หลังจากที่เราได้รู้จัก น้ำแร่เงินบริสุทธิ์ อนุภาคนาโน ทั้งคุณสมบัติ การที่ช่วยลดเชื้อโรค ปรับสมดุล และฟื้นฟูร่างกายกันไปแล้ว ในตอนนี้จะเป็นการใช้น้ำแร่เงิน นาโน ช่วยรักษาและถอนพิษ โดย ดร.จอมพจน์ พิจิตรภักดีกุล นักวิทยาศาสตร์สายตรงด้านเคมี ที่ต่อยอดงานวิจัย และยกระดับน้ำแร่เงินนาโนที่มีความละเอียดสูงเข้าลึกถึงระดับเซลล์ DNA
ต่อยอดงานวิจัย พัฒนาสู่ Trueking’s Silver Colloidal ฮีโร่นักฆ่าเชื้อโรค ระดับ DNA
ดร.จอมพจน์ อธิบายว่า มีผลงานวิจัยกว่า 1,000 ฉบับ ที่ยืนยันว่า Silver สามารถฆ่าเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดร.จอมพจน์ ได้พัฒนางานวิจัยเพื่อยกระดับโรงงานเดิมที่ผลิตน้ำไฮโดรเจน ให้เป็นการผลิต Trueking’s Silver Colloidal Hydrogen-Oxygen Enrichment (SCH+) ได้ 3 ธาตุธรรมชาติระดับนาโน โดยรับจ้างผลิต และเป็นผู้พัฒนาสูตรให้แบรนด์ที่จำหน่ายในลอนดอน ประเทศอังกฤษ (Trueking’s ไม่มีขายในประเทศไทย ขายในกลุ่มเล็กๆ ในวงการแพทย์ทางเลือกในยุโรปเท่านั้น) ซึ่งมีกลไกช่วยต้านไวรัสครบถึง 7 ขั้นตอนที่มีประสิทธิภาพ คือ
- การช่วยฆ่าเชื้อบนพื้นผิวของไวรัส
- การรบกวนการติดไวรัส
- การช่วยยับยั้งการแทรกซึมของไวรัสเข้าสู่เซลล์
- การปฏิสัมพันธ์กับจีโนมของไวรัส
- การช่วยยับยั้งการจำลองแบบจีโนม
- การช่วยยับยั้งการสร้างโปรตีน
- การช่วยยับยั้งการปล่อย Virions
SCH+ คืออนุภาคนาโนเงิน (AgNPs) ที่มีฤทธิ์ ต้านไวรัส เชื้อรา แบคทีเรีย SCH+ ทำหน้าที่ขนส่งออกซิเจนที่สำคัญไปยังเซลล์ และไฮโดรเจนไปทั่วร่างกาย ช่วยปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกัน สร้างสมดุลของฮอร์โมน ปรับปรุงสุขภาพลำไส้และการผลิตเอนไซม์ย่อยอาหาร ช่วยรักษาสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงสนับสนุนความยืดหยุ่นของหลอดเลือดได้เป็นอย่างดี
สรรพคุณของ Trueking’s Silver Colloidal ในการต้านเชื้อไวรัส-เชื้อโรค
มีผู้ป่วยหลายหมื่นคนที่เข้ารับการรักษาจาก ดร.จอมพจน์ โดยมีทั้งกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นมะเร็ง โรคเชื้อรา โรคหัวใจ ผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากฉีดวัคซีน และผู้ที่ต้องดูแลตัวเองให้สุขภาพดียิ่งขึ้นไป ด้วยน้ำแร่เงิน Trueking’s Silver Colloidal SCH+ Minerals ทำให้มีผลการรักษาดีกว่าเดิม กับสถานการณ์ของโรคระบาดไวรัส ที่มีความรุนแรงมากขึ้นในปัจจุบัน ดร.จอมพจน์ ได้พัฒนา สูตร 3 สหาย สารจากธรรมชาติ เพื่อช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันได้มีประสิทธิภาพมากขื้น โดยเฉพาะ Iodine เป็นสารสำคัญ ที่พบได้ในอาหารธรรมชาติและ มีหน้าที่ในการควบคุมเชื้อโรค
H2O2 (Hydrogen Peroxide)
เป็นสารฆ่าเชื้อธรรมชาติที่ร่างกายผลิตขึ้นเอง มีหน้าที่ป้องกันการเข้าทำลายของเชื้อโรคในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบทางเดินหายใจ และทางเดินอาหาร ซึ่งเป็นเส้นทางที่เชื้อโรคสามารถเข้าสู่ร่างกายเราได้ง่าย การใช้สารฆ่าเชื้อธรรมชาติเหล่านี้ มีประโยชน์ในการสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ในการต่อต้านเชื้อโรคต่างๆ ได้ดีขึ้น และช่วยชะลอการแพร่กระจายของเชื้อโรคในร่างกายได้ดีมากยิ่งขึ้น
DMSO (Dimethyl Sulfoxide)
เป็นสารในธรรมชาติพบได้ในพืช และสัตว์ แต่ในปัจจุบันถูกผลิตจากสารเคมี มีคุณสมบัติเป็นตัวละลายที่ช่วยให้สารอื่นๆ เข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น เช่น การนำยาฆ่าเชื้อเข้าสู่ร่างกาย DMSO ทำให้ยาฆ่าเชื้อซึมผ่านผิวหนังได้ดีขึ้น ลดอาการปวด และการอักเสบในร่างกาย แต่การใช้ต้องระวัง เนื่องจากมีต่อผลข้างเคียง เช่น ผิวหนังแดง ผื่นและคัน ฉะนั้น ควรปฏิบัติตามคำแนะนำ
IODINE
ไอโอดีน เป็นแร่ธาตุในธรรมชาติ ช่วยส่งเสริมฟังก์ชันสมอง สร้างระบบภูมิคุ้มกัน การป้องกันมะเร็ง และโรคเบาหวาน และช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัส ช่วยจัดการ พยาธิ เชื้อโรคในลำไส้ สมอง และช่วยป้องกันการเกิดอันตรายต่อร่างกายจากอนุมูลอิสระ
“เราเอาสารจากพืช อาหาร มาเป็นส่วนผสมในการรักษาผู้ป่วยโรคต่างๆ เป็นสูตรธรรมชาติ แม้ว่าบางครั้งชื่อของสารเหล่านี้จะมีการเรียกว่าเป็นเคมี แต่จริงๆแล้ว เป็นสารธรรมชาติ ที่มีอยู่ในพืชและอาหาร เช่น เมื่อเราใช้สมุนไพรเพื่อรักษาโรค นั่นไม่ได้หมายความว่าเรากินสารเคมี เช่นเดียวกับน้ำที่เป็นสารธรรมชาติ มีชื่อเรียกเคมีว่า H2O เพียงเท่านั้น การใช้สารธรรมชาติจากพืชและอาหารเป็นส่วนผสมในการรักษาผู้ป่วย ไม่ใช่การกินสารเคมี” ดร.จอมพจน์ กล่าว
ดร.จอมพจน์ ฝากถึงผู้ป่วย หรือผู้ที่กำลังสนใจเข้ารับการรักษา และฟื้นฟูสุขภาพด้วย Trueking’s Silver Colloidal SCH+ Minerals แต่ติดปัญหายังกินยาแพทย์แผนปัจจุบันอยู่ สามารถรับการบำบัดได้ แต่จะต้องหาจุดสมดุลที่ร่างกายจะรับได้ เริ่มด้วยการลดสัดส่วนยาลงเป็น 50% หรือ 25% เนื่องจาก Trueking’s Silver Colloidal เข้าไปแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นบนเซลล์ในร่างกาย ช่วยลดเชื้อโรค และสารพิษตกค้างลง แต่ไม่ควรทานยาพร้อม Trueking’s Silver Colloidal SCH+ Minerals เนื่องจากยาเป็นเคมี ไม่เป็นมิตรกับร่างกาย
“ให้ดื่มน้ำแร่เงิน Trueking’s Silver Colloidal SCH+ Minerals ก่อน 1 ชั่วโมง แล้วตามด้วยการทานยา หรือสมุนไพร ที่ท่านทานประจำอยู่แล้ว” ดร.จอมพจน์ กล่าวแนะนำ
Silver Colloidal แร่เงิน แร่ธาตุบริสุทธิ์จากธรรมชาติ มาก่อนกาลนับพันปี
ดร.จอมพจน์ อธิบายว่า การใช้แร่เงินในการรักษาพบบันทึกการแพทย์โบราณจีนมานานถึง 5,000 ปี เป็นยาตามธรรมชาติสำหรับช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆ สมัยชนเผ่าโบราณ เช่น กรีก โรมัน อียิปต์ จีน และฮินดู-อินเดีย โดยคนยุคนั้นใช้เงินในรูปแบบต่างๆ เช่น ภาชนะเงินเพื่อเก็บรักษาของเหลวและป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ป้องกันการแพร่เชื้อโรค
ในช่วง ศตวรรษที่ 18-19 ตอนต้น มีการใช้ซิลเวอร์คอลลอยเดิล เป็นหลักในการต้านแบคทีเรีย รักษาบาดแผลติดเชื้อ ก่อนการใช้ยาปฏิชีวนะ ความเปลี่ยนแปลงเริ่มเกิดขึ้น ในช่วงปี 1920 ด้วยการค้นพบเพนิซิลลิน และยาปฏิชีวนะอื่นๆ การใช้ซิลเวอร์คอลลอยเดิลในกระแสหลักจึงลดลง แต่ “ซิลเวอร์คอลลอยเดิล” ยังคงใช้เป็นยาทางเลือกโดยเฉพาะในรูปของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
ในปี 1914 ตระกูล Rockefeller ชาวยิวไซออนิสต์ ผู้สร้างความมั่งคั่งจากอุตสาหกรรมน้ำมัน (Black Gold) ได้เล็งเห็นโอกาสทางการเงินขนาดใหญ่ ในการผลิตยาสำหรับตลาดยาทั้งหมด ในโลกยุคใหม่ จึงได้ตั้งเป้าหมายที่จะผูกขาดอุตสาหกรรมยาและเคมีทั้งหมดอย่างครบวงจร (ตั้งแต่การผลิตและจัดจำหน่าย ผ่านหน่วยงาน รัฐองค์กรต่างๆและบุคลากร ทางด้าน การแพทย์และสาธารณสุข ไปสู่ผู้บริโภค)
โดยตั้งเป้าที่จะใช้น้ำผลพลอยได้จากการผลิตน้ำมัน (Byproducts) มา เป็นสารตั้งต้นในการแปรรูปผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ให้เป็นเคมีทั้งหมด เพื่อนำไปใช้เป็นส่วนผสม หรือสารตั้งต้นในการผลิตยา และเพื่อเป็นการสอดรับกับแผนการดังกล่าว จึงใช้อำนาจนักเครือข่ายที่มีอยู่อย่างกว้างขวางในทางการเมือง สร้างรากฐานทางการแพทย์แผนใหม่ เริ่มตั้งแต่ระบบการศึกษา วางแนวความคิดที่สอนกันในโรงเรียน และมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ ให้มีแนวคิดตอบรับการใช้ยาที่ผลิตมาจากสารเคมีเหล่านั้นว่าเป็นยายุคใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่ายาจากธรรมชาติที่มนุษย์ใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บกันมายาวนาน โดยให้เรียกยาแทนดั้งเดิมนั้นว่าเป็นเพียง “การแพทย์ทางเลือก” และให้เรียกแนวการใช้ยาเคมีว่า “การแพทย์แผนปัจจุบัน”
นอกจากนี้ ตระกูล Rothschild ยังได้ใช้เครือข่ายเข้าแทรกแซงระบบสาธารณสุขทั้งหมด และทำการเปลี่ยนแปลงการทำงานขององค์การอาหารและยาของสหรัฐ (Food and Drug Administration, FDA) โดยให้กลุ่มวิจัยจากมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ภายใต้ FDA พยายามหาเหตุโจมตีสารจากธรรมชาติ รวมถึงแร่ธาตุ ธรรมชาติเช่น “แร่เงิน” ซึ่งถือว่าเป็นคู่แข่งโดยตรงของยาปฏิชีวนะที่สกัดจากสารเคมี ทำนองเดียวกันกับการที่บริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์กำจัดไวรัส จะสร้าง ไวรัส ใหม่ๆ ออกมา เป็นระยะ บริษัทผู้ผลิตยาฆ่าเชื้อไวรัสก็มีอันจะต้องสร้างไวรัสใหม่ๆ ขึ้นมา จากห้องทดลอง ป้อนสู่ชาวโลก ให้กลายเป็นโรคระบาด ทุกๆ 2-4 ปี เพื่อที่จะขายยาเคมีเหล่านั้น และทำกำไรมหาศาล ได้อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันน้ำแร่เงิน ถูกจัดจำหน่ายภายใต้แนวคิดของ “Homeopathy Remedy” ซึ่งเป็นศาสตร์การรักษาแบบธรรมชาติ คล้ายกับการใช้สมุนไพรในบ้านเรา แต่ก็จะไม่ได้รับการรับรองจาก FDA (อ.ย.สหรัฐ) เนื่องจาก FDA ไม่มีอำนาจควบคุมน้ำแร่ธาตุบริสุทธิ์ ทุกชนิด แม้กระนั้น ก็ได้สร้างให้มีกฎหมาย ห้ามสารพัด เช่น ห้ามโฆษณาสินค้า ห้ามอ้างสรรพคุณ ห้ามขายในร้านขายยา และ กฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง กับการจัดจำหน่ายสารอาหารเสริม และยาสมุนไพร
ดร.จอมพจน์ อธิบายเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา ซิลเวอร์คอลลอยเดิล ถูกเปลี่ยนแปลงมาถึง 3 ยุคด้วยกัน โดยยุคเริ่มต้น น้ำแร่เงินเกิดจากการนำเอาเหรียญเงินไปแช่ในน้ำ ถัดมาในยุคที่ 2 ถูกพัฒนาต่อ โดยใช้เทคโนโลยีไฟฟ้า ช่วยในการละลายแร่เงินให้เป็นอะตอมที่มีขนาดเล็ก ในการละลายสารออกมาจากแร่เงิน ทำให้น้ำแร่เงินที่ได้มีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยในการฆ่าเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ในยุคที่ 3 มีการพัฒนาวิธีการทำให้แร่เงินกลายเป็นนาโน โดยการเสริมออกซิเจนและไฮโดรเจน ในกระบวนการ Green Synthesis โดยใช้พืชและสมุนไพร เป็นตัวเสริมในน้ำแร่เงินออกซิเจนและไฮโดรเจนช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของแร่เงินให้เป็นรูปแบบของอนุภาคนาโน โดยใช้น้ำเปล่าเป็นตัวนำ เพื่อสร้างสารอินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในการต้านทานเชื้อโรค ทำให้สามารถเข้าถึง และฆ่าเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม อนุภาคนาโนที่เกิดขึ้นจะมีขนาดเล็กกว่าเซลล์มนุษย์หลายเท่า น้ำแร่เงินประกอบด้วย แร่เงินบริสุทธิ์ 99.99% และอาจมีสารอื่นๆ เช่น ทองคำ ทองแดงหรือสารอื่นๆ อยู่ในปริมาณ 0.01% เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรค
Silver Colloidal vs. Trueking’s SCH+ Minerals Colloidal Silver Nanoparticles
ปัจจุบันการผลิตน้ำแร่เงินในปัจจุบันยังไม่ได้รับการควบคุม โดยองค์กรอนามัยสากล FDA แต่อาจมีกฎหมายหรือ ข้อจำกัดทางกฎหมายเฉพาะที่ต้องปฏิบัติตาม เช่น ห้ามโฆษณาผลิตภัณฑ์โดย มีการกล่าวให้เห็นถึงคุณสมบัติทางการแพทย์ ห้ามใช้คำว่า “ยา” ในการโฆษณาผลิตภัณฑ์ ห้ามเคลมสรรพคุณทางการแพทย์ ห้ามขายในร้านขายยาโดยไม่มีการขายตามแพทย์สั่งจ่าย และโดยองค์กรอื่นอาจมีกฎระเบียบและข้อบังคับเฉพาะเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่าย
ในขณะที่อุตสาหกรรมยา-เคมี เพิ่มประสิทธิภาพการรักษา และป้องกันโรคใหม่ๆ ด้วยการนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาใช้ได้ เช่น การใช้ Silver, Graphene และ Nanobot ในยา เพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาโรค อย่างไรก็ตาม การใช้สารเคมีในยาต้องผ่านการวิจัยและทดสอบความปลอดภัย เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง อนาคต พวกเขาได้วางรูปแบบ แนวทางไว้หมดแล้วว่า ของที่จะผลิตขายได้นั้นต้องใส่อะไรบ้าง นอกจากนี้ยังมีไล่จดสิทธิบัตรไว้หมดแล้ว
ส่วนการทำงานของน้ำแร่เงิน (Silver) นั้น ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย และอีกหลายๆ แห่งรายงานว่า ไม่พบเชื้อโรคชนิดใดที่สามารถทนต่อการทดสอบด้วย Silver ได้ เนื่องจากน้ำแร่เงิน Silver จะช่วยฆ่าเฉพาะเชื้อโรคเซลล์เดียว และทำลายระบบของเชื้อโรค แต่จะไม่ทำลายแบคทีเรียหลายเซลล์ ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่ดีต่อร่างกายมนุษย์เราเนื่องจาก มีผนัง-ไขมันหุ้มอยู่ สอดคล้องกับผลการวิจัยน้ำแร่เงินจากหลายองค์กรที่ระบุว่า น้ำแร่เงิน Silver เป็นสารที่พบได้ในธรรมชาติ ออกฤทธิ์ต้านเชื้อ เสริมระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย องค์การอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) รายงานว่าแร่เงินเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นสารฆ่าเชื้อโรคมาหลายทศวรรษ
วารสารในปี 1909 ของสมาคมแพทย์อเมริกันฉบับแรก ได้เผยแพร่เกี่ยวกับธาตุเงินนาโนในน้ำ ซึ่งสามารถเพิ่มดัชนีของระบบภูมิคุ้มกันต้นและปลายของเซลล์ภูมิคุ้มกันได้ เรียกว่า Phagocytic พบได้ในอาหารทั่วไปที่เราบริโภคกันอยู่ เช่น ข้าว แป้งสาลี เนื้อวัว และเห็ด พบว่า มีธาตุเงินมากถึงหลายร้อยมิลลิกรัม ต่อกิโลกรัม ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์ ต่างเห็นตรงกันว่าธาตุเงินนั้นไม่เป็นพิษตกค้างในร่างกาย และยังมีความสามารถฆ่าเชื้อโรคได้รวดเร็วโดยที่ไม่ทิ้งผลข้างเคียงไว้ ผลการวิจัยของ Dr.Harry Margraf ระบุว่าน้ำแร่เงินนั้นสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ถึง 650 สายพันธุ์ โดยไม่เป็นพิษต่อร่างกาย นอกจากนี้ Dr.Henry Crooks ได้เผยแพร่ผลการทดลองที่เชื่อถือได้ว่าน้ำแร่เงินสามารถฆ่าเชื้อโรคตายหมดภายใน 6 นาทีโดยปลอดภัยและไม่เป็นพิษต่อมนุษย์ ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของงานวิจัยเกี่ยวกับ Silver ที่มีมากกว่า 1,000 ผลงานในระยะเวลากว่า 10 ปี
นอกจากนี้ ดร.จอมพจน์ ระบุเพิ่มเติมว่า จากผลงานวิจัยในข้างต้น พบว่า Silver เป็นสารที่เราบริโภคได้โดยปลอดภัย เนื่องจากมนุษย์มี Silver อยู่ในร่างกายตั้งแต่เกิดและพบได้ในอาหารธรรมชาติ เช่น สัตว์ป่า, เปลือกไข่, เห็ด และปลา เป็นต้น ดังนั้น ไม่มีข้อกำหนดว่าการบริโภค Silver จะมีอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ และไม่มีหลักฐานใดๆ ที่ระบุว่าการบริโภค Silver จะเป็นโลหะหนักที่ตกค้างในร่างกายอย่าง อะลูมิเนียม, นิกเกิล, แคชเมียม, ปรอท และแพลตตินัม
“อย่าเชื่อข่าวลวงว่าการบริโภค Silver อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ เพราะว่ามีคนบริโภค Silver ปีละ 20 ล้านคน มา 100 ปี และไม่มีหลักฐานใดๆ ที่ระบุว่าการบริโภค Silver จะทำให้ผิวเปลี่ยนเป็นสีเงิน ดังนั้น ข้อเสริมว่า Silver เป็นสารที่ปลอดภัยต่อสุขภาพมนุษย์ และไม่มีอันตรายในการบริโภคเลย ไม่มีพิษ และไม่เป็นโลหะหนักที่ตกค้างในร่างกาย อย่างที่หลายคนเข้าใจผิด ” ดร.จอมพจน์ กล่าว
ขอขอบคุณ