ตร.กบินทร์บุรี จับหนุ่มวัย 21 ปีคนร้ายข่มขืนสาวคนงานพม่าแล้วฆ่าก่อนลากศพขึ้นกระบะเอาไปเผาในป่ายูคาฯ ห่างบ้าน 6 กม. รับสารภาพลงมือจริง พร้อมคุมตัวทำแผนฯ แต่ต้องรีบพากลับเกรงถูกคนงานพม่ารุม
จากกรณี มีเฟซบุ๊กชื่อว่า “คูณ งามภูเขียว” ได้โพสต์ว่า ขอให้เธอปลอดภัยเธอเปรียบเสมือนลูกสาวของฉัน ฉันจะสวดมนต์ขอพรให้เธอปลอดภัย จนมีเพื่อนร่วมงานได้โพสต์ภาพของหญิงสาวรายนี้ โดยระบุเป็นภาษาเมียนมา-อังกฤษ โดยเนื้อความแปลเป็นไทยได้ความว่า “ไม่ใช่การหายตัวไป / สามีกำลังตามหา โปรดให้เวลาฉัน 1 นาที เพื่อช่วย myint myint khaing หรือ นางข่าย ชาวพม่า ที่ทำงานโรงงาน บ.ท็อปฟิชชิ่งเน็ท แอนด์โรป จำกัด ต.ลาดตะเคียน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ถูกจับตัวออกจากห้องพัก ห้องที่ 3 โดยกลุ่มที่ไม่ปรากฏชื่อ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 08:10 น. ทำให้ญาติและเพื่อนชาวเมียนมาเชื่อกันว่าโดนบังคับเอาตัวไป นั้น
ในช่วงค่ำที่ผ่าน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.กบินทร์บุรี ได้เชิญตัวนางสาวดาว (นามสมมติ) พี่สาว นายบุญหลาย บัวพันธ์ อายุ 21 ปี ชาวบ้าน ตำบลเขาไม้แก้ว อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ผู้ต้องสงสัยว่าก่อเหตุ มาทำการสอบสวน ทราบว่า น้องชายก่อเหตุจริง หลังจากก่อเหตุแล้วได้หลบหนีไปในพื้นที่ อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ทางชุดสืบสวนจึงได้พาตัวนางสาวดาวเดินทางไปในพื้นที่ จ.สระแก้ว เพื่อติดตามจับกุมตัวน้องชายที่ก่อเหตุได้ที่บ้านญาติ
ตำรวจชุดสืบสวน สภ.กบินทร์บุรี สอบถามนายบุญหลาย บัวพันธ์ ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุจริงโดยในช่วงเช้า เห็นประตูห้องที่ 3 ของ myint myint khaing หรือ นางข่าย ชาวเมียนมา เปิดประตูเล็กน้อยจึงได้เปิดดู พบว่า myint myint khaing หรือ นางข่าย ชาวพม่า กำลังนอนหลับจึงเข้าไปเพื่อจะทำการข่มขืน แต่นางข่ายขัดขืนจึงใช้เท้าเตะไปที่บริเวณปาก พร้อมกับจับมัดมือและใช้เทปกาวปิดปาก แต่นางข่ายสามารถดึงเทปออกได้และพยายามร้อง นายบุญหลาย บัวพันธ์ จึงได้ฉุดตัวนางข่ายออกประตูด้านหลังห้องพักเข้าไปในป่าปาล์ม ห่างจากห้องพักประมาณ 500 เมตร ก่อนจะข่มขืนแล้วบีบคอนางข่ายจนเสียชีวิต ก่อนนำศพไปซุกในสระน้ำใกล้กับจุดข่มขืนประมาณ 10 เมตร แล้วเดินทางกลับมาห้องพักอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวกลับเข้าไปทำงานในโรงงานจนเลิกงาน
จากนั้น จึงได้ขับกระบะอีซูซุ สีขาว ทะเบียน กข 4998 กทม.ไปรับภรรยาที่ทำงานอยู่ใน อ.ศรีมหาโพธิ และพากันไปกินอาหารที่ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เรียบร้อยแล้วพาภรรยากลับไปพักที่บ้านพัก จึงขับรถออกมาจอดที่บริเวณข้างสระน้ำและลงไปลากศพของผู้เสียชีวิตขึ้นมาใส่ท้ายรถ ขับไปยังที่บ้านหลังหนึ่งในตำบลเขาไม้แก้ว อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อนำถังน้ำมัน สายยาง และยางรถยนต์ จำนวน 2 เส้น แล้วนำร่างผู้เสียชีวิตเข้าไปกลางป่ายูคาลิปตัสห่างจากบ้านประมาณ 6 กม. และนำศพไปเผาเรียบร้อยแล้ว จึงได้กลับเข้าบ้านพัก ก่อนหลบหนีไปที่จังหวัดสระแก้ว จนมาถูกเจ้าหน้าที่ตามจับตัวได้ พร้อมให้พาไปชี้จุดที่นำศพไปเผาที่กลางป่ายูคาลิปตัส หมู่ที่ 4 บ้านวังมะกูด ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรีในช่วงกลางดึก
ต่อมาช่วงเช้าวันนี้ (19 พ.ย.) พ.ต.อ.วัลลพ กังธาราทิพย์ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี รรท.ผกก.สภ.กบินทร์บุรี จึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานปราจีนบุรี และกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างบำเพ็ญธรรมสถานกบินทร์บุรี ลงพื้นที่ไปตรวจสอบพบศพนางข่าย ถูกเผาจนไหม้เกรียม พร้อมเส้นลวดจากยางรถยนต์ จำนวน 2 วง ส่วนขาขวาหลุดจากตัวโครงร่างออกไปประมาณ 1 เมตร ขาซ้ายห่างออกไปอีกประมาณ 2 เมตร ทางเจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะเกิดจากสัตว์ในพื้นที่มีการกัดกินซากศพ ก่อนให้ทางเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยนำส่งโรงพยาบาลกบินทร์บุรี
จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กบินทร์บุรี ได้ควบคุมตัว นายบุญหลาย บัวพันธ์ ผู้ต้องหา ได้ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ จุดแรก คือ จุดที่นำศพผู้เสียชีวิตไปทำการเผา จุดที่ 2 ห่างจากจุดแรกประมาณ 4 กม. ที่ผู้ต้องหานำขวดน้ำมันไปโยนทิ้งข้างทาง จุดที่ 3 เป็นบ้านพักของผู้ต้องหาที่เข้าไปนำถังน้ำมันพร้อมสายยางและยางรถยนต์ 2 เส้น ใช้ในการเผาศพ จุดที่ 4 บริเวณสวนปาล์มที่ผู้ต้องหาข่มขืนก่อนที่จะนำศพไปซุกซ่อนในสระน้ำ จนค่ำถึงได้นำศพไปเผาทิ้งกลางป่ายูคาลิปตัส ในช่วงที่เจ้าหน้าที่ให้ผู้ต้องหานำชี้จุดที่นำศพขึ้นจากสระน้ำใส่รถยนต์ ปรากฏว่า มีคนงานพม่าที่ทราบข่าวเริ่มเดินทางมาในพื้นที่ ด้วยเกรงอาจเกิดความไม่ปลอดภัย จึงต้องรีบนำตัวผู้ต้องหาเดินทางกลับ สภ.กบินทร์บุรี
รรท.ผกก.สภ.กบินทร์บุรี กล่าวว่า ในคดีนี้เป็นนโยบายของท่าน ผบ.ตร.ผู้บัญชาการภาค 2 ว่าถ้ามีคดีประเภทนี้ จะต้องรีบสืบสวนสอบสวนโดยเร็ว หลังจากที่ได้รับแจ้งความแล้ว จนท.ก็ได้สืบสวนพยานแวดล้อมจนได้ทราบตัวผู้ต้องสงสัย คือ นายบุญหลาย เราก็ได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมจนพบมีการหลบหนี โดยใช้กระบะ ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ติดตามดูจากกล้องวงจรปิด และสามารถจับกุมตัวได้ที่วัฒนานคร จึงได้นำตัวมาสอบสวน และผู้ต้องหารับสารภาพว่าได้ข่มขืนศพและทำให้จมน้ำ และนำศพมาเผาเพื่อทำลายศพ โดยได้ตั้งข้อหาฆ่าข่มขืนโดยถึงแก่ความตาย และฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาปกปิดทำลายศพ
ด้าน น.ส.ไก่ (นามสมมติ) อายุ 26 ปี ภรรยา นายบุญหลาย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังเลย วันที่เขาหายไปคือวันที่ 15 ตอนนั้นเขานอนที่บ้านของแฟน ก่อนหน้านั้นก็ไปทำงานปกติ ไม่ทราบว่าเขากลับมาบ้านกี่โมง มีคนพูดว่าพม่าหายไป เขาก็พูดว่ามีคนใส่ร้ายเขา ว่าเขาเป็นคนทำ ตอนเจ้าหน้าที่โทร.หาเขาบอกว่ามีคนว่าเขาทำร้ายผู้หญิง เจ้าหน้าที่เขาตรวจร่างกายและเอาโทรศัพท์ไป ตามร่างกายมีรอยแผลอยู่ ตรงท้อง ช่วงวันเกิดเหตุช่วง 8 โมง ตนไม่ได้อยู่กับเขา หนูไม่รู้อะไรเลย ปกติสามีเขาเป็นคนมีนิสัยอารมณ์ร้อน เรื่องผู้หญิงถ้าเขาอยู่กับเราเขาก็ไม่มี แต่ตนเองก็คบกับเขามาได้ 3 ปีแล้ว และเพิ่งตั้งครรภ์ได้ประมาณ 7 เดือน
ภรรยาของนายบุญหลาย กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวเชื่อว่าสามีมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ประมาณ 60 – 70% ที่เราเชื่อเพราะว่า เขาหลบหนีไป ติดต่อไปไม่ได้ เขาก็ไม่ได้ติดต่อมา เราก็อยากทราบเหตุผลว่ามันเกิดอะไรขึ้น อยากให้เขามาอธิบายและอยากให้เขามามอบตัว คนอื่นลำบาก ตอนนี้ตนก็ได้รับผลกระทบเรื่องการเดินทางไปทำงาน เพราะไม่มีคนรับ-ส่ง กลุ่มญาติของผู้สูญหายไม่ได้มาคุยกับเรา เพราะเขาเป็นคนเมียนมา ที่ว่ามีคนมาปิดทางเข้าออก หนูก็ไม่ทราบเพราะไม่ได้อยู่ที่เกิดเหตุ ตนเองก็กังวลเรื่องความปลอดภัยและอยากให้เขามามอบตัว.