ซึ่งเมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2565 ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญมีผลพิจารณาเห็นว่า คดีเป็นปัญหาข้อกฎหมายและหลักฐานเพียงพอให้พิจารณาวินิจฉัยได้ จึงให้ยุติการไต่สวนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง และกำหนดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ ลงมติและอ่านคำวินิจฉัยในวันศุกร์ที่ 30 ก.ย.นี้ เวลา 15.00 น.

ใกล้ 30 ก.ย. ท่าที “ประยุทธ์” ผ่อนคลาย ไม่เข้าทำเนียบฯ ตั้งแต่ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ
ใกล้ 30 ก.ย. ท่าที “ประยุทธ์” ผ่อนคลาย ไม่เข้าทำเนียบฯ ตั้งแต่ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ

ย้อนดูคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ

หากย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2565 ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้ว เห็นว่า กรณีเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 วรรคหนึ่ง และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 7 (9) จึงมีมติเอกฉันท์รับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัย ให้ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง

สำหรับคำขอของผู้ร้องที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง ศาลพิจารณาคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่ามีกรณีตามที่ถูกร้อง จึงมีมติเสียงข้างมาก (5 ต่อ 4) ให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 2565 จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย สำหรับมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 เสียง แบ่งเป็นเสียงข้างมาก 5 ราย เห็นชอบให้รับคำร้อง ได้แก่ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์, นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ, นายจิรนิติ หะวานนท์, นายวิรุฬห์ แสงเทียน และนายนภดล เทพพิทักษ์ ขณะที่ฝ่ายเสียงข้างน้อย 4 เสียง เห็นว่าไม่ควรหยุดปฏิบัติหน้าที่ ได้แก่ นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ, นายปัญญา อุดชาชน, นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม และนายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์

ใกล้ 30 ก.ย. ท่าที “ประยุทธ์” ผ่อนคลาย ไม่เข้าทำเนียบฯ ตั้งแต่ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ
ใกล้ 30 ก.ย. ท่าที “ประยุทธ์” ผ่อนคลาย ไม่เข้าทำเนียบฯ ตั้งแต่ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ

เน้นปฏิบัติหน้าที่ รมว.กลาโหม

ทั้งนี้ ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 24 ส.ค. 2565 พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เดินทางเข้าปฏิบัติงานภายในทำเนียบรัฐบาล แต่สั่งการและประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากบ้านพักภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ และเมื่อศาลมีคำสั่งออกมา นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในเวลาต่อมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ เคารพผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญทุกประการ โดยจะหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีตั้งแต่วันนี้ (24 ส.ค. 2565) เป็นต้นไป จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย และจะยังคงปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมต่อไปตามปกติ ซึ่งในระหว่างนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะปฏิบัติหน้าที่รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับคณะรัฐมนตรี (ครม.)

วันรุ่งขึ้น (25 ส.ค. 2565) พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหม ว่า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในที่ประชุมว่า ไม่ต้องกังวล กับเรื่องที่เกิดขึ้น จะทำหน้าที่ต่อ และขอให้ทุกคนทำหน้าที่ให้ต่อไป ขณะที่รอคำวินิจฉัยก็ยังเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอยู่ การประชุมสภากลาโหมจะมาประชุม หรือถ้าไม่มาก็สามารถประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ได้ และการลงนามในหนังสือสามารถลงนามได้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังลงนามในหนังสือทุกวันอยู่ จะเข้ามาทำงานที่กระทรวงกลาโหมหรือไม่ก็ได้ เพราะทำที่ไหนก็ได้ หรือจะเข้าทุกวันก็ได้ ก็ขึ้นอยู่กับงาน ขณะห้องทำงานและห้องประชุมที่กระทรวงกลาโหมมีความพร้อมตลอดเวลาอยู่แล้ว มีทีมงานรองรับการทำงานอยู่ตลอดเวลาเช่นเดียวกัน ย้ำว่าไม่ต้องกังวลเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ สามารถสั่งการและมอบนโยบายได้ตลอดเวลา

ใกล้ 30 ก.ย. ท่าที “ประยุทธ์” ผ่อนคลาย ไม่เข้าทำเนียบฯ ตั้งแต่ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ
ใกล้ 30 ก.ย. ท่าที “ประยุทธ์” ผ่อนคลาย ไม่เข้าทำเนียบฯ ตั้งแต่ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ

ต่อมาวันที่ 29 ส.ค. 2565 พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะ รมว.กลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดงานนิทรรศการอุปกรณ์ป้องกันประเทศ (Defense & Security 2022) ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ได้พบสื่อมวลชนภายหลังศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เพื่อรอคำวินิจฉัยการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ซึ่งเจ้าตัวยกมือรับไหว้สื่อด้วยสีหน้าเรียบเฉย มีเพียงการตอบกลับสื่อสั้นๆ ว่า “สวัสดี” ขณะในวันที่ 31 ส.ค. 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้ามาพบ ซึ่งโฆษกรัฐบาลแจงภายหลังว่ามาหารือข้อราชการ รวมถึงสถานการณ์ต่างๆ ในปัจจุบัน และเรื่องที่รัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการตามนโยบายที่ได้กำหนดไว้

ใกล้ 30 ก.ย. ท่าที “ประยุทธ์” ผ่อนคลาย ไม่เข้าทำเนียบฯ ตั้งแต่ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ
ใกล้ 30 ก.ย. ท่าที “ประยุทธ์” ผ่อนคลาย ไม่เข้าทำเนียบฯ ตั้งแต่ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ

คืนรถประจำตำแหน่ง-ลงพื้นที่น้ำท่วม 2 จังหวัด 

หลังจากนั้นในวันที่ 2 ก.ย. 2565 พล.อ.ประยุทธ์ ก็ออกปฏิบัติภารกิจลงพื้นที่รับทราบสถานการณ์น้ำ และตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ของกำลังพลกองทัพในการสนับสนุนช่วยเหลือป้องกันรับมือสถานการณ์น้ำในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และในวันเดียวกันนั้นผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล แต่เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ในฐานะรัฐมนตรีที่กระทรวงกลาโหม ตั้งแต่ที่ 26 ส.ค. 2565 โดยใช้รถยนต์ส่วนตัว เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทะเบียน ญค 1881 กรุงเทพมหานคร เป็นยานพาหนะ ส่วนรถประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทะเบียน 4 กต 29 กรุงเทพมหานคร พร้อมรถในขบวน 3 คัน รวมเป็น 4 คัน พลขับได้นำส่งกลับมาคืนที่กองสถานที่ ยานพาหนะ และรักษาความปลอดภัย ทำเนียบรัฐบาล จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเสียงวิจารณ์ที่ใช้ทรัพย์สินราชการ และผ่านไปราวครึ่งเดือน (16 ก.ย. 2565) พล.อ.ประยุทธ์ ลงพื้นที่อีกครั้งที่ จ.ระยอง ซึ่งมีสถานการณ์น้ำท่วมหนัก

ใกล้ 30 ก.ย. ท่าที “ประยุทธ์” ผ่อนคลาย ไม่เข้าทำเนียบฯ ตั้งแต่ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ
ใกล้ 30 ก.ย. ท่าที “ประยุทธ์” ผ่อนคลาย ไม่เข้าทำเนียบฯ ตั้งแต่ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ

เอกสารชี้แจงหลุดว่อนโซเชียล ถูกวิจารณ์สนั่น

ช่วงระหว่างการหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยนั้น มีประเด็นที่เกิดเป็นข้อวิพากษ์วิจารณ์หลังจากมีเอกสารซึ่งอ้างว่าเป็นเอกสารความเห็นของ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) มีส่วนหนึ่งระบุว่า ผลของมาตรา 264 ครม. รวมทั้งนายกรัฐมนตรี ที่ดำรงตำแหน่งอยู่เฉพาะในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 จึงเป็น ครม.ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ตั้งแต่วันที่รัฐธรรมนูญ 2560 ใช้บังคับคือวันที่ 6 เม.ย. 2560 และโดยผลดังกล่าวบทบัญญัติทั้งปวงของรัฐธรรมนูญ 2560 รวมทั้งบทเฉพาะกาลที่ผ่อนปรนให้ จึงมีผลต่อ ครม. และนายกรัฐมนตรีดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย. 2560 อันเป็นวันที่รัฐธรรมนูญมีผลใช้บังคับเป็นต้นไป และระยะเวลาตามมาตรา 158 วรรคสี่ จึงเริ่มนับตั้งแต่บัดนั้น คือวันที่ 6 เม.ย. 2560 เป็นต้นไป

อีกทั้งในเอกสาร นายมีชัย ยังได้ชี้แจงกรณีมีการเผยแพร่เอกสารบันทึกการประชุม กรธ. ครั้งที่ 500 วันที่ 7 ก.ย. 2561 ซึ่งปรากฏความเห็นของนายมีชัย และนายสุพจน์ ไข่มุก กรธ. ระบุถึงวาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี หรือไม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องนับรวมก่อนปี 2560 ด้วยว่า เป็นการจดรายงานที่ไม่ครบถ้วน สรุปตามความเข้าใจของผู้จด กรธ. ยังมิได้ตรวจรับรองรายงานการประชุมนั้น เพราะเป็นการประชุมครั้งสุดท้าย และ กรธ. ได้ประกาศสิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 12 ก.ย. 2561 ความไม่ครบถ้วนดังกล่าวอาจทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนได้ มีข้อผิดพลาดอยู่หลายประการ รายงานการประชุมดังกล่าวจึงยังไม่อาจใช้อ้างอิงเป็นหลักฐานเป็นข้อยุติได้ กรธ. ได้ตระหนักในเรื่องนี้ จึงได้กำหนดให้พิมพ์ข้อความไว้ที่หน้าปกรายงานการประชุมทุกครั้งว่า บันทึกการประชุมนี้ กรธ.ยังไม่ได้รับรอง ผู้ใดนำไปใช้หากเกิดความเสียหายใดๆ ผู้นั้นรับผิดชอบเอง จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

ใกล้ 30 ก.ย. ท่าที “ประยุทธ์” ผ่อนคลาย ไม่เข้าทำเนียบฯ ตั้งแต่ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ

ไม่เพียงเอกสารของนายมีชัย แต่ยังมีเอกสารที่อ้างว่าเป็นคำชี้แจงของ พล.อ.ประยุทธ์ จำนวน 23 หน้า มีใจความโดยสรุปว่า การนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี จากปี 2557 นั้นไม่ถูกต้อง เนื่องจากเป็นนายกรัฐมนตรี 2 ครั้ง ครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 ต่อมาเมื่อรัฐธรรมนูญ 2560 บังคับใช้ ตนยังคงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ 2560 จนมีการเลือกตั้ง และได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 จนถึงปัจจุบัน ผู้ร้องไม่อาจนับระยะเวลาการเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรกได้ เพราะรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 สิ้นผลบังคับใช้ไปแล้ว ตั้งแต่วันที่รัฐธรรมนูญ 2560 บังคับใช้ และการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 ทำให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของตนตามพระบรมราชโองการ เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2557 เป็นอันสิ้นสุดลงนับตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย. 2560 ด้วยเช่นกัน

“การสิ้นสุดดังกล่าวส่งผลให้ความเป็นนายกฯ ของตนครั้งแรก ขาดตอนจากวันที่รัฐธรรมนูญ 2560 บังคับใช้ ไม่อาจนับรวมระยะเวลาการเป็นนายกฯ ครั้งแรกกับการเป็นนายกฯ หลังรัฐธรรมนูญบังคับใช้ได้ ส่วนการดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย. 2560 เป็นการดำรงตำแหน่งตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ จนกว่าจะมี ครม.ที่ตั้งขึ้นใหม่ หลังการเลือกตั้งในปี 2562 ดังนั้นการเป็นนายกฯ หลังรัฐธรรมนูญบังคับใช้ จึงเป็นการดำรงตำแหน่งนายกฯ ใหม่ตามบทเฉพาะกาล และได้ขาดตอนจากการเป็นนายกฯ ครั้งแรกไปแล้ว”

ใกล้ 30 ก.ย. ท่าที “ประยุทธ์” ผ่อนคลาย ไม่เข้าทำเนียบฯ ตั้งแต่ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ

ไม่เข้าทำเนียบฯ สักวัน ตั้งแต่มีคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ

นอกจากนี้ สิ่งที่เป็นที่น่าสังเกตคือ พล.อ.ประยุทธ์ ในช่วงหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ไม่ได้เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลอีกเลย แม้กระทั่งการประชุม ครม. 5 ครั้งที่ผ่านมา ก็ใช้วิธีการเข้าร่วมประชุมแบบคอนเฟอเรนซ์เท่านั้น โดยมี พล.อ.ประวิตร ทำหน้าที่ประธานการประชุมในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ส่วนรัฐมนตรีคนอื่นๆ ก็เข้าร่วมประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลตามปกติ ส่วนวันที่ 23 ก.ย. ที่ผ่านมา ก็เริ่มมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจอีกครั้ง หลังเจ้าหน้าที่กองงานยานพาหนะทำเนียบรัฐบาลเข้ามาตรวจสภาพและสตาร์ตรถยนต์ประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรถยนต์ทีมรักษาความปลอดภัยในขบวนที่ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้ขณะปฏิบัติหน้าที่นายกฯ พร้อมเปิดเผยว่า เป็นการอุ่นเครื่องรถยนต์ประจำสัปดาห์เพื่อไม่ให้เครื่องยนต์ติดขัด และตรวจสภาพเครื่องยนต์ไปในตัว หากระบบเครื่องยนต์ขัดข้องจะนำเข้าศูนย์ซ่อมต่อไป แต่เบื้องต้นการเช็กสภาพระบบเครื่องยนต์ยังเป็นปกติ

ท่าทีผ่อนคลาย พร้อมน้อมรับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ

ล่าสุดวันที่ 28 ก.ย. 2565 แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินทางเข้ากระทรวงกลาโหม เพื่อประชุมสภากลาโหม แต่กลับไม่ได้มีการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด ซึ่งโฆษกกระทรวงกลาโหมก็ได้ออกมาปฏิเสธกระแสข่าวรัฐประหารอย่างหนักแน่น และ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ ขณะที่ พ.อ.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกระทรวงกลาโหม หรือ ผู้พันเบิร์ด กล่าวถึงบรรยากาศการประชุมที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และอิริยาบถของ พล.อ.ประยุทธ์ มีท่าทีผ่อนคลาย

ใกล้ 30 ก.ย. ท่าที “ประยุทธ์” ผ่อนคลาย ไม่เข้าทำเนียบฯ ตั้งแต่ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ

ทางด้านโฆษกรัฐบาลให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ว่า ตั้งแต่วันที่ พล.อ.ประยุทธ์ ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว ก็ไม่ได้เดินทางเข้ามาปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาล มีเพียงการประสานกันผ่านกระทรวงกลากลาโหมที่สนับสนุนการทำงานของรัฐบาล โดยเฉพาะในเรื่องน้ำท่วม ยืนยันว่าไม่มีการสั่งการในส่วนของงานของนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกันทางด้าน พล.อ.คงชีพ ก็กล่าวยืนยันกับไทยรัฐออนไลน์ด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ เข้าปฏิบัติงานในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่กระทรวงกลาโหมทุกวัน มีการลงพื้นที่ 2 ครั้ง คือ การไปติดตามสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.ระยอง สำหรับในวันที่มีการประชุม ครม. ก็จะวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากห้องทำงานกระทรวงฯ ส่วนเรื่องวันที่ 30 ก.ย.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้มีท่าทีอะไร ในการประชุมสภากลาโหมก็มีความผ่อนคลาย พร้อมน้อมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญตามกระบวนการยุติธรรม

ใกล้ 30 ก.ย. ท่าที “ประยุทธ์” ผ่อนคลาย ไม่เข้าทำเนียบฯ ตั้งแต่ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ

อย่างไรก็ตาม ยิ่งใกล้วันที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยการเคลื่อนไหวทางการเมืองก็ยิ่งมีให้เห็นมากยิ่งขึ้น กลุ่มม็อบที่จะจัดการชุมนุม อาทิ คณะหลอมรวมประชาชน นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา มีการนัดหมายที่แยกราชประสงค์ เวลา 17.00 น. ส่วนกลุ่มราษฎร, แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ก็มีการประกาศพร้อมลงถนนหาก พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ โดยมีการนัดหมายจุดชุมนุมที่สกายวอล์กปทุมวัน เวลา 14.00 น. ทั้งนี้ ผลการพิจารณาและคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นอย่างไรนั้น วันศุกร์ที่ 30 ก.ย.นี้ เตรียมจับตารับชมรับฟังการแถลงของศาลรัฐธรรมนูญไปพร้อมกันว่า “บิ๊กตู่” จะได้อยู่ต่อ หวนคืนสู่ทำเนียบรัฐบาล หรือจะต้องพ้นจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีไป.

ใกล้ 30 ก.ย. ท่าที “ประยุทธ์” ผ่อนคลาย ไม่เข้าทำเนียบฯ ตั้งแต่ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ


ผู้เขียน : กิณรีสีอังกาบ
กราฟิก : Chonticha Pinijrob