ตำรวจหิ้ว 1 มือปืนพระกาฬร่วม “ดาบอรรถ” ตำรวจปืนโหดฆ่ายกครัว 5 ศพ ทำแผนจุดเกิดเหตุ จ.สุราษฎร์ธานี รับสารภาพกลัวถูกตามฆ่าปิดปาก หลังพบดาบอรรถยิงลูกชายตัวเองทิ้ง
จากกรณี ด.ต.อรรถพร วิเชียร หรือดาบอรรถ อายุ 46 ปี ผบ.หมู่ งานป้องกันปราบปราม สภ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมพวกรวม 4 คน ใช้อาวุธปืนสงคราม M16 และอาวุธปืนลูกซองยิงถล่มบ้านพัก ในสวนปาล์มเลขที่ 91 หมู่ 8 ต. กะเปา อ.คีรีรัฐนิคม ก่อนฆ่ายกครัวผู้เสียชีวิตรวม 4 ศพ และยิงลูกชายตัวเองตายตามไปอีก 1 ศพ ต่อมา นายมานพ ว่างงาน อายุ 57 ปี 1 ในแก๊งมือปืนที่ถูกออกหมายจับ ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 11 เม.ย. พ.ต.อ.ไพศาล สังข์เทพ พ.ต.อ.ศิริชัย สุขสาตต์ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.ปริญญา ตัณฑสุวรรณ ผบก.สส.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.สมบัติ ชุมพล รักษาการ ผกก.สภ.คีรีรัฐนิคม นำกำลังตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ กก.สส.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี และเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบพร้อมอาวุธครบมือ ได้ควบคุมตัว นายมานพ ผู้ต้องหา สวมเสื้อเกราะและหมวกกันน็อก เดินทางไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
โดยจุดแรกไปยังลีลาวดี รีสอร์ท ต.ท่าขนอน อ.คีรีรัฐนิคม เป็นจุดรวมตัวของกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้ง 4 คน ใช้เวลาประมาณ 5 นาที ซึ่งวันเกิดเหตุ นายอรรถพล วิเชียร หรือบาส ลูกชาย ด.ต.อรรถพร เป็นคนขับรถเก๋งโตโยต้าวีออสพาทั้งหมดไป จากนั้นได้นำตัวไปยังจุดที่ 2 สถานที่เกิดเหตุบ้านพักของ นายธรรมรงค์ นิลนิยม หรือ ผู้ใหญ่รงค์ ในสวนปาล์มเลขที่ 91 หมู่ 8 ต. กะเปา อ.คีรีรัฐนิคม ซึ่งจุดนี้ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาวุธวางแนวกันพื้นที่ไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้ที่เกิดเหตุ เมื่อมาถึงที่รั้วประตูด้านหน้าห่างจากตัวบ้านประมาณ 40 เมตร นายมานพได้ชี้จุดที่รถเก๋งของกลุ่มผู้ก่อเหตุไปจอดที่หน้ารั้ว
จากนั้น นายมานพ ที่นั่งอยู่เบาะหลัง ได้ลงเดินจากรถไปถาม นางนิลทิพย์ ปาลคะเชนทร์ หรือ แตง อายุ 49 ปี ภรรยานายธรรมรงค์ กำลังนอนเล่นอยู่ที่เปลในศาลาหน้าบ้านว่า มีใครอยู่ในบ้านบ้าง ระหว่างนั้น ด.ต.อรรถพร ได้เดินเข้ามาและใช้อาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 ลั่นไกยิงใส่นางนิลทิพย์ทันที จนวิ่งไปล้มฟุบข้างโอ่งน้ำเสียชีวิตทันที
ต่อมาผู้ก่อเหตุ 3 คนมี ด.ต.อรรถพร นายธรรมรัตน์ พี่ชาย และนายมานพ ถืออาวุธปืนวิ่งเข้าไปรัวยิงใส่ตัวบ้านและในบ้านจนเกิดการยิงต่อสู้กัน และนายอรรถพล หรือบาส ลูกชาย ด.ต.อรรถพร เป็นคนขับรถเก๋งได้เลี้ยวหัวกลับรถมาจอดรอหลังพบว่าคนในบ้านทั้งหมดเสียชีวิตแล้ว และนายธรรมรัตน์ พี่ชาย ด.ต.อรรถพร เสียชีวิตด้วย เหลือตนกับ ด.ต.อรรถพร 2 คน โดยตนนั่งเบาะหน้าข้างคนขับ ส่วน ด.ต.อรรถพร นั่งเบาะหลัง รีบออกมาจากที่เกิดเหตุ ตำรวจใช้เวลาทำแผนชี้จุดประมาณ 15 นาที
จากนั้นไปยังจุดที่ 3 นายอรรถพล หรือบาส ขับรถไปที่ขุนคีรี รีสอร์ท ต.เขาพัง อ.บ้านตาขุน ทำการสับเปลี่ยนเป็นรถเก๋งฮอนด้า ซิตี้ ที่ ด.ต.อรรถพร วางแผนนำไปจอดรอไว้ก่อนแล้ว และ ด.ต.อรรถพร ได้นำเอาอาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 ที่ยืมเพื่อนตำรวจมาทิ้งไว้ในห้องพักรีสอร์ท และนายอรรถพล ขับรถมี ด.ต.อรรถพร นั่งมาด้วยมาส่งตนที่บ้านใน ต.เขาพัง แล้วแยกย้ายกัน
นายมานพ กล่าวว่า ตนไม่รู้มาก่อนจริงๆ ว่า ด.ต.อรรถพร จะพามายิงบ้านผู้ใหญ่รงค์ คิดว่า ด.ต.อรรถพร จะชวนมาเป็นสายล่อซื้อยาเสพติดจึงมาด้วย แต่เมื่อเกิดเหตุยิงกันตายหลายศพตนจึงคิดว่าต้องหนี และเมื่อทราบข่าวว่า ด.ต.อรรถพร ยิงนายบาส ลูกชายเสียชีวิตทำให้ตนหวาดกลัวจะถูกฆ่าปิดปาก โดยไม่คิดว่าจะกล้าฆ่าลูกได้จึงตั้งใจว่าจะหนีไปอยู่บนเกาะทางฝั่ง จ.พังงา แต่ลูกๆ ของตนก็กลัวจะว่าตนจะถูกตามฆ่า ได้โทรศัพท์มาตามให้ตนกลับไปมอบตัว จึงติดต่อผ่านกำนันคนหนึ่งในพื้นที่ ขอยอมรับผิดและฝากขอโทษครอบครัวผู้ใหญ่รงค์ด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับ นายมานพ มีประวัติเป็นมือปืนรับจ้างระดับพระกาฬในภาคใต้ รู้จักกับ นายธรรมรัตน์ พี่ชาย ด.ต.อรรถพร ในเรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี เพิ่งพ้นโทษคดีฆ่าคนตายมาไม่นาน ซึ่งระหว่างทำแผนประกอบคำรับสารภาพมีสีหน้าสลดตื่นกลัวด้วยคล้ายกลัวถูกตามล่า