“น้าเน็ก” เปิดใจ หลังมีดราม่า ขอโทษ “ทิดไพรวัลย์” บอกถือว่าคุณชนะ ยันไม่มีความจำเป็นต้องเกาะกระแส เสียใจที่เรื่องในสังคมอีกหลายเรื่อง ไม่ถูกหยิบมาเป็นไวรัล
จากกรณี ดราม่า ทิดไพรวัลย์ ประกาศยุติบทบาทการทำหน้าที่เป็นหนึ่งในผู้ดำเนินรายการ “นินทาประเทศไทย” นอกเหนือจาก น้าเน็ก, ได๋ ไดอาน่า และดีเจหมึก โดยก่อนที่จะประกาศ ได้เคลียร์ตัวเองกลางรายการ พร้อมยืนหยัดในความเป็นตัวเอง และเมื่อประกาศขอยุติการทำหน้าที่ ก็ได้ขอออกจากรายการไปทันที ซึ่งในตอนนั้น เหมือนผู้ร่วมรายการอีกหลายคนจะดูเหวอๆ กระทั่งเกิดเป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา
จากนั้น ทิดไพรวัลย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชี้แจงว่า ผมก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมทุกคนต้องเหวอ ในเมื่อก่อนเข้ารายการ เราก็นั่งคุยกันอยู่ และทุกคนก็ทราบว่า ผมจะชี้แจงเรื่องของตนเอง และลุกออกจากรายการ ทั้งยังบอกว่า ผมอยากให้น้าเน็กพูดและพูดด้วยคำสัตย์คำจริงว่า ก่อนเข้ารายการ ผมได้แจ้งน้าเน็กอย่างชัดเจนและครบถ้วนอย่างตรงไปตรงมาก่อนหรือไม่
และว่า ผมรู้ดีว่า ต่อให้ผมอยู่ต่อหรือผมลุกออก ผมก็โดนด่าทั้งสองทางอยู่ดี แต่ผมเลือกอย่างหลัง คือเลือกลุกออก หลังจากที่ได้พูดเรื่องของตัวเองแล้ว เพราะอย่างน้อย ผมก็เห็นว่า นี่คือสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ใช่ดีที่สุดสำหรับผม แต่ดีที่สุดสำหรับรายการ สำหรับคนดู ซึ่งยังอาจพอจะได้สาระอะไรบ้างจากเรื่องที่พี่ๆ ทั้ง 3 คนจะคุยหลังจากที่ผมลุกออกไปแล้ว ผมเป็นคนเปิดเผยและตรงไปตรงมา ที่สำคัญอย่างที่พูดคือผมเคารพคนอื่น เท่าๆ กับที่ผมเคารพความรู้สึกตัวเอง
ล่าสุด น้าเน็ก ได้ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก “Nanake555” ซึ่งช่วงหนึ่งได้พูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า เหตุผลที่ตนไม่ออกมาชี้แจงอะไรในเชิงรายละเอียดที่เป็นประเด็น เพราะเชื่อว่าไลฟ์สดเมื่อวาน ทั้งในเฟซบุ๊ก และยูทูบ เป็น Digital Footprint ที่คนจะเข้าไปดูได้ซ้ำแล้วซ้ำอีก นาทีต่อนาที ทุกคนจะได้เห็นทุกคำถาม ทุกท่าที ทุกอากัปกิริยาของตน ว่ามันไม่ใช่การเอาใครมาสับในรายการ
“และในท้ายที่สุด เพื่อจะได้ไม่ต้องโต้กันไปกันมา ทิดเอกครับ ผมถือว่าคุณชนะ คุณถูกต้องครับ ผมขอโทษ ผมขอโทษแล้วกันครับ ถ้านั่นจะเป็นวันที่แย่และเลวร้ายอีกวันหนึ่ง ถ้าผมมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ผมขอโทษแล้วกัน ผมคิดว่าอะไรเกิดขึ้นแล้วดีงามเสมอ ผมไม่บังอาจสอนคนที่บวชเรียนมาหลายสิบพรรษาหรอกนะครับ ผมเป็นคาทอลิก ที่ก็ไม่ได้เป็นศาสนิกชนที่ดีนัก
แต่ถ้าคุณยังจำได้ ในวันที่คุณห่มผ้าเหลืองกับพระมหาสมปอง พนักงานออฟฟิศของผม ชาวพุทธแท้ๆ ก็ยกมือไหว้คุณเบาๆ แต่ผมที่เป็นคาทอลิก กราบเบญจางคประดิษฐ์แทบเท้าคุณทุกครั้ง ทั้งในที่สาธารณะและที่ส่วนตัว ผมเคารพคุณเสมอ ผมยกย่องคุณ ถ้าจะพูดกันให้แบบไม่ต้องโลกสวย คือ ผมว่าผมก็มีชื่อเสียง และผมก็มีหลัก มีฐานพอสมควร ที่ไม่มีความจำเป็นจะต้องไปเกาะกระแส หรือต้องเรียกใครมาเพื่อเอากระแสจากคนนั้น หรือต้องเกาะใครดัง
ผมชอบคุณ และเมื่อวานผมก็พูดกับคุณเป็นการส่วนตัวว่า ผมกำลังเริ่มชอบคุณแล้ว เสียดายจังที่เราไม่ได้ทำงานร่วมกัน แต่คุณที่ผมเคยชอบ ก็เป็นคนละคนกับคุณวันนี้ ผมก็เลยเข้าใจความรู้สึกของคนหลายล้านคน ที่คงรู้สึกเหมือนผมว่า เขาเคยชอบคุณในแบบหนึ่ง วันนี้ คุณก็กลายเป็นอีกแบบหนึ่ง ซึ่งมันไม่ได้ผิดอะไรเลย เอาเป็นว่าสิ่งที่ผมเศร้าที่สุดกับเหตุการณ์นี้อย่างเดียวเลยจริงๆ คือเรื่องหมอกระต่ายที่เราพูดกันเมื่อวาน เรื่องสำนึกจราจร เรื่องน้ำมันรั่ว เรื่องปลดล็อกกัญชา เรื่องบริษัทประกันเจ๊งเพราะโควิด ฯลฯ กลับไม่มีไวรัลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่มีการพูดถึงในพื้นที่สื่อเลย ฟีดข่าวหมอกระต่ายก็น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
ถ้าผมเป็นส่วนหนึ่งในดราม่านี้และเบียดบังเรื่องราวที่มันควรจะได้รับความสนใจมากกว่านี้ นี่ต่างหากที่ผมเสียใจ เพราะฉะนั้นผมขอโทษครับ ผมขอโทษทิดเอก ผมขอโทษคุณไพรวัลย์ครับ เพราะฉะนั้นนี่คือสิ่งที่พี่อยากพูดครับ นี่คือวิธีที่พี่รับมือกับความเห็นต่าง พี่มีความรู้สึกว่าไพรวัลย์ เขาก็เห็นต่างจากพี่ เขาก็คอมเมนต์พี่ แขวนพี่ นี่คือวิธีที่เขารับมือ ก็โอเค ได้ เพราะว่าดูแล้วเราคุยกันไม่รู้เรื่อง เราเชื่อกันคนละแบบ และสำหรับใครก็ตามที่เห็นว่าเรื่องนี้พี่สับเขา เป็นการแสดง ดราม่าหากระแส โอเค น้องๆ มีสิทธิ์คิดอย่างนั้นได้ แต่ถ้าน้องๆ เข้าใจว่าพี่กำลังสื่อสารและทำอะไรอยู่ พี่รู้ว่าน้องๆ เข้าใจครับ เพราะว่าสิ่งที่พี่ทำมาตลอดเป็นเครื่องยืนยันว่าเจตนารมณ์พี่ไม่เคยเปลี่ยน สำหรับใครที่ยังไม่ค่อยรู้สึกโอเคกับพี่ ก็ขอโอกาสให้เราได้รู้จักกัน”.