ทนายตั้ม แจงชัดๆ ปมCEOสาวทวงสามีจากผู้ใหญ่บ้านคนสวย ชี้ชัดทรัพย์สิน-ทะเบียนสมรส ฝากเตือนคู่สามีภรรยา ถ้าอยากให้มีกฎหมายรับรอง ควรจดทะเบียน
จากกรณีเฟซบุ๊กแฟนเพจ ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เผยถึงเรื่องราวของซีอีโอสาวบริษัททีวีช่องเคเบิ้ลแห่งหนึ่ง ที่มาปรึกษาและขอความรู้ทางกฎหมายกับทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม กรณีสามีซึ่งอยู่กินกันมา 10 ปี และมีลูกด้วยกัน 1 คน แอบไปจดทะเบียนสมรสกับผู้ใหญ่บ้านสาวสวยคนดัง
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 14 ม.ค.65 ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เปิดใจกับ ‘ข่าวสดออนไลน์’ หลังจากที่คุณมนต์ ซีอีโอสาวบริษัททีวีช่องเคเบิ้ลแห่งหนึ่ง มาปรึกษาเรื่องคดีความ
ทนายตั้ม กล่าวว่า คุณมนต์มาปรึกษาว่าตนไม่ได้จดทะเบียนสมรส แต่ว่าอยู่กับสามีเป็นเวลากว่า 10 ปีและมีลูกด้วยกัน 1 คน แต่ปรากฏว่าสามีไปจดทะเบียนสมรสกับผู้ใหญ่บ้านสาว จ.บึงกาฬ และคุณมนต์มาถามว่าตัวของเธอมีสิทธิ์ที่จะดำเนินคดีฟ้องเรื่องชู้สาวได้หรือไม่ ตนได้อธิบายข้อกฎหมายให้ฟังว่า ในส่วนของคดีการที่เป็นภรรยาแล้วไม่ได้จดทะเบียนสมรส ถ้าหากว่าวันนึงมีผู้หญิงอื่นมาจดทะเบียนสมรสกับสามีของเรา จะกลายเป็นว่าผู้หญิงคนใหม่เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายทันที
อย่างกรณีของคุณมนต์ที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกฎหมาย ก็ไม่ได้รับรองว่าเป็นภรรยาอย่างถูกต้องตามกฏหมาย จะไม่สามารถไปฟ้องร้องผู้หญิงเรื่องชู้สาวได้ ส่วนเรื่องบุตรที่มีอยู่ด้วยกัน บิดามารดามีภาระที่จะต้องอุปการะดูแลเลี้ยงบุตร ถ้าหากบุตรอยู่ฝ่ายไหนก็ต้องช่วยกันเลี้ยงดู ส่วนเรื่องทรัพย์สินต่างๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แบ่งตามทะเบียนสมรส แต่สามารถแบ่งตามกรรมสิทธิ์รวมได้
ส่วนในแง่ของศีลธรรม การเป็นผู้ใหญ่บ้านหรือรับราชการ มีเรื่องวินัยควบคุมอยู่ การที่เราไปยุ่งกับคนที่มีสามีภรรยาแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้จดทะเบียนสมรส เราก็สามารถไปร้องผู้บังคับบัญชาได้ แต่ข้อเท็จจริงต้องอยู่ในระหว่างที่อยู่กินด้วยกัน ยังไม่ทันได้เลิกรา
“ส่วนเรื่องที่่บอกว่าคุณมนต์เป็นฝ่ายบอกเลิกเอง ทราบมาว่าระหว่างที่อยู่กินด้วยกันเป็น 10 ปี ก็มีปัญหาเรื่องการหึงหวงมาเรื่อยๆ สำหรับผู้หญิงคนนี้เริ่มมีปัญหากันตั้งแต่ช่วงเดือนต.ค. เพราะผู้หญิงเข้ามาในบ้านของคุณมนต์ ถึงแม้ว่าภายในรั้วบ้าน จะมีบ้านอยู่หลายหลัง แต่ก็คือบ้านที่ลูกอยู่ คุณมนต์รู้สึกไม่สบายใจจึงทะเลาะกัน และเลิกรากันไป ที่ผ่านมาชีวิตคู่ของเขาทะเลาะกัน คุณมนต์ก็จะน้อยใจแล้วบอกเลิก แต่ท้ายที่สุดก็ยังมีอะไรกันอยู่ ใช้ชีวิตตามปกติ“
ล่าสุดที่เห็นข่าวว่าอดีตสามีประกาศขายบ้าน 100 ล้าน ตนได้ถามกลับไปว่าบ้านที่ประกาศขายเป็นบ้านของใคร ทางคุณมนต์บอกว่า บ้านเป็นชื่อของลูก จึงให้ข้อมูลกลับไปว่าถ้าหากเป็นบ้านของลูก อดีตสามีไม่มีสิทธิ์ที่จะไปโพสต์ขาย จะต้องขออำนาจศาลก่อน
ส่วนที่คุณมนต์ถูกอีกฝ่ายแจ้งข้อหาหมิ่นประมาท เพราะคุณมนต์โพสต์รูปที่พวกเขาสองคนไปจดทะเบียนสมรส พร้อมกับใช้ข้อความในลักษณะที่ว่าไม่ทราบมาก่อนว่าฝ่ายชายไปจดทะเบียนสมรส ตนดูข้อความแล้วก็ไม่น่าจะเข้าข่ายความผิดหมิ่นประมาท
ตอนนี้สภาพจิตใจของคุณมนต์ยังไม่ดีขึ้นในตอนแรกที่เราเจอกัน คุณมนต์ร้องไห้ตลอด โดยในวันที่ 17 ม.ค.จะมีการคุยรายละเอียดกันอีกครั้งหนึ่ง อยากฝากเตือนทุกคนว่าคู่สามีภรรยาถ้าอยากจะให้มีกฎหมายรับรองก็ควรจะไปจดทะเบียนสมรสให้ถูกต้องตามกฏหมาย