นางเอกคนดัง “เบลล่า-ราณี” ติดโควิด ยกเลิกงานหมด ศบค.จ่อปรับบางมาตรการ รองรับการลดสถานะโรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น

จับตาถก ศบค.ชุดใหญ่ จ่อปรับบางมาตรการ อาจมีทั้งปรับสีพื้นที่ การเข้าประเทศไปจนถึงการรายงานสถานการณ์ ก.สาธารณสุขอ้างทำเผื่อรองรับการลดสถานะโรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น แบบไข้หวัดใหญ่ อธิบดีกรมควบคุมโรคย้ำสังคมต้องมูฟออน ไม่ติดกับดักเหมือนปีกลาย เพราะรู้จักเชื้อไวรัสมากขึ้น คนมีภูมิมากขึ้น รวมถึงยืนยันยังคุมสถานการณ์ได้ แม้ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ล่าสุดยังพุ่งทะลุกว่า 1 หมื่นคนต่อวันต่อเนื่องเป็นวันที่สาม ขณะเดียวกัน พบเด็กแรกเกิดถึง 9 ปี ยันเด็กวัยเรียนติดเชื้อพุ่งพรวด ทำให้ต้องเร่งฉีดวัคซีนทั้งในเด็กเล็ก-เข็มกระตุ้นในผู้ใหญ่ มั่นใจคุมโอมิครอนได้สูงสุดต้องระดมฉีดวัคซีน-ตรวจเชิงรุก-คุมพื้นที่เสี่ยง และปฏิบัติตามมาตรการต่างๆอย่างเคร่งครัด

ไทยยังพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด-19) พุ่งทะลุเกินหมื่นคนต่อเนื่องเป็นวันที่สาม แต่ผู้ป่วยเสียชีวิตยังทรงตัว พร้อมกับฉีดวัคซีนไฟเซอร์ป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับกลุ่มเด็กเล็กปกติ อายุ 5-11 ปี เป็นวันแรก

ไทยติดเชื้อทะลุหมื่นอีกวัน

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 7 ก.พ.พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10,470 คน เป็นการติดเชื้อในประเทศ 10,300 คน มาจากเรือนจำ 4 คน เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 166 คน ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,507,471 คน หายป่วยเพิ่มขึ้น 8,711 คน ทำให้มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,392,384 คน อยู่ระหว่างรักษา 92,784 คน อาการหนัก 535 คน ใส่ท่อช่วยหายใจ 102 คน เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 12 คน เป็นชาย 3 คน หญิง 9 คน เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 9 คน มีโรคเรื้อรัง 3 คน ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 22,303 คน ส่วนยอดผู้ได้รับวัคซีนของประเทศไทยเมื่อวันที่ 6 ก.พ. มีการฉีดวัคซีนเพิ่มเติม 216,538 โดส รวมยอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.64 ทั้งสิ้น 117,094,785 โดส

พบคลัสเตอร์ตลาดอื้อ

พญ.สุมนีกล่าวว่า สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดวันที่ 7 ก.พ. ได้แก่ กทม. 1,391 คน สมุทรปราการ 962 คน ชลบุรี 545 คน นนทบุรี 474 คน ภูเก็ต 436 คน นครปฐม 274 คน ราชบุรี 265 คน นครราชสีมา 263 คน นครศรีธรรมราช 213 คน ขอนแก่น 208 คน ทั้งนี้ พบคลัสเตอร์สถานพยาบาลที่ กทม. ขอนแก่น ปทุมธานี ชลบุรี สมุทรปราการ ลพบุรี สงขลา นนทบุรี ภูเก็ต สระบุรี มหาสารคาม ปัตตานี คลัสเตอร์โรงเรียนและสถานศึกษาพบที่สระแก้ว สุรินทร์ ยโสธร สุพรรณบุรี น่าน ราชบุรี มหาสารคาม ขอนแก่น ปราจีนบุรี อำนาจเจริญ มุกดาหาร คลัสเตอร์โรงงานพบที่ ชลบุรี ลพบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี สมุทรปราการ สุรินทร์ อุดรธานี คลัสเตอร์งานประเพณีพบที่ อุบลราชธานี มหาสารคาม สงขลา ร้อยเอ็ด ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ขอนแก่น คลัสเตอร์ตลาดเป็นคลัสเตอร์ที่พบมากที่สุด พบที่ กทม. ชลบุรี อุบลราชธานี ประจวบคีรีขันธ์ ขอนแก่น น่าน หนองบัวลำภู ราชบุรี นครราชสีมา ร้อยเอ็ด ลพบุรี สมุทรสาคร กาญจนบุรี ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี คลัสเตอร์สถานบันเทิงพบที่ขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ประจวบคีรีขันธ์ สุพรรณบุรี ชลบุรี อุดรธานี สงขลา ชุมพร แพร่ น่าน จึงขอความร่วมมือเคร่งครัดมาตรการส่วนบุคคลต่อเนื่อง

มหาสารคามห้ามกินข้าวร่วมกัน

พญ.สุมนีกล่าวว่า มีการคาดการณ์ว่าสถานการณ์ในประเทศยังมีผู้ติดเชื้อเพิ่ม แต่เป็นไปตามที่คาดการณ์ ยังสามารถควบคุมได้ แม้ตัวเลขอยู่ที่หลักหมื่นต้นๆ แต่ถ้าเทียบกับการระบาดของเดือน เม.ย.ปีที่แล้วถือว่าลดลง อัตราค่อนข้างทรงตัว และระบบสาธารณสุขยังรองรับได้ นอกจากนี้ จากการเก็บข้อมูลของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่พบว่า การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เข็มสามขึ้นไป ไม่ว่ายี่ห้อใด สามารถลดความรุนแรงของโรค อาการป่วยหนัก และเสียชีวิตได้ถึงร้อยละ 96 ป้องกันการติดเชื้อจากสายพันธุ์โอมิครอนร้อยละ 68 อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ จ.มหาสารคามได้มีการออกประกาศขอความร่วมมือประชาชนให้งดกินข้าวร่วมกันในการทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งในงานประชุมงานเสวนา พิธีกรรมศาสนา งานบวช งานศพ งานแต่ง และงานบุญต่างๆ รวมถึงสถานที่ทำงาน สถานที่ราชการ คำสั่งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกหนึ่งมาตรการที่จังหวัดต่างๆสามารถนำมาปรับใช้ในการป้องกันการระบาดจากการรับประทานอาหารร่วมกัน

จับตา ศบค.ชุดใหญ่ปรับมาตรการ

เมื่อถามว่า ผู้ปกครองกังวลเรื่องการฉีดวัคซีนในเด็ก พญ.สุมนีกล่าวว่า มีการเร่งรัดนโยบายให้ฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็ก นอกจากอนุมัติให้ฉีดไฟเซอร์ฝาสีส้มในเด็กเล็ก 5-11 ปี ไฟเซอร์ฝาสีม่วงในเด็กอายุ 12-17 ปีขึ้นไป และล่าสุดองค์การอาหารและยา (อย.) ได้อนุมัติวัคซีนซิโนแวคและซิโนฟาร์มสามารถฉีดในเด็กอายุ 6-17 ปี ยืนยันว่าวัคซีนมีความปลอดภัยได้รับมาตรฐาน และให้ผู้ปกครองเลือกวัคซีนได้ตามสมัครใจ แต่ให้พิจารณาตามช่วงอายุของบุตรหลาน ทั้งนี้วันศุกร์ที่ 11 ก.พ. จะมีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ขอให้ประชาชนรอติดตามมาตรการที่อาจปรับเปลี่ยน

สหรัฐฯมอบอุปกรณ์ป้องกันโควิด

ส่วนที่กระทรวงสาธารณสุข เวลา 10.30 น.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข พร้อมด้วยนายไมเคิล ฮีธ อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค รับมอบวัสดุวิทยาศาสตร์ จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ภายใต้โครงการ COVID-19 American Rescue Plan Act (ARPA) นายไมเคิล ฮีธ กล่าวว่า ขอบคุณประเทศไทยที่ให้ความร่วมมือกับนานาชาติ ครั้งที่ไทยพบผู้ติดเชื้อรายแรกก็ได้ส่งข้อมูลโควิด-19 ให้กับสาธารณะเพื่อการรับมือและเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสมาโดยตลอด รัฐบาลสหรัฐฯได้มอบวัสดุเพื่อตรวจวินิจฉัยโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR และอุปกรณ์ป้องกัน (PPE) รวมมูลค่ากว่า 49.5 ล้านบาท เพื่อลดผลกระทบของโรคระบาด

วอนคนมาฉีดบูสต์โดส

นายอนุทินให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อที่มีจำนวนหลักหมื่นมา 2-3 วัน ว่าโอมิครอนติดง่าย ความรุนแรงไม่เท่าสายพันธุ์ที่ผ่านมา สิ่งจำเป็นที่สุดคือการรับวัคซีน ส่วนใหญ่ฉีดไปมากแล้ว และตอนนี้เริ่มฉีดบูสต์เตอร์โดส ขอวิงวอนให้มาฉีดเมื่อถึงเวลา คนส่วนใหญ่ได้รับวัคซีน ทำให้อาการไม่รุนแรง การเสียชีวิตน้อยลง ผู้เสียชีวิตมากกว่าร้อยละ 80 เป็นผู้ไม่ได้รับวัคซีน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเสี่ยง 608 แสดงให้เห็นชัดว่าหนทางทำให้ปลอดภัยคือการรับวัคซีน เราไม่สามารถไปบอกล็อกดาวน์หรือบังคับอะไรได้ เพราะตอนนี้เหลือแต่ผับ บาร์ คาราโอเกะ เท่านั้นที่ยังไม่ให้เปิด เพราะฉะนั้นหากเราสามารถให้ความร่วมมือต่อไป อย่ารวมกลุ่มกันในคนหมู่มากเกินไป ระมัดระวังตัวเองตลอดเวลา ก็น่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ แต่ยังจะไม่เสนอผ่อนคลายมาตรการเต็มที่ เพราะวันนี้ยังมีการติดเชื้ออยู่ อาจจะมีการปรับรูปแบบการรายงานโดยอิงตามสากลเป็นข้อเท็จจริง เพื่อให้ประชาชนใช้ชีวิต ท่ามกลางสถานการณ์ที่เป็นปกติมากที่สุด

ย้ำคุมสถานการณ์ได้

ด้าน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ประเมินสถานการณ์ขณะนี้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ เทียบอัตราผู้เสียชีวิตเดิมมีสัดส่วนถึงร้อยละ 2.0 ตั้งเป้าหมายลดลงให้ไม่เกินร้อยละ 0.1 ขณะนี้ลดเหลือร้อยละ 0.22 ถือว่าค่อนข้างต่ำ อยู่ในเกณฑ์ตามหลักวิชาการ และยิ่งการฉีดวัคซีนได้เพิ่มมากขึ้น เชื่อว่าสถานการณ์จะดียิ่งขึ้น ขณะนี้เข็ม 1-2 อยู่ประมาณร้อยละ 80 ส่วนเข็ม 3 หากฉีดได้ร้อยละ 80-90 ของเข็ม 1-2 ก็น่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ดี

ชงปรับสีพื้นที่เพื่อมูฟออน

ขณะที่ นพ.โอภาส การย์กวินวงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า มาตรการที่จะเสนอ ศบค.ต้องรอนัดประชุม ยังไม่กำหนด หลักๆคงมีการรายงานสถานการณ์การฉีดวัคซีน การปรับพื้นที่ คนเข้าประเทศ การปรับพื้นที่สีคงต้องรอ ศบค.พิจารณา ทั่วโลกผ่อนคลาย หากเราเข้มขึ้นก็จะดูแปลก ตอนนี้ต้องมูฟออน เรายังไปติดกับดักเหมือนปี 2020 ไม่ได้ ชีวิตต้องดำเนินต่อไป ต้องให้สังคมเข้าใจว่าโควิดเชื้อเปลี่ยน คนมีภูมิมากขึ้น มีวิธีป้องกัน ความรู้เรามีมากขึ้น หากทำแบบเดิมก็ไม่เหมาะสม

เล็งปรับไม่บอกยอดผู้ติดเชื้อ

นพ.โอภาสยังกล่าวถึงการปรับรายงานนั้น คงต้องใช้แบบกลางๆ ปรับให้เข้ากับสถานการณ์ หากเราคิดว่าจะเป็นโรคทั่วไป โรคประจำถิ่น ที่เรารายงานคือคนที่ไป รพ.และคนเสียชีวิต ไม่ได้รายงานผู้ติดเชื้อทุกคน อย่างเช่นไข้หวัดใหญ่ ไม่ได้ตรวจทุกคน ถ้าดูตัวเลขคนที่มีอาการหนักไม่ถึงร้อยละ 1 ที่เหลือมีอาการน้อยมาก ตอนนี้เรามีคนไข้นอน รพ.ประมาณ 5 หมื่นคน เป็นปอดอักเสบแค่ 500 คน ใส่ท่อช่วยหายใจ 100 กว่าคน ไม่ถึงร้อยละ 1 เหมือนไข้หวัดใหญ่ไปทุกที ทั้งนี้เวลาปรับระบบก็ค่อยๆลด ไม่ใช่ทำทันที คาดว่าปลายปี หากไม่มีอาการ คงอยู่กับบ้าน

เด็กวัยเรียนติดเชื้อเพิ่ม

ด้าน นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวในเวลาต่อมาว่า กทม.และปริมณฑล และจังหวัดนำร่องท่องเที่ยว เป็นจังหวัดที่ยังมีผู้ติดเชื้อสูง ส่วนสถานการณ์รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา วันที่ 30 ม.ค.-5 ก.พ. ผู้ติดเชื้อ 58,943 คน พบร้อยละ 96 เป็นคนไทย ร้อยละ 1 เป็นเมียนมา ร้อยละ 0.3 กัมพูชา และประเทศอื่นอีกร้อยละ 3 กลุ่มอายุตั้งแต่ระลอก ม.ค. อายุแรกเกิด-9 ปี จนถึง 19 ปี ตัวเลขเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา 0-9 ขวบอยู่ที่ร้อยละ 10.4 จากที่ก่อนหน้าอยู่ที่ร้อยละ 1-2 ตัวเลขเพิ่มจากการระบาดในเด็กเล็กโดยเฉพาะวัยเรียน สอดคล้องการระบาดในโรงเรียนหลายแห่งในขณะนี้ แต่ส่วนใหญ่อาการน้อย อาการมากพบได้บ้าง แต่น้อยกว่าร้อยละ 0.1 แต่ก็ขอให้รีบไปฉีดวัคซีน ส่วนปัจจัยเสี่ยงการระบาด มาจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อก่อนหน้าจากคนในครอบครัว เพื่อนที่ทำงานร้อยละ 47.3 อีกร้อยละ 48.4 มาจากคลัสเตอร์ไปสถานที่เสี่ยงไม่ว่าจะเป็นโรงงาน โรงเรียน ตลาด ขอให้เลี่ยงรวมกลุ่มคน ป้องกันตัวเองครอบจักรวาล อย่างไรก็ตาม ผู้ติดเชื้อกว่า 62,000 คน มีอาการป่วย-ป่วยเล็กน้อยร้อยละ 54.86 ไม่มีอาการร้อยละ 45.14

ประสิทธิผลวัคซีนใช้ได้จริง

ส่วนประสิทธิผลของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 นพ.ทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการศึกษาระดับประเทศเดือน ก.ค.-ธ.ค.64 ในกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงโดยการรับวัคซีน 2 เข็ม ป้องกันการติดเชื้อได้ร้อยละ 65 ป้องกันป่วยรุนแรง/เสียชีวิตร้อยละ 88 แต่เมื่อรับเข็ม 3 หรือบูสเตอร์โดส พบว่าป้องกันการติดเชื้อพุ่งไปถึงร้อยละ 94 ป้องกันการป่วยรุนแรง/เสียชีวิตร้อยละ 98 นอกจากนี้เมื่อประเมินประสิทธิผลต่อเนื่องทุกเดือน ผู้ได้รับ 2 เข็มเดือน ก.ค.ประสิทธิผลป้องกันติดเชื้อเคยสูงร้อยละ 81 พอถึงเดือน ธ.ค.ลดลงเหลือร้อยละ 50 แต่ป้องกันป่วยรุนแรงและเสียชีวิต เดิม ก.ค.อยู่ที่ร้อยละ 89 แต่พอ ธ.ค.ลดเหลือร้อยละ 79 ถือว่ายังสูงอยู่

ทุกสูตรบูสต์ให้ผลไม่ต่างกัน

นพ.ทวีทรัพย์กล่าวด้วยว่า ส่วนผลการศึกษาประสิทธิผลวัคซีนโควิด-19 ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เปรียบเทียบระหว่างเดือน ต.ค.-ธ.ค.เป็นสายพันธุ์เดลตา กับเดือน ม.ค.ที่เป็นโอมิครอน เมื่อดูประสิทธิผลของวัคซีนเข็ม 3 คนที่ได้ซิโนแวค 2 เข็ม กระตุ้นด้วยแอสตราเซเนกา การป้องกันติดเชื้ออยู่ที่ร้อยละ 78 กระตุ้นด้วยไฟเซอร์อยู่ที่ร้อยละ 63 ซิโนฟาร์มกระตุ้นด้วยไฟเซอร์ อยู่ที่ร้อยละ 66 สูตรไขว้กระตุ้นด้วยแอสตราฯ อยู่ที่ร้อยละ 68 ส่วนผู้ที่ได้แอสตราฯ 2 เข็ม กระตุ้นด้วยไฟเซอร์ อยู่ที่ร้อยละ 62 ทั้ง 5 สูตรไม่แตกต่างกัน ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 68 สรุปภาพรวมฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มขึ้นไปมีประสิทธิผลป้องกันป่วยรุนแรง/เสียชีวิตได้สูงมากต่อเนื่อง แต่วัคซีน 2 เข็ม ประสิทธิผลป้องกันการติดเชื้อจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป และไม่เพียงพอที่จะป้องกันต่อการติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน จำเป็นต้องฉีดเข็ม 3 กระตุ้น จะเพิ่มประสิทธิผลการป้องกันให้สูงขึ้น กระตุ้นด้วยไวรัสเว็กเตอร์หรือ mRNA มีผลไม่ต่างกัน ดังนั้นการควบคุมโอมิครอนให้มีประสิทธิผลสูงสุดต้องใช้มาตรการทั้งระดมฉีดวัคซีนเข็ม 3 สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ค้นหาผู้ยังไม่ได้รับมารับการฉีด เฝ้าระวังตรวจค้นหาการติดเชื้อที่รวดเร็ว ติดตามกำกับพื้นที่เสี่ยง ร่วมมือในมาตรการต่างๆอย่างเคร่งครัด

เด็กเล็กประสงค์ไฟเซอร์ร้อยละ 61

วันเดียวกัน นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า กระทรวงศึกษาธิการสำรวจข้อมูลนักเรียนที่ประสงค์ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีส้ม ฉีดเด็กอายุ 5-11 ปี จำนวนนักเรียนทั้งหมด 5,254,366 คน ประสงค์ฉีด 3.18 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 61 ไม่ประสงค์ฉีด 2.07 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 39 แยกเป็นรายภาค ดังนี้ ภาคเหนือ ฉีดร้อยละ 61 ของภาค ภาคอีสาน ฉีดร้อยละ 59 ของภาค ภาคตะวันออก ฉีดร้อยละ 62 ของภาค ภาคตะวันตก ฉีดร้อยละ 57 ของภาค ภาคกลาง ฉีดร้อยละ 66 ของภาค ภาคใต้ ฉีดร้อยละ 55 ของภาค ส่วนที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จะอนุมัติใช้วัคซีนซิโนแวค และวัคซีนซิโนฟาร์ม สำหรับอายุ 6 ปีขึ้นไป ศธ.ก็จะสำรวจเด็ก นักเรียนที่ประสงค์อยากจะฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตายด้วย

ร่ำไห้ระงมวัดเผา “น้องมอส”

ส่วนที่ฌาปนสถาน วัดเขากลาย หมู่ที่ 3 ต.ชะมาย อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เวลา 14.00 น. มีการฌาปนกิจศพ ด.ช.นราวิชญ์ หรือน้องมอส วัชคิรินทร์ อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนวัดธรรมเผด็จ ที่เสียชีวิตหลังจากไปฉีดวัคซีนไฟเซอร์ เข็มแรก เมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่โรงยิมเนเซียม หน้าที่ว่าการอำเภอทุ่งสง ซึ่งเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนของ รพ.ทุ่งสง แล้วเกิดอาการแพ้วัคซีนรุนแรง และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา มีคณะครู เพื่อนนักเรียนโรงเรียนเดียวกัน พร้อมด้วยญาติและเพื่อนบ้านมาร่วมในพิธีกว่า 300 คน โดยเฉพาะเพื่อนนักเรียนชาย-หญิง หลังวางดอกไม้จันทน์เรียบร้อยแล้ว ต่างพา กันมาเข้าแถวจับกลุ่มร้องไห้ที่หน้าเมรุด้วยความเสียใจที่เพื่อนต้องจากไปอย่างกะทันหัน

พัทยาจี้รัฐปลดล็อกสถานบันเทิง

วันเดียวกัน นายกฤษณ์ จิระมงคล ผู้ช่วยประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในฐานะนายกสมาคมผู้ผสมเครื่องดื่มและบริการ (พัทยา ชลบุรี) เปิดเผยว่า เมื่อปลายเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ในการประชุมร่วมระหว่างกลุ่มวันวอยซ์พัทยา ที่เป็นการรวมตัวกันของผู้ประกอบการธุรกิจในเมืองพัทยาร่วม 30 องค์กร กับนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. ที่เมืองพัทยา เพื่อหาทางออกให้กับกลุ่มธุรกิจประเภทบาร์เบียร์และคาราโอเกะ สามารถดำเนินการขออนุญาตในระบบ SHA+ ได้ เนื่องจากในข้อกำหนดประเภทธุรกิจมีเพียง 10 ประเภท ไม่ครอบคลุมกลุ่มธุรกิจดังกล่าวของเมืองพัทยา ผู้ว่าการ ททท. รับปากจะนำเรื่องเสนอที่ประชุม ศบค. เนื่องจาก ททท.ไม่มีอำนาจพิจารณาที่จะเพิ่มสถานบริการเป็นหัวข้อที่ 11 พร้อมเปิดรณรงค์ให้ผู้ประกอบการบริการท่องเที่ยวทุกรายปรับตัวเข้ามาตรฐาน SHA+ เพื่อสร้างพัทยาเป็นเมืองสะอาดปลอดเชื้อโควิด-19 ได้จริง ชาวพัทยาจึงอยากขอรัฐบาลปลดล็อกเปิดเมืองพัทยาโดยเร็วเพื่อสามารถต้อนรับนักท่องเที่ยวทหารอเมริกันและซาอุดีอาระเบียที่กำลังเข้ามาในเร็ววันนี้ เชื่อว่าเป็นวิธีบูรณาการที่เป็นรูปธรรมและดีที่สุดเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน

“เบลล่า” เลื่อนงานหลังติดโควิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากตลอดเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา มีดาราประกาศติดเชื้อโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด นางเอกคนดัง เบลล่า-ราณี แคมเปน ได้โพสต์ในอินสตาแกรมส่วนตัวว่า เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ได้เข้าทำงานและภายหลังได้ทราบว่าเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 จึงได้กักตัวและเฝ้าระวังตัวทันที และเดินทางไปทำการตรวจ RT-PCR เพื่อให้ได้ผลที่แน่นอน ผลได้ออกมาวันนี้ (7 ก.พ.65) ว่าพบเชื้อโควิด-19 ผู้จัดการส่วนตัวได้แจ้งผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงตารางการทำงานทั้งหมดของตนจะถูกเลื่อนออกไปจนกว่าจะรักษาหายดี ตนขอขอบคุณทุกกำลังใจและความห่วงใย และขออภัยผู้เกี่ยวข้องที่ได้รับผลกระทบด้วย