“บิ๊กราญ” นำทัพตำรวจนครบาลโชว์ผลงาน รวบแก๊งค้ายาเสพติด พร้อมของกลางยาบ้าเกือบ 2 แสนเม็ด ไอซ์ 300 กิโล และอาวุธปืน โดยผู้ต้องหาใช้บ้านย่านรามคำแหงเป็นแหล่งซุกยา ก่อนลำเลียงส่งลงภาคใต้ พร้อมเตรียมขยายผลจับกุมเครือข่ายผู้ค้า
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 16 พ.ย. 64 ที่ บก.สปพ. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น., พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รองผบช.น., พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว ผบก.สปพ., พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.สายตรวจ บก.สปพ., พ.ต.ท.อัครพล โทยะ, พ.ต.ท.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์ รองผกก.สายตรวจ และ พ.ต.ต.เชษฐพร บัวจันทร์ สว.งานสายตรวจ 2 ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมนายอัจฉริยะ แฉล้มวารี อายุ 40 ปี นายลัทธิ ปิ่นเกตุ อายุ 42 ปี พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 196,000 เม็ด ยาไอซ์ 300 กิโลกรัม อาวุธปืนลูกซองยี่ห้อเรมิงตัน 8.0 จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนลูกโม่ ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืน 54 นัด รถยนต์จำนวน 10 คัน รถจักรยานยนต์ 2 คัน สมุดบัญชีและโทรศัพท์มือถือ โดยจับกุมได้ที่ บ้านเลขที่ 11 ซอยพัฒนาการ 69 แยก 2-1 แขวงและเขตประเวศ ต่อเนื่อง ลานจอดรถภายในซอยลีวัน รามคำแหง 24 แยก 2 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง
พล.ต.ท.สำราญ กล่าวว่า สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ทางตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้จับกุมเครือข่ายยาเสพติดเป็นของกลางกว่า 1 ล้านเม็ด ซึ่งจากการสอบสวนพบว่ามีเครือข่ายอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ทางพล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8 จึงสั่งการให้ทางตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประสานข้อมูลมายังกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยทางกองกำกับการสายตรวจจึงได้ทำการประสานข้อมูลทางการสืบสวน กระทั่งทราบว่าผู้ต้องหาทั้งสองใช้บ้านหลังดังกล่าว เป็นแหล่งซุกซ่อนยาเสพติด เพื่อเตรียมลำเลียงส่งต่อไปยังจังหวัดทางภาคใต้ จึงได้นำกำลังไปสังเกตการณ์
กระทั่งพบผู้ต้องหาทั้งสองกำลังลักลอบขนส่งยาเสพติดเข้าไปในรถ จึงแสดงตัวขอเข้าตรวจค้น พบยาบ้าของกลางซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าเดินทางบริเวณหลังบ้านและยาไอซ์หนักประมาณ 100 กิโลกรัม อยู่ในรถยนต์นิสสัน เทียน่า ทะเบียน 3 กถ 4880 กรุงเทพมหานคร โดยผู้ต้องหากำลังขับออกจากบ้านพัก มีการดัดแปลงบริเวณส่วนท้ายไว้สำหรับการซุกซ่อนยาเสพติด นอกจากนี้ยังพบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนอยู่ภายในบ้าน อย่างไรก็ตามภายหลังจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองรับสารภาพว่า ลักลอบนำยาไอซ์ซุกซ่อนไว้ในรถยนต์อีก 2 คัน จอดไว้ที่ซอยลีวันรามคำแหง 24 แยก 2 เจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปตรวจสอบพบรถยนต์ทั้งสองคันจอดอยู่ โดยมีการดัดแปลงช่วงท้ายไว้สำหรับซุกซ่อนยาเสพติดเช่นกัน พบว่ารถทั้งสองคันมียาไอซ์บรรจุอยู่ในถุงชาสีเขียว คันละ 100 ถุง น้ำหนัก 100 กิโลกรัม รวม 200 กิโลกรัมจึงทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมดไว้
พ.ต.ต.เชษฐพร กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้นำยาเสพติดทั้งหมดมาจากเอเย่นต์รายหนึ่งที่ขับรถนำมาส่งให้จากจังหวัดหนองคาย ในส่วนของรถยนต์ที่ใช้ในการลำเลียงยาเสพติดนั้นก็รับมาจากเครือข่ายยาเสพติดในภาคใต้เป็นคนส่งมา ซึ่งทันทีที่รถยนต์และยาเสพติดมาพร้อมกันก็จะทำการลำเลียงโดยดัดแปลงช่วงท้ายไว้สำหรับซุกซ่อนยาเสพติด ก่อนที่ทั้งสองจะขนส่งยาเสพติดไปทางจังหวัดภาคใต้ โดยในการส่งมอบยาเสพติดนั้นจะส่งมอบทั้งคัน ซึ่งได้รับค่าจ้างครั้งละ 150,000 บาท อย่างไรก็ตามขบวนการนี้จะเลือกใช้รถยนต์ที่ราคาถูกและเป็นลักษณะรถบ้านเพื่อไม่ให้เกิดความผิดสังเกตและยากต่อการจับกุม
นอกจากนี้ พล.ต.ท.สำราญ ยังกล่าวอีกว่า หลังการจับกุมได้สั่งการให้ชุดสืบสวนตรวจสอบการได้มาของรถที่ใช้ในการลำเลียงยาเสพติดว่าปรากฏชื่อผู้ใดเป็นผู้ครอบครอง หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ซึ่งจะขยายผลการจับกุมเครือข่ายกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดรายนี้ อย่างไรก็ตามฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน หากมีเบาะแสเกี่ยวกับยาเสพติดสามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 191 ตลอด 24 ชม.
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาไอซ์,ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และดำเนินคดีกับนายอัจฉริยะผู้ต้องหาที่ 1 เจ้าของอาวุธปืน ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต อีกหนึ่งข้อหา ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.