ดัชนีตลาดหุ้นไทยเช้านี้ดิ่งหนัก 40 จุด กังวลรัสเซีย-ยูเครน ความรุนแรงมีแนวโน้มมากขึ้น ด้านน้ำมันดิบ WTI พุ่งแตะ 125 ดอลลาร์/บาร์เรล สูงสุดในรอบ 13 ปี จากข่าวสหรัฐ-พันธมิตรหารือมาตรการห้ามนำเข้าน้ำมัน-ก๊าซจากรัสเซีย
วันที่ 7 มีนาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยภาคเช้าวันนี้พบว่า ดัชนี SET Index ได้ปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดที่ 40.41 จุด( ณ เวลา11.29 น.) หรือร่วงไปทดสอบบริเวณ 1,631.31 จุด ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายงายต่อว่า แรงกดดันจากปัจจัยกดดันหลักจากภายนอก ได้แก่ 1.Geopolitical Risk ท่ามกลางสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่นานวันความรุนแรงมีแนวโน้มมากขึ้นและการเจรจาระหว่างสองฝ่ายยังคงไมได้ข้อสรุป
ล่าสุดได้ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ WTI เช้านี้พุ่งแตะ 125 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี จากข่าวสหรัฐและพันธมิตรกำลังหารือในมาตรการห้ามนำเข้าน้ำมันและก๊าซจากรัสเซีย จากปัจจัยดังกล่าวย่อมมีส่วนซ้ำเติมภาพเงินเฟ้อทั่วโลกรวมถึงไทยให้อยู่ในภาวะเร่งตัวมากขึ้น (ล่าสุดเงินเฟ้อเดือน ก.พ.65 ของไทยอยู่ที่ 5.28% สูงสุดในรอบ 13 ปี)
กลายเป็นแรงกดดันต่อภาพรวมเศรษฐกิจตามมา ส่วนในแง่ตลาดหุ้นแม้ว่าหุ้นกลุ่มพลังงานจะได้อานิสงส์ทางบวกแต่กลุ่มอื่นที่มีต้นทุนเป็นน้ำมันจะเข้ากดดันตลาดหุ้นแทน และ 2.จับตาทิศทางเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ที่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาพลิกสถานะมาขายสุทธิถึง 3,600 ล้านบาท ซึ่งอาจเป็น Trigger Point สำคัญในการเริ่มลดสถานะพอร์ตการลงทุนฝั่ง Emerging Market เพื่อเตรียมรับทิศทางนโยบายทางการเงินเข้มงวดของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในสัปดาห์หน้า ซึ่งต้องรอติดตามอย่างใกล้ชิดว่า Fed จะส่งสัญญาณผ่าน Dot Plot ออกมาอย่างไร รวมถึงช่วงเวลาการลดขนาดงบดุลที่จะทำให้สภาพคล่องจำนานมากหายไปจากตลาด
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้เริ่มยกการ์ดสูงเพื่อรับมือปัจจัยสงครามและนโยบายทางการเงินของ Fed ซึ่งหุ้น Value Play จะเริ่มโดดเด่นกว่าหุ้น Growth ระยะสั้นให้เน้น 1.อิงกับกลุ่ม Domestic Play เนื่องจากได้รับผลกระทบน้อย จากประเด็นสงครามรัสเซีย-ยเครน อาทิ หุ้นได้ประโยชน์จากสถานการณ์โควิดในประเทศ (ONEE, ADVANC, BDMS, CPALL,DOHOME) 2.หุ้นกลุ่มธนาคาร เน้นรอสะสมที่แนวรับจากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น และ 3.หุ้นปันผลเด่น ลดความเสี่ยงพอร์ต