จับมือปืนเฒ่าวัย 70 ปี ถลกมุ้งยิงเหลนตัวเองกับเมียดับ 2 ศพ อ้างสุดทนกับพฤติกรรมคลั่งยาชอบทำร้ายแม่

ตำรวจ 4 หน่วย ร่วมสืบสวนจับคนยิงสองผัวเมียที่ตรัง ผู้ต้องหาวัย 70 ปี อดีตนช.คดียาเสพติดถูกตัดสิน 30 ปี และมีศักดิ์เป็นตาทวดผู้ตาย อ้างสุดทนกับพฤติกรรมคลั่งยาชอบทำร้ายแม่ซึ่งเป็นหลานสาวมือปืน ตัดสินใจลงมือวางแผนสวมชุดดำใช้ปืนลูกโม่ .38 ยิงผัวแล้วยิงเมีย พร้อมประกาศ ยิงเหลนซึ่งนิสัยไม่ดี เมายาบ้า ทำร้ายแม่ ไม่ได้เสียใจอะไร

ช่วงเย็นเวลา 18.00 น. วันที่ 28 ส.ค. 65 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร.พร้อมด้วย พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9 สั่งการ พล.ต.ต.สันทัด วินสน ผบก.ภ.จว.ตรัง พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล รอง ผบก.สส.ภ. 9 พ.ต.อ.ดุสิต พรหมสิน ผกก.สส.3 บก.สส.ภ 9 พ.ต.อ.รัฐกร ภักดีวานิช ผกก.สส.ภ.จว.ตรัง พ.ต.อ.สานิตย์ พลเพชร ผกก.สภ.ห้วยยอด นำกำลัง ชุดสืบสวน ภ.9 ชุดสืบสวน สภ.ห้วยยอด ชุดสืบสวน ภ.จว.ตรัง และตำรวจกองปราบปราม (กก.6 บก.ป.) ทั้งในและนอกเครื่องแบบรวมกว่า 40 นาย เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 118 หมู่ 5 บ้านต้นมะพร้าว ต.บางกุ้ง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เพื่อปิดล้อมจับกุมตัว นายภาคภูมิ นิลปักษี หรือภาส อายุ 70 ปี อาชีพทำสวน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาล จ.ตรัง ที่ จ.318/2565 ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง และพกพาอาวุธปืนไปในทาง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต หลังตกเป็นผู้ต้องหาก่อเหตุฆ่า นายสรัลยศ สิทธิโชค หรือหมาก อายุ 29 ปี และน.ส.นาถตยา เจ็กคำ หรือเก๋ อายุ 28 ปี สองสามีภรรยาเสียชีวิตภายในห้องนอนบ้านเลขที่ 243 หมู่ 5 บ้านต้นมะพร้าว ต.บางกุ้ง อ.ห้วยยอด เหตุเกิดเวลา 08.00 น. วันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา

เบื้องต้นระหว่างการจับกุมผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ก่อนจะควบคุมตัวมาสอบสวนนานกว่า 2 ชั่วโมง พร้อมกับนำตัว นางอ่อนทิพย์ แม่ผู้ตายและภรรยาของผู้ต้องหามาแยกห้องสอบปากคำ (ผู้ต้องหามีศักดิ์เป็นอาของนางอ่อนทิพย์ บุญอ่อน แม่ของนายสรัลยศ ผู้ตาย) ก่อนที่ผู้ต้องหาจะให้การรับสารภาพสอดคล้องกับคนอื่นๆ ว่าได้ลงมือก่อเหตุจริงโดยใช้อาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 ในการลงมือก่อเหตุ หลังจากนางอ่อนทิพย์ มาเล่าให้ฟังว่าโดนลูกชายที่คลั่งยาบ้าทำร้ายร่างกายอยู่เป็นประจำ จนหวาดกลัวตลอดเวลา พร้อมร้องไห้และขอให้ผู้ต้องหาช่วยจัดการลูกชายด้วยวิธีการใด ยังไงก็ได้ นายภาคภูมิ หรือภาส ผู้ต้องหาจึงวางแผนให้แม่ผู้ตาย และหลานๆ ซึ่งอยู่บ้านใกล้กันกับบ้านของผู้ตายออกไปงานศพในตัวอำเภอห้วยยอด ในช่วงเวลา 16.00 น. จากนั้นเวลา 18.00 น. วันที่ 26 ส.ค. 65 ผู้ต้องหาได้ใส่ชุดดำ เป็นเสื้อกล้ามสีดำ กางเกงขายาวสีดำ เดินเข้าไปบ้านผู้ตายที่อยู่ห่างกันประมาณ 150 เมตร ก่อนชักปืนยิงฝ่ายชายที่เป็นเหลน จำนวน 2 นัด แล้วยิงฝ่ายหญิง 1 นัด จนทั้งคู่เสียชีวิต ใช้เวลาประมาณ 5 นาที และเดินกลับมาบ้านพักโดยถอดชุดที่ใช้ก่อเหตุให้ภรรยาซักทันที พร้อมสั่งเสียกับภรรยาให้ทำใจ และเปรยว่าจะไม่ยอมให้ถูกจับแน่นอนจะยิงตัวตายดีกว่าถูกจับกุม ก่อนบอกญาติโทรแจ้งตำรวจในเช้าวันรุ่งขึ้น

ต่อมา ตำรวจได้คุมตัวไปเอาเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุที่บ้านตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง ส่วนอาวุธปืนของกลางทางผู้ต้องหายังคงไม่ปริปากบอกว่าซ่อนอยู่ไหน จึงนำตัวกลับมายัง สภ.ห้วยยอด อีกครั้ง โดยระหว่างนั้นผู้ต้องหาส่งเสียงเอะอะ พร้อมกับพูดตลอดเวลาว่า “เคยติดคุกมาแล้ว ครั้งนี้ก็ไม่กลัวอะไร ยิงเหลนซึ่งนิสัยไม่ดี เมายาบ้า ทำร้ายแม่ ก็ไม่ได้เสียใจอะไร หากตำรวจไม่มีผลทางนิติวิทยาศาสตร์ก็คงไม่ยอมรับหรอก” ก่อนที่เจ้าหน้าที่ฯ จะจัดกำลังคุมตัวผู้ต้องหาและดูพฤติกรรมอย่างใกล้ชิดหวั่นผู้ต้องหาจะทำร้ายตัวเอง และเตรียมนำตัวไปฝากขังศาลในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจากแฟ้มประวัติคดีพบว่าผู้ต้องหารายนี้ พบเคยต้องโทษคดียาเสพติด (เฮโรอีน) จำคุก 30 ปี พ้นโทษออกมาเมื่อปี พ.ศ. 2545

ขณะที่แนวทางการสืบสวนสอบสวนทางคดี เจ้าหน้าที่ ตร. 4 หน่วยได้แก่ สืบสวน ภ.9 สืบสวน สภ.ห้วยยอด สืบสวน ภ.จว.ตรัง และกองปราบปราม ได้ลงพื้นที่ทำงานบูรณาการร่วมกันตั้งแต่วันเกิดเหตุ ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไล่ตรวจกล้องวงจรปิดไม่ต่ำกว่า 5 จุด พร้อมนำตัวพยานมาสอบสวน ทั้งแม่ของผู้ตาย และเครือญาติ ซึ่งทั้งหมดให้การย้อนแย้ง และมีพิรุธ จนกระทั่งพยานยอมให้การยอมเปิดเผยความจริง ประกอบกับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เช่น ดีเอ็นเอ คราบเขม่าดินปืน เป็นส่วนเชื่อมโยงนำมาสู่การขออนุมัติออกหมายจับและจับกุมคนร้ายในคดีนี้ได้ในที่สุด โดยใช้เวลาประมาณ 1 วันสามารถปิดคดีได้ ส่วนแม่ผู้เสียชีวิต และคนอื่นๆ ที่รู้เห็นยังคงกันไว้เป็นพยาน