จากกรณีเมื่อคืนวันที่ 3-4 ตุลาคม ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 20.30-21.00 เกิดปรากฎการณ์ แสงแนวตั้ง หลายสิบแท่ง ปรากฎบนท้องฟ้า จ.ระนอง ทำให้ประชาชน ในหลายพื้นที่ ของ อ.เมืองระนอง,อ.ละอุ่น,อ.กะเปอร์ จ.ระนอง รวมทั้ง ที่ จ.เกาะสอง ประเทศเมียนมา สามารถมองเห็นลำแสงประหลาดนี้เกิดขึ้นในห้วงเวลาเดียวกัน นานประมาณ 20-30 นาที ทางทิศตะวันตก ซึ่งหลายคนสามารถถ่ายรูปเอาไว้ได้ ก่อนจะมาแชร์ในสื่อออนไลน์
ต่อมา ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับปรากฏการณ์ดังกล่าว ว่า ลำแสงประหลาดนี้คือ ปรากฎการณ์ เสาแสง หรือ Light pillar โดยเพจ NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เปิดเผยว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดจากการที่มีผลึกน้ำแข็งรูปแผ่นแบน (plate ice crystals) จำนวนมากอยู่ในอากาศ อยู่ในตำแหน่งกึ่งกลางระหว่างแหล่งกำเนิดแสงและผู้มอง
ทำให้แสงจากแหล่งกำเนิดแสงสะท้อนผิวล่างของผลึกน้ำแข็งเหล่านี้ พุ่งตรงไปยังผู้มอง ทำให้ผู้มองเห็นเป็นเส้นแสงในแนวดิ่ง เรียกว่า เสาแสง (light pillars) ในประเทศที่มีอากาศหนาวเย็นจัด ผลึกน้ำแข็งดังกล่าวมักล่องลอยอยู่ใกล้พื้น ทำให้เห็นเสาแสงพุ่งขึ้นจากพื้น ส่วนกรณีอื่นๆ เช่น ปรากฏการณ์เสาแสงที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนั้น เกิดจากผลึกน้ำแข็งในเมฆระดับสูง เช่น เมฆซีร์โรสเตรตัส (Cirrostratus) ทำหน้าที่เป็นตัวสะท้อนแสง จึงเห็นเสาแสงจะปรากฏอยู่สูงจากพื้นค่อนข้างมาก
ขณะที่ รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant ระบุว่า แสงประหลาดที่ระนอง เรียกว่า “Pillars of Light เสาแห่งแสง ” ครับ เมื่อคืนวาน มีรายงานการพบเห็นแสงประหลาดบนท้องฟ้า แถวริมทะเลของอำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง จากหลายพื้นที่ครับ และมีการถ่ายรูปไว้ด้วยเป็นจำนวนมาก (แปลว่าไม่ใช่ภาพตัดต่อหลอกชาวบ้านแน่นอน) แสงที่เห็น ไม่ใช่ฝนดาวตก ประตู Asgard หรือมนุษย์ต่างดาวบุกโลกอะไร แต่เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่สามารถพบเห็นได้เรื่อยๆ แม้จะไม่ค่อยบ่อยก็ตาม ที่เรียกว่า pillars of light (หรือ light pillars) แปลว่า เสาแห่งแสง
ภาพเสาแห่งแสงนี้ เพิ่งจะชนะการประกวดของสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) โดยถ่ายจากบริเวณเขาแหลมหญ้า ของประเทศไทยเรานี้เอง ดู https://www.facebook.com/…/pcb…/4604100572986854 ในต่างประเทศ อย่างประเทศฟิลิปปินส์ ก็มีการพบเห็น pillars of light แบบนี้มาก่อน และเคยเป็นที่แตกตื่นกันก่อนเช่นกัน โดยเรียกกันว่า Lansuk-Lansuk ที่แปลว่า เทียนไข ซึ่งทางหน่วยงาน PAGASA (Philippine Atmospheric, Geophysical and Astronomical Services Administration) ประเทศฟิลิปปินส์ ได้อธิบายปรากฏการณ์แสงประหลาดนี้ไว้ว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ทางอุตุนิยมวิทยา ที่เกิดจากผลึกน้ำแข็งในอากาศ สะท้อนแสงของดวงจันทร์
ผู้เชี่ยวชาญของ PAGASA ได้เพิ่มเติมว่า แม้ว่าเมฆชนิดต่างๆ จะสามารถมีผลึกน้ำแข็งอยู่ในเมฆได้ แต่ไม่ใช่ว่าเมฆทุกชนิดจะสามารถสะท้อนแสง ให้เกิด “แสงในแนวตั้ง” ขึ้นบนท้องฟ้าได้
เสาแห่งแสงนั้นอาจจะปรากฏขึ้นที่ไหนก็ได้ ตราบเท่าที่สภาพแวดล้อมปัจจัยตรงนั้นจะเหมาะสม โดยแสงที่เห็นที่ฟิลิปปินส์ครั้งนั้น ปรากฏขึ้นประมาณ 20-30 นาที เนื่องจากผลึกน้ำแข็งในก้อนเมฆนั้นก็ค่อยๆ สลายตัวไป ทำให้การสะท้อนแสงนั้นค่อยๆ หายไปด้วย
หลักการเดียวกันนี้ ก็สามารถจะใช้อธิบายปรากฏการณ์ที่ “จันทร์ทรงกลด” หรือ “halo” ขึ้นได้เช่นกัน